ตอนที่ 213 เทียนเจียนเหมิน

"อันตรายงั้นเหรอ ทำไมกัน?"

หลิน ยู ถามอย่างสงสัย

เห็นได้ชัดเลยว่านี้ไม่ธรรมดา มันถึงกับทำให้ จี้ หยุนซวง เตือนเขาเป็นพิเศษ

แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน จี้ หยุนซวงก็ส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง

"ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน แต่ฉันได้ยินมาจากลูกน้องของท่านพ่อ ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่สนามรบหมื่นโลกสิ้นสุดลง ออร่าแห่งความโกลาหลก็จะรุนแรงขึ้นไปช่วงหนึ่ง มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีมอนสเตอร์ระดับ 9 ปรากฏขึ้น หากโชคร้าย ก็เป็นไปได้ที่จะมีมอนสเตอร์ระดับ 10 ปรากฏขึ้น"

"มอนสเตอร์ระดับ 10!?"

หลิน ยู ตกใจมาก เพราะเขาเคยได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของมอนสเตอร์ระดับ 10 มาเป็นการส่วนตัวแล้ว

มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงระดับ 10 แม้แต่ระดับ 9 เพียงไม่กี่ตัวก็ อาจทำให้เขาถูกสังหารได้ เขาคงทำได้แค่เพียงหลบหนีเท่านั้น

สถานที่ศักดิ์แห่งความลับที่อันตรายแบบนี้ ไม่แปลกใจว่าทำไมต้องมีถึง 3 จักรวรรดิในการดูแล

อีกทั้งหมดยังเป็น จักรวรรดิที่ชนพื้นเมืองเป็นคนสร้างขึ้นมาซะด้วย

มันก็เหมือนกับราชันแบบเขา ที่สามารถขึ้นไปยังระดับ 12 ได้

เหล่าผู้ฝึกตนระดับ 12 นี้ไม่รู้ว่าจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

นี้คือเรื่องราวทั้งหมด

ความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปในหัวใจของเขา

เขาพูดคุยกับ จี้ หยุนซวง มากมายเกี่ยวกับประตูแห่งอาณาจักรลับ

ผ่านไปไม่เกิน 10 นาทีเขาก็คุยกันเสร็จและแยกย้ายไปทำอย่างอื่นกันต่อ

ในตอนนั้น

ถ้าจะบอกว่าทำไมเขาถึงไม่ไปประตูแห่งอาณาจักรลับเพื่อตรวจสอบดู

นั้นเป็นคำถามที่ดี!?

เขานั้นไม่ใช่ตัวเอกของนิยาย ที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับอันตรายทุกอย่าง

นี้เป็นที่สิ่งที่คนโง่เท่านั้นที่ทำกัน

ตัวเขาเพิ่งอัพเกรดเป็นระดับ 7 เท่านั้น รากฐานของเขานั้นยังไม่มั่นคง จะเป็นการดีกว่าที่เขาไม่แสไปหาอันตรายทุกที่ โดยสามารถหาข้อมูลก่อนจะดีที่สุด

ดังนั้นเขาจึงลืมเรื่องประตูแห่งอาณาจักรลับไปก่อนชั่วคราว เขาออกจากดินแดนเพื่อตามหา เซียว ฉางกุ้ยและคืออื่นๆเพื่อวางแผนเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง

....

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วพริบตาเดียว ก็ผ่านไป 2 วันในพริบตา

หลังจากผ่านไป 2 วันในที่สุดข่าวการเสียชีวิตของเจ้าเมืองโบราณก็กระจายออกไปทั่ว

ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองที่แห้งแล้ง การสู้รบดำเนินอย่าต่อเนื่องเกิดการแย่งชิงอำนาจกันอย่างดุเดือด ชาวเมืองมากกว่าครึ่งหลบหนีไปยังเมืองรอบๆ

"ฉันได้ยินมาว่าเพิ่งประกาศใหม่จากเมืองหวงซาเมื่อไม่นานมานี้ ว่าชาวเมืองที่ย้ายเข้ามาใหม่จะได้รับการยกเว้นภาษีในเดือนแรก ทำไมพวกเราถึงไม่ไปเริ่มต้นใหม่ที่นั้นหล่ะ"

"เมืองหวงซา? ดูเหมือนจะเป็นเมืองที่พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อเร็วนี้ๆ แถม เจ้าเมืองที่นั้นยังเอาใจใส่ชาวเมืองของเขาอย่างแท้จริง!"

"ยกเว้นภาษีในเดือนแรกงั้นเหรอ นั้นมันเรื่องจริงงั้นเหรอ!?"

"พวกนายไม่เชื่องั้นเหรอ ข่าวแพร่ออกมาซักพักแล้วนะ"

"ใช่ แล้วฉันก็ได้ยินมาอีกนะ ว่ากันว่าเจ้าเมืองหวงซาเพิ่งก้าวสู่ระดับ 7 นี้เป็นการการันตีว่าเมืองของเขาปลอดภัยอย่างแน่นอน"

"จริงเหรอ แล้วจะรออะไรกันอยู่! รีบไปเมืองหวงซาเร็ว!"

ท่ามกลางกลุ่มผู้ลี้ภัย มีหลายคนที่พูดถึงเขา ชื่อเสียงของพวกเขานั้นดังมาก มันได้ดึงดูดความสนใจของผู้ลี้ภัยรอบๆทันที

เมื่อพวกเขาได้รับยินว่าเมืองหวงซาได้กับการยกเว้นภาษีในเดือนแรก พวกเขาก็ดีใจอย่างมาก หันไปปรึกษากับครอบครัวและเพื่อนของพวกเขา

จากข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไปเหมือนโรคระบาด มันยังคงแพร่กระจายออกไปทั่ว ในชั่วพริบตาเดียว ทุกคนก็ได้รู้ข่าวนี้ ต่างถกเถียงกันมากมาย

หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

"ไปกันเถอะ กระจายข่าวนี้ไปยังที่อื่นกันต่อ"

"นี้มัน เป็นไปตามที่นายท่านคิดไว้เลย ด้วยวิธีนี้ จะต้องมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากมาเข้าร่วมกับเมืองหวงซาของเราอย่างแน่นอน"

"เงียบซะ อย่าให้ใครได้ยิน นั้นมีคนมาทางนั้นแล้ว รีบไปกันเถอะ"

ในไม่ช้าก็มีหลายคนออกมาจากเมือง เขาปลอมตัวเข้าไปในเมือง โดยปลอมตัวได้ดีทีเดียว

ด้วยความพยายามเพียงครึ่งวัน

เมืองหวงซาได้รับเหล่าผู้ลี้ภัยเข้ามาจำนวนมาก ข่าวการยกเว้นภาษีผ่านไปเพียง 1 วันแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลินฉวนแห่งนี้ฃ

แม้แต่บนท้องถนนก็ยังมีกลุ่มผู้ฝึกตนคอยรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขา

ผู้ลี้ภัยที่ได้รู้ข่าวก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่าง จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนเส้นทางลากครอบครัวของเขาหน้าทิศทางไปยังเมืองหวงซา ทำให้กลายเป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจบนถนนสายหลัก

....

"นายท่าน เหล่าชาวเมืองเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองหวงซากันหมดแล้ว ท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี"

ภายในเมืองหลินฉวน ซึ่งอยู่ใกล้กับเมื่องโบราณมากที่สุด เหล่าผู้ฝึกตนกล่าวกับโจว เส้าหง อย่างกังวลใจ

"ฉันจะไปทำอะไรได้ ? นายไม่ได้ข่าวงั้นเหรอ? คนๆนั้นเป็นถึงราชันระดับ 7!"

โจว เส้าหงขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เขาก็ต้องการผู้คนเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ตัวเขานั้นไม่กล้า

ในตอนที่เขาได้ยินข่าวกว่า เจ้าเมืองหวงซาได้ก้าวขึ้นสู่ระดับ 7 ตัวเขาก็เกือบจะถือได้ว่าเป็นผู้ไร้พ่ายในพื้นที่แถบนี้แล้ว

การไปยั่วยุเขาไม่เท่ากับการรนหาที่ตายงั้นเหรอ

"นายท่าน นายท่าน! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องออกดังออกจากด้านนอก

ลูกคนอีกคนของเขารีบเข้ามา

"เกิดอะไรขึ้น! มันเกิดอะไรขึ้นกัน!?" โจว เส้าหง ถามพลางขมวดคิ้ว

"ที่เทียนเจียนเหมิน คนจากเทียนเจียงเหมืนกำลังต่อสู้กับคนจากเมืองหวงซา"

"นายว่าไงนะ เทียนเจียนเหมิน!" โจว เส้าหง ยืนขึ้นในทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

เทียนเจียนเหมิน เป็นเหมือนกับสำนักที่ถูกตั้งโดยชาวเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองโบราณ

เมื่อตอนที่เจ้าเมืองโบราณยังมีชีวิตอยู่ พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างมาก

แม้แต่ภายในเมืองโบราณ เทียนเจียนเหมินก็มีอำนาจอย่างมาก แม้แต่เจ้าเมืองโบราณยังต้องยอมให้กับเขา

นั้นก็เพราะ หัวหน้าของ เทียนเจียนเหมิน นั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับ 8

ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังมีฝึกตนระดับ 7 อีกเป็นจำนวนมาภายใต้เทียนเจียนเหมิน มันเกือบจะถึงจุดที่พวกเขาคานอำนาจกับเหล่าราชันได้

ในตอนนี้เจ้าเมืองโบราณได้ตายลงแล้ว เขารู้ว่าเทียนเจียนเมินนั้นไม่มีทางปล่อยเมืองโบราณไปง่ายๆอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ โจว เส้าหง คิดไม่ถึงก็คือ

เทียนเจียงเหมินกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเมืองหวงซา

นี้มันมันเกินความคาดหมายจริง มันทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

บอกตามตรง เขาไม่ได้มองว่าเมืองหวงซานั้นได้เปรียบ สุดท้ายแล้ว อีกฝ่ายนั้นมีผู้ฝึกตนระดับ 8 และผู้ฝึกตนระดับ 7 อีกเป็นจำนวนมากอำนาจของพวกเขาไม่น้อยไปกว่าราชัน เลย

หากทั้ง 2 ฝ่ายต่อสู้กัน ผลลัพธ์ก็ยากที่คาดเดา

เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ถามออกมา "แล้วนายได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของเจ้าเมืองหวงซาแล้วหรือยัง"

"เรียนนายท่าน ในตอนนี้เมืองหวงซาทั้งหมดถูกห้อมล้อมด้วยป่า มันจะเป็นการยากที่จะทำการตรวจสอบ พวกเรารู้เพียงว่าก่อนที่เขาจะไปยังสนามหมื่นโลกนัี้น เขามีทหารพืชระดับ 8 อยู่ข้างๆกาย"

"หือ!?" โจว เส้าหงพึมพำกับตัวเอง ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

"นายท่านพวกเราควรทำอย่างดี" ลูกน้องของเขาถามอีกครั้ง

"รอดูไปก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายดูสูสีกัน เมื่อพวกเขาต่อสู้กันเสร็จสิ้น จนเหลือเพียงหนึ่งเดียว เราจะเข้าร่วมกับคนนั้น"

ดวงตาของ โจว เส้าหง ลุ่มลึกยิ่งขึ้น

ราชันที่รอดมาถึงตอนนี้ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากอย่างแน่นอน

ก่อนที่เขาจะมั่นใจเขาจะไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด

.....

อีกด้านหนึ่ง

ภายในคฤหาส์ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาภายในเมืองโบราณที่ถูกทิ้งร้าง

ผู้คนจากเทียนเจียนเหมิน ก็มีความคิดเดียวกับ โจว เส้าหงหก็ได้มารวมตัวกันในห้องประชุม เสียงหัวเราะที่เย่อหยิ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเจ้าพวกคนจากเมืองหวงซาพวกนี้จะตลกเกินไปแล้ว พวกมันกล้าที่จะต่อสู้กับพวกเราเทียนเจียนเหมิน นี้พวกมันคงคิดว่าพวกเราจะกลัวราชันระดับ 7 ที่เพิ่งเลื่อนระดับจริงๆงั้นเหรอ"

"ใช่แล้ว พวกมันยังบอกอีกนั้นว่านายท่านของพวกมันต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน พวกโง่นั้นจะทำให้ฉันท้องแข็งตายแล้ว"

"ก็แค่ผู้ฝึกตนระดับ 6 เพียงไม่กี่คนกล้าที่จะตะโกนด่าทอใส่พวกเรา เจ้าพวกนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วงั้นเหรอ ฉันจะดูซิว่าราชันของพวกมันจะกล้าต่อสู้กับพวกเราเพื่อคนเดียวเพียงไม่กี่คนของพวกมันไหม"

"ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่าพวกเราเทียนเจียนเหมินทีผู้ฝึกตนระดับ 8 เพียงแค่คนเดียว ถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้"

การพูดคุยของผู้คนจากเทียนเจียนเหมินภายในห้องโถงยังคงดังก้อง น้ำเสียงของพวกเขาดูหยิ่งผยองอย่างมาก ไม่ได้แยแสชื่อเสียงของหลินยู แม้แต่น้อย

ด้านนอกห้องโถงมี ยามอยู่ทุกหนแห่ง

ผู้ฝึกตนระดับ 6 หลายคนเต็มไปด้วยเลือด นอนขดอยู่บนพื้น ถูกขังอยุ่ในกรงได้รับบาดเจ็บสาหัส

คนเหล่านี้

เป็นผู้ฝึกตนของเมืองหวงซาที่ถูกส่งมาโดย เซียว ฉางกุ้ย เพื่อนำทางแก่ผู้ลี้ภัย

เนื่องจากความขัดแย้งกับผู้คนใน เทียน เจียนเหมิง ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกขังอยู่ที่นี้

นี้เป็นวิธีที่พวกเขาต้องการแสดงให้หลิน ยู เห็นถึงความแข็งแกร่งของ เทียน เจียนเหมินของพวกเขา

เขาใช้วิธีแสดงออกได้น่ากลัวจริงๆ

หาก หลิน ยู ต้องการโต้กลับ เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับ 8 อย่างน้อย 1 คนอย่างแน่นอน

นี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี้ต่างเย่อหยิ่ง เขาไม่ได้สนใจผู้อ่อนแอแม้แต่น้อย

ทำเรื่องไร้ประโยชน์แบบนี้ออกไป

นี้คือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาหยิ่งผยองขนาดนี้

เพราะพวกเขาไม่คิดว่า หลิน ยู จะต่อสู้กับพวกเขา เทียนเจียนเหมิน เพื่อเหล่าผู้ฝึกตนระดับ 6 ตัวจ่อยเพียง 2 3 คนนี้จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขากล้าที่จะทำเรื่องแบบนี้

อย่างไรก็ตาม

ถ้ามันแบบนั้นจริงๆละก็ได้นะ?

มันไม่ใช่อย่างแน่นอน

ในขณะที่ผู้คนจาก เทียนเจียนเหมิน กำลังนั่งอยู่หน้าห้องโถงและคุยโวอยู่นั้น ก็ได้มีเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่ด้านนอกคฤหาสน์ ปีนกำแพงบุกเข้าไปในประตู  บุกเข้าไปในคฤหาสน์อย่างต่อเนื่อง

จำนวนของมันน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งทำให้ เหล่าสาวกเทียนเจียนเหมิน ที่กำลังลาดตะเวนอยู่นั้นตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันที

แต่ก่อนที่พวกเขาจะสงเสียงเพื่อเตือนคนอื่น

หมอกพิษสีแดงก็ได้กระจายเข้ามา ในตอบที่เขากำลังจะอ้าปากนั้น หมอกพิษได้ก็ไหลเข้าสู่คอเข้าไปในร่างกายของพวกเขา

ในชั่วพริบตา ทุกคนก็ได้สูดดมหมอกพิษเข้าไป มันได้สูบเลือดของเขากลายเป็นซากศพเหี้ยวแห้งล้มลงบนพื้น

เลือดที่ถูกสูบนั้นกลายเป็นหมอกเลือดหลอมรวมเข้ากับเถาวัลย์ ทำให้ความเร็วเถาวัลย์เหล่านั้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

"มันเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอกกัน?"

ในที่สุด เหล่าผู้ฝึกตนระดับสูงที่กำลังคุยเรื่องต่างๆอยู่ในห้องโถงก็ตื่นตระหนกกับเสียงที่เกิดขึ้นที่ด้านนอกอย่างต่อเนื่องรีบออกไปยังด้านนอกทันที

แต่ในเวลาวินาทีต่อมา พวกเขาก็สั่นสะท้าน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

นี้พวกเขาเห็นอะไรอยู่

เถาวัลย์ยักษ์ที่ปกคลุมคฤหาสน์ทั้งหลัง

แม้แต่บนท้องฟ้า ก็ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ขนาดยักษ์ ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของพวกเขาทั้งหมด

"นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นนน!!"

ดวงตาของเหล่าผู้อาวุโสและผู้ฝึกตนระดับสูงเหล่านั้นเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

มองไปยังศพมัมมี่ที่ถูกแขวนอยู่บนเถาวัลย์ ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้าน

ท่ามกลางคนที่ถูกแขวนเหล่านั้นมีหลายคนที่อยู่ระดับ 7!

พวกเขาตายลงอย่างเงียบเชียบ

"ใครกันที่กล้าขนาดนี้!! เจ้ากล้าดียังไงถึงมาบุก เทียนเจียนเหมินของข้า!!"

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกรออกมาจากด้านในของคฤหาสห์

ร่างที่สง่างาม 2 ร่างก้าวออกมาดาวยาวของพวกเขาพุ่งออกไปเบื้องหน้าทุกคน

หลิน ยู ที่นั่งอยู่บนบนมังกรราชาปิศาจ มองไปยัง 2 คนนั้นอยากไม่แยแส สายตาของเขามองไปเห็นเหล่าผู้ฝึกตนจากเมืองหยวนซาที่ถูกขังอยู่ในกรง

"พวกแกงั้นเหรอที่ทำร้ายคนของฉัน!"