ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอันดับของ หลิน ยู คงอยู่เพียงไม่นานนัก
เนื่องจากเหล่าราชันเหล่านั้นได้ถูกดึงดูดกลับไปอีกครั้งด้วยกองโครงกระดูก พยายามต้านทานการโจมตีของกระแสสัตว์อสูร
ในเวลาเพียง 20 นาที
ราชันที่อ่อนแอผู้โชคร้ายหลายคนได้เสียชีวิตลงท่ามกลางกระแสสัตว์อสูร หลับใหลไปตลอดกาลในสนามรบแห่งนี้
ราชันผู้แข็งแกร่งบางคนใช้ประโยชน์จากโอกาศนี้ในการสะสมทรัพยากรเริ่มอัญเชิญทหารออกมาเป็นจำนวนมาก
จนเวลาล่วงเลยผ่านไป
ในที่สุดเสียงแจ้งเตือนในหัวที่หายไปนานของเหล่าราชันก็ดังขึ้น
[ขอแสดงความยินดีแก่ราชันทุกท่าน ที่รอดชีวิตจากกระแสสัตว์อสูรในวันแรกได้สำเร็จ กระแสสัตว์อสูรได้สิ้นสุดลงแล้ว]
"โกร๋ววว"
ทันทีที่เสียงแจ้งเตือนสิ้นสุด ก็ได้มีเสียงคำรามอันน่าตกตะลึงดังขึ้นจากในส่วนลึกของสนามรบ ทำให้ชั้นบรรยากาศทั้งหมดถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
กองทัพโครงกระดูกซึ่งโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับมันถูกบางอย่างเรียกออกไป พวกมันแต่ละตัวเลิกโจมตีไป ถอยกลับไปยังส่วนลึกของรบราวกับกระแสน้ำ
"มันจบแล้วว ในที่สุดข้าก็ผ่านมันไปได้!"
"ฮ่าฮ่า ข้าได้พลังเวทย์มามากนัก ตอนนี้ข้ามีพลังเวทย์พอสำหรับอัญเชิญทหารแล้ว"
"เมื่อกี้เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่? มันอาจเป็นมอนสเตอร์ราชัน??"
"ก็ลองเข้าไปดูซิ ถ้าเจ้าอยากรู้"
"มีราชันคนใดเหลือรอดจากพื้นที่รอบนอกหรือไม่ มาสำรวจสนามรบด้วยกันเถอะ"
"ไอ้สารเลวเอ้ย! เจ้าหลอกข้าในครั้งที่แล้ว! อย่าให้ข้าได้เจอเจ้านะ!"
"หากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็เข้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ!!"
หลังจากที่กระแสอสูรจบลง ช่องแชทสนามรบก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในทันที
เหล่าราชันจากโลกต่างๆได้ปรากฏตัวขึ้นคนแล้สคนเหล่า ตั้งกลุ่มขึ้นมามองหาคนจากโลกเดียวกันของตน
ราชันจากโลกต่างๆ ค่อยทวีความข้อแย้งกันมากขึ้น ต่างด่าท้อ และท้าทายกันในช่องแชทสนามรบ
หลิน ยู เพียงแค่มองดูมันดูวุ่นวายเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรอีก เพียงแค่ตรวจสอบเกี่ยวกับกระแสสัตว์อสูรรี้
หลังจากที่กระแสสัตว์อสูรสิ้นสุดลง รายการจัดอันดับพลังเวทย์ก็เปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้น ในตอนนี้เขาอยู่ในอันดับ 5
มีพลังเวทย์รวม 22.45 ล้าน
เหล่าราชันอยู่อันดับหนึ่งถึงอันดับสี่ ล้วนมีพลังเวทย์มากกว่า 22 ล้านทั้งสิ้น ซึ่งมันแตกต่างกันไม่มากนัก
ไมเคิลที่อยู่อันดับหนึ่งนั้น มีพลังเวทย์ถึง 26 ล้าน
หลิน ยู เคยเห็นราชันคนนี้ที่ถูกพูดถึงในช่องแชทบ่อยๆ กองกำลังของ ไมเคิล นั้นงดงามมาก
อีกทั้งอีกฝ่ายเป็นเผ่าเทวดา ซึ่งชนะทางเผ่าอันเดดจึงไม่แปลกใจทำไมเขาถึงจัดการมันอย่างง่ายดาย
จริงๆแล้ว ถ้าเขาไม่ต้องตั้งใจรักษาอันดับให้อยู่ต่ำกว่า 20 อันดับแรกในช่วง 40 นาทีแรก อันดับของเขาคงจะพุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่านี้
เขาไม่ได้สนใจการจัดอันดับเท่าไหร่นัก
"ไป พวกเราไปเก็บกวาดสนามรบกันก่อน"
หลิน ยู ยังไม่ลืมซากศพของเนโครแมนเซอร์ที่เขาเล็งเอาไว้
รีบนำทหารพืชออกจากดินแดนไปยังไหล่เขาทันที พร้อมกับให้ดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้ง 17 ตัวกินซากศพตามทาง
ด้วยพลังเวทย์ที่เขาได้มากกว่า 20 ล้านมันเทียบกับซากศพของมอนสเตอร์กว่า 20000 ศพ
ใน 20000 นี้ยังไม่รวมส่วนที่ถูกสังหารจนไปไม่เหลือซาก
ซากศพเหล่านี้คือค่าประสบการณ์ทั้งหมดของดอกไม้แห่งการกลืนกิน ที่ไม่สามารถทำให้เสียเปล่าได้
ในเวลานี้เองความได้เปรียบในการเก็บค่าประสบการณ์ของ ดอกไม้แห่งการกลืนกิน ก็เริ่มแสดงผลออกมา
เมื่อเขาได้เดินไปรอบสนามรบ
ค่าประสบการณ์ของทงเทียนก็สะสมจนเต็มในที่สุด ค่าสถานะของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
[ชื่อ : ดอกไม้แห่งการทำลายล้าง (ราชวงศ์)]
[เผ่าพันธุ์ : พฤกษา (ขุนพล)]
[ระดับ : ระดับ 8 (5000/5000)]
[ความแข็งแกร่ง : 2350 (+2500)]
[ร่างกาย : 2500 (+2500) ]
[ความว่องไว : 2200 (+2500) ]
[วิญญาณ : 2450 (+2300) ]
[สกิล : เกราะป้องกันผู้พิทักษ์ , กลืนกินความตาย , คัดลอกสกิล , ระเบิดศพ(ระยะของการระเบิดเพิ่มขึ้น)]
[ราชาแห่งดอกไม้ : ทหารประเภทดอกไม้แห่งการกลืนกินจะได้รับผลดูดเลือด 10%]
[หมายเหตุ : ทหารพืชอันน่าสะพรึงกลัวที่ปลุกพลังแห่งการทำลายล้างขึ้นมาได้ มันสามารถกลืนกินได้ทุกสรรพสิ่งและพรากเอาทุกอย่างไปเป็นของมัน]
ค่าสถานะของทงเทียนจะเน้นไปที่ร่างกายและวิญญาณเป็นหลัก
สิ่งนี้เพียงไม่รับประกันความสามารถในการเอาตัวรอดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มพลังของสกิลอีกด้วย ซึ่งค่าสถานะทั้งสองนั้นสำคัญอย่างมาก
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของมันยังถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของบรรดาทหารพืชราชวงศ์หลายๆตัว แรงกัดจากปากอันใหญ่โตนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก มันจึงเป้นเรื่องง่ายที่สังหารมอนสเตอร์ระดับ 8 ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว
สำหรับความว่องไวนั้น ถือว่าน่าพอใจทีเดียว มีเพียงมังกรจักรพรรดิปิศาจที่มีค่าประสบการณ์เต็มแล้วเท่านั้นที่น่าจะสูงกว่ามัน
แต่สำหรับทหารพืชอย่างดอกไม้แห่งการกลืนกินนั้น มันยอดเยี่ยมมากแล้ว
ต่อมา
หลิน ยู พาเหล่าดอกไม้แห่งการกลืนกินเดินไปทั่วสนามรบอีกครั้ง
ปล่อยให้ดอกไม้แห่งการกลืนกินที่เหลือกระจายออกไปกลืนกินซากศพอย่างอิสระ
ซากศพของเรโครแมนเซอร์ที่ล้ำค่าเหล่านั้นถูกรวบรวมโดยทหารพืชตัวอื่นที่ถูกเขาส่งออกไปนำมากองรวมกันเอาไว้
หลิน ยู สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดกับ ทงเทียน ซึ่งสูงกว่าตัวเขาหลายเมตร "กลืนกินศพนั้นซะมาดูกันว่าเจ้าจะคัดลอกสกิลอัญเชิญอันเดดของมันได้หรือไม่" เขายังไม่ลืมว่า ทงเทียน นั้นเป็นทหารพืชราชวงศ์ที่มีสกิลในการคัดลอกสกิล
เขาไม่พอใจสกิลอาณาจักรแห่งความตายที่ต้องใช้ซากศพในการอัญเชิญ ตอนนี้เขาพุ่งเป้าไปยังสกิลอัญเชิญอันเดดแทน
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ภายในอาณาจักรลับที่ซ่อนอยู่ เขาสั่งให้ดอกไม้แห่งการกลืนกินเหล่านั้นลองแล้วหลายต่อหลายหน แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่ทำสำเร็จ
สุดท้ายแล้ว สกิลอัญเชิญอันเดดนั้นเป็นหนึ่งในสกิลที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าอันเดด
เมื่อคิดดูแล้ว มันคงไม่ง่ายเลยที่เขาจะคัดลอกมันได้
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
ทงเทียนนั้นสามารถทำลายกฏนี้ได้
นี้เป้นความน่ากลัวของทหารราชวงศ์
ในจังหวะที่ เสียงของ หลิน ยู สิ้นสุดลง ทงเทียนก็เคลื่อนไหว ก้มลงไปกลืนกินหนึ่งในซากศพนั้น
ทันใดนั้นสกิลคัดลอกสกิลก็เปิดการมใช้งาน
ออร่าสีเทาผสมเขียวปรากฏขึ้นมารอบๆร่างของทงเทียน จมหายเข้าไปในร่างกายของมัน
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในหัวของ หลิน ยู
[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล อัญเชิญอัพเดด]
[เนื่องจากเผ่าพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลง สกิลจึงถูกเปลี่ยนเป้น อัญเชิญดอกไม้มรณะ]
[อัญเชิญดอกไม้มรณะ (ใช้งาน) : ใช้พลังงานธรรมชาติเพื่ออัญเชิญดอกไม้มรณะออกมาเป็นจำนวนมากที่มีค่าสถานะเดียวเท่ากับมอนสเตอร์ทั่วไป เป็นเวลา 30 นาที]
สำเร็จ!!
หลิน ยู มีความสุขอย่างมากรีบตรวจสอบดูข้อมูลของทงเทียน ซึ่งมันตรงตามที่แจ้งเตือนในหัวของเขาแจ้ง
ด้วยการใช้พลังธรรมชาติ เขาสามารถเรียกดอกไม้มรณะออกได้อย่างไม่จำกัด!
พูดอีกอย่างก็คือ ตราบใดที่พลังธรรมชาติของเขาฟื้นตัวได้เร็วพอ เขาก็จะสามารถอัญเชิญดอกไม้มรณะออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สกิลนี้คล้ายกับสกิลอัญเชิญพรายไม้ของภูติไม้ธรรมชาติโบราณ
อย่างไรก็ตาม พรายไม้ที่ถูกอัญเชิญออกมาได้นั้นจะอยู่ได้เพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ดอกไม้มรณะที่ถูกอัญเชิญจะอยู่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง
มันเหมือนดอกไม้มรณะที่ฟื้นคืนชีพด้วยสกิลอาณาจักรแห่งความตาย
แน่นอนว่าสกิลทั้งสองนี้มีข้อดีของตัวเอง
แม้ว่าระยะเวลาในการอัญเชิญของพรายไม้จะสั้น และค่าสถานะของพรายไม้เหล่านั้นจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของภูติไม้ธรรมชาติโบราณ ตามค่าสถานะพื้นฐานของภูติไม้ธรรมชาติโบราณ
ภูติไม้ธรรมชาติโบราณจะมีค่าสถานะเฉลี่ยโดยประมาณ 4200 แต้ม เมื่อรวมกับมอสชีวภาพที่เกาะอยู่
แม้ว่ามันจะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ค่าสถานะพื้นฐานมันก็ยังมากขึ้น 2100 ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากองกำลังธรรมดาของเขาเลย
ซึ่งนี้เป็นหนึ่งกองกำลังป้องกันแถวหน้าของเขา
ไม่อย่างนั้นด้วยการพึ่งพาเพียงแค่ภูติไม้สงครามโบราณเพียงอย่างเดียวคงยากที่เขาจะยืนหยัดได้
ตอนนี้เมื่อมีสกิลอัญเชิญดอกไม้มรณะ ของ ทงเทียน มาเสริม แนวหน้าก็ยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้น
หลิน ยู รู้สึกว่าตอนนี้เขาได้ให้อัญเชิญทหารออกมาได้ดีกว่าราชันเผ่าอันเดดและเผ่าแมลงซะอีก
"ดูเหมือนเราต้องหาทหารที่ช่วยฟื้นพลังธรรมชาติมาเพิ่มอีกซักสองสามตัว"
พลังธรรมชาติมีค่าเทียบเท่ากับพลังเวทย์ของทหารพืช
ยิ่งสกิลแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งใช้มากขึ้นเท่านั้น
สกิลที่ดีๆ อย่าง เสียงคำรามแห่งโทสะ , เกราะป้องกันผู้พิทักษ์ , ม่านแห่งชีวิต ล้วนแล้วแต่ต้องการพลังธรรมชาติจำนวนมหาศาล และใช้เวลานานในการฟื้นฟู
แต่ หลิน ยู ไมไ่ด้กังวลมากนัก
เนื่องจาตอนนี้เขามีบัพ เพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูพลังธรรมชาติ 10 ของออร่าแห่งพฤษา และปราช์ญแห่งพงไพรที่ลดการใช้งานสกิลลงถึง 30%
นอกจากนี้ยังมีสกิลดูดซับแสงอาทิตย์ของลี่หยางขุ่ยและหลอมรวมพลังธรรมชาติมอสชีวภาพ
ที่ช่วยการฟื้นฟูพลังธรรมชาติอย่างเร่งด่วน
หากเป็นความสามารถในด้านอื่นๆ เขาไม่แน่ใจ
แต่ถ้าหากเป็นความสามารถในการฟื้นฟู ตกยกให้เผ่าพฤกษาของเขาเลย
แม้แต่เผ่าเทวดาก็ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้
นี้คือเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากที่ ทงเทียน ปรับตัวเข้ากลับสกิลใหม่ได้แล้ว หลิน ยู ก็เรียกดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้ง 17 ตัวมาเริ่มกลืนกินซากศพทีละตัว
ภายใต้ซากศพจำนวนมาก พวกมันทั้งหมดก็ได้คักลอกสกิลที่เหมาะสมได้สำเร็จ
มี 10 ตัวคัดลอกสกิลอาณาจักรแห่งความตาย
อีก 7 ตัวคัดลอกสกิลฝนกรดมรณะ
เช่นนี้แล้ว
ความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับกระแสสัตวูอสูรในวันพรุ่งนี้และมะรืนของเขาก็มีมากขึ้นเช่นกัน
"เอาละ พวกเรากลับไปยังดินแดนกันก่อน"
หลิน ยู ออกคำสั่ง นำกองทัพพืชกลับไปยังดินแดนอีกครั้ง และเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการออกสำรวจนอกดินแดนในครั้งต่อไป
สุดท้ายแล้วมันมีศัตรูมากมายในสนามรบแห่งนี้
เพื่อความปลอยภัยเขาต้องตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดนรอบให้ดี
จะเป็นการดีที่สุดที่จะยืนยันตำแหน่งที่ตั้งของดินแดนของราชันคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ รวมไปถึงความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่าย
หากเป็นไปได้ จะเป็นการดีที่สุดหากเขากำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
ผ่านไปไม่นาน
เขาก็ได้เตรียมการ คัดเลือกทหารพืช เพื่อนำพวกมันออกสำรวจ
จากกระแสสสัตว์อสูรในครั้งนี้ หลิน ยู ได้สังหารมังกรกระดูกระดับบอสไปเกือบ 300 ตัว ขนาดของมิติต้นกำเนิดขยายออกไปจากเดิม 250 เมตร กลายเป้น 310 เมตร
นั้นหมายความว่าเมื่อสังหารมอนสเตอร์ระดับบอสทุก 5 ตัวมิติต้นกำเนิดของเขาจะขยายขึ้น 1 เมตร
มันเร็วกว่าด้านนอกอย่างมาก
ด้วยมิติต้นกำเนิดที่มีขนาดใหญ่ มันจึงไม่มีปัญหาในการรองรับทหารพืชครึ่งหนึ่ง
ส่วนอีกครึ่งที่เหลือเขาให้อยู่เฝ่าดินแดนร่วมกับชิง ถัง และทงเทียน
ด้วยทหารพืชราชวงศ์ที่ดูบนจุดสูงสุดของการต่อสู้แบบกลุ่ม เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเมื่อถูกโจมตีแล้ว จะไม่สามารถกลับมายังดินแดนของเขาได้
"ยังไงก็ตาม มันยังมีโล่ป้องกันอยุ่อีกด้วย"
ก่อนจากไป หลิน ยู ตรวจสอบดูโล่ป้องกันที่อยู่ในดินแดนของเขา
ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ถูกใช้ในช่วงกระแสสัตว์อสูรในตอนนั้น
ในเวลานั้นดินแดนไม่ได้ถูกโจมตีมากนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอะไร
เมื่อมองไปย้อนกลับไปในตอนนี้ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นจึงรีบไปยังเสาพลังงานของโล่ป้องกันที่อยู่รอบๆดินแดน
[ชื่ออาคาร : เกราะป้องกันดินแดน ]
[ระดับสิ่งก่อสร้าง : ระดับ 8 (อัพเกรดตามดินแดน)]
[คำแนะนำสิ่งก่อสร้าง : เมื่อดินแดนถูกโจมตี เกราะป้องกันดินแดนจะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติเพื่อปกป้องดินแดน ความทนทานจะเพิ่มขึ้นตามระดับของดินแดน จำเป็นต้องชาร์ใหม่เพื่อใช้งาน]
[ความทนทานของโล่ : 0/10000]
[การชาร์ทพลังงาน : พลังเวทย์ 1000000 แต้ม]
[ระยะเวลาในการชาร์ท : 1 ชั่วโมง]
อย่างที่คิดเอาไว้
หลังจากที่เทเลพอร์จมายังสนามรบหมื่นโลก ระบบ ไม่เพียงแต่ทำให้ทรัพยากรของเขาเป็นศูนย์เท่านั้น แต่ยังทำให้ความทนทานของเกราะป้องกันดินแดนหายไปอีกด้วย
มันไม่เหมือนทรัพยากรใดๆไว้เลย
แต่ไม่เป็นไร
ในตอนนี้พลังเวทย์เพียงแค่ 100000 แต้ม นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
และเมื่ออัพเกรดเกราะป้องกันดินแดนเป็นระดับ 8 ขีดจำกัดสูงสุดของค่าความทนทานก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเทียบเท่ากับแกนกลางของดินแดน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กลไลการลดลงของความทนทานของเกราะป้องกันดินแดนจะเหมือนกับแกนกลางดิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักประกันสองชั้นสำหรับดินแดน
"เอาละ ไปกันเถอะ!"
หลิน ยู เปิดใช้งานเกราะป้องกันดินแดนที่เต็มไปด้วยพลังงงาน และนำทหารพืชออกไปจากดินแดน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved