ตอนที่ 202 โลกในความฝัน

หลังจากนั้น

หลิน ยู ยังไม่มีเวลาถามเกี่ยวกับสนามรบแห่งนี้

เมื่อมองไปยังใบหน้าที่สูญเสียชีวิตชีวาตรงหน้าเขา อารมณ์ของเขานั้นซับซ้อนอย่างมาก

มันเห็นได้ชัด

เมื่อภัยพิบัติมาเยือนกษัตริย์แห่งอาณาจักรต้าหยานมีลางสังหรณ์ว่าวิกฤตกำลังถึงง เขาใช้ข้ออ้างในการขับไล่คนรักของเขาออกจากวังไป เพื่อพยายามปกป้องเธอให้ปลอดภัย

แต่ไม่คิดมาก่อนว่า ไม่เพียงท่านหญิงรายนี้จะไม่ได้จากไป แต่เมืองเกิดภัยพิบัติขึ้น ด้วยความเข้าใจผิดต่อกษัตริย์ ทำให้เธอโกรธแค้นเขาเป็นอย่างมาก และในที่สุดก็ได้กลายพันธุ์เป็นมอนสเตอร์คอยคุ้มกันอยู่ในสวนหยูหยวนนี้

ลองคิดดูแล้ว สวนหยูหยวนแห่งนี้ น่าจะเป็นสถานที่ๆทั้ง 2 คนมาด้วยกันบ่อยๆ

หลิน ยูถอนหายใจออกมาก่อนเก็บจี้หยกนี้กลับไป

ในตอนนั้นเอง ลั่ว เหล่ย ที่ออกไปเก็บกวาดก็ได้กลับมาพร้อมกับ หลิง ซี ด้วยใบหน้าที่มีความสุข

"เป็นไรบ้าง ได้อะไรมาบ้างไหม" หลิน ยู ถามขึ้น

"พวกเราบังเอิญไปเจออยู่ 2 คนที่ยังหายใจอยู่ พวกเราเลยจัดการซะเลย" ลั่ว เหล่ย ตอบเขาคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอยากไม่ปิดบัง

หลังจากที่สังหารราชันเหล่านั้น พลังเวทย์ของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 200000 แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะนึกไม่ถึง

ตราบใดที่มีทรัพยากรนี้ หลังจากที่เขากลับไปแล้ว เขาสามารถพัฒนาดินแดนของเขาได้อย่างดีแน่นอน และตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในสงครามหมื่นโลกครั้งหน้า

"เอาละ เตรียมตัวให้พร้อม ได้เวลาไปกันแล้ว!"

หลิน ยู พยักหน้าอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรอีก

เหตุผลที่เขาให้ทรัพยากรแก่ทั้ง 2 เพราะต้องการช่วยเหลือพวกเขา อย่างไรก็ตาม เขาในตอนนี้นั้นไม่ได้ขาดแคนพลังเวทย์

ในไม่ใช่เขาก็เดินทางต่อ

ด้วยกองทัพที่มีจำนวนหลายร้อย ทำให้พวกเขาทรงพลังอย่างมากมุ่งหน้าไปยังพระราชวังกวาดล้างเหล่าซอมบี้ตามทางเพื่อเพิ่มจำนวนดอกไม้มรณะไปด้วย

เพราะก่อนหน้ากองกำลังของเขาได้รับความสูญเสียอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลิน ยู นั้นไม่รู้

ว่าในเวลานี้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัง มีกลุ่มราชันที่เลือกจะยอมแพ้การแย่งชิงสมบัติสนามรบ และมุ่งหน้าไปยังใจกลางวังเพื่อของรางวัลที่ดีกว่า

พวกเขาอยู่ห่างจากดอกไม้จากอีกฝั่งเพียงแค่ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้น

"ฮ่าฮ่า ดูเจ้าพวกโง่นั้นไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงเร็วขนาดนี้"

"ฉันเดามาพวกมันคงต่อสู้กันอย่างหนักเพื่อสมบัติสนามรบ!?"

"ดี ดี ดี ยิ่งสู้กันนานเท่าไรก็ยิ่งดี แม้ว่าสมบัติสนามรบจะล้ำค่า แต่มันก็เทียบไม่ได้กับสิ่งนั้น"

"เร่งมือเร็วเข้า ข้างหน้าพวกเราคือห้องโถงจินหยวนแล้ว"

ด้วยเสียงตะโกนที่ดังลั่น ราชันหลายคนได้นำกองกำลังของเข้าเปิดทางกวาดล้างเหล่าซอมบี้

ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย มีหลายคนที่มีทหารระดับ 8 และที่เหลือเป็นระดับ 7

แม้ว่าพวกเขาเจอซอมบี้ระดับ 8 เป็นบางครั้ง แต่พวกมันก็จะถูกสังหารทิ้งไป ซึ่งมันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของพวกเขาแม้แต่น้อย

เวลาผ่านไปจนตะวันลับขอบฟ้า

ในที่สุดห้องโถงอันงดงามที่มีรากไม้สีขาวปกคลุมก็ได้ปรากฏแก่สายตาของพวกเขา

อักษร 3 ตัว "โถงจินหยวน" ประดับแขวนอยู่เหนือทางเข้าห้องโถง

ที่นี้เป็นสถานที่ๆกษัตริย์ทุกองค์เดินทางเข้าออกเป็นประจำ อีกทั้งมันยังเป็นสถานที่ๆใหญ่ที่สุดอีกด้วย

หากมองจากระยะไกล มันจะสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามที่หาได้ยากแตกต่างจากที่อื่น

ราชันหลายคนนี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขามองไปยังดอกไม้จากอีกฝั่งที่อยู่ภายในห้องโถงจินหยวน มันมีเมฆดำได้มารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง

"ไปกันเถอะ! พวกเราเข้าไปดูกัน เจ้าสิ่งนั้นมันต้องอยู่ในนั้นแน่ๆ เราไม่สามารถปล่อยให้คนจากโลกอื่นครอบครองมันได้"

หลังจากที่พูดแบบนั้นเขาก็เรียกกองกำลังของเขาที่อยู่ข้างกาย จัดการฝูงซอมบี้ที่อยู่หน้าทางเข้าของ ห้องโถงจิตหยวน จากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปข้างในทีละก้าว

เมื่อพวกเขาผ่านประตูห้องโถงเข้าใปด้านในด้วยความตื่นเต้น

พบร่างที่โดดเดี่ยวในชุดคลุมมังกรนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร เฝ้ามองการมาถึงของพวกเขาอย่างเงียบๆ

"ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วซินะ..ในที่สุดก็มีคนมาเยือนที่นี้อีกครั้ง.."

เสียงที่ดูทรงพลังดังก้องอยู่ภายในห้องโถง

สีหน้าของราชันหลายคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขามองยังร่างที่ค่อยลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ด้วยความประหลาดใจ

แต่เมื่อพวกเขาเห้นข้อมูลของร่างที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาทั้งหมดก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

เหมือนได้เห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลก

"10.."

"อ๊ากกก..."

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วทั้งห้องโถง

ห้องโถงจินหยวน ที่เกิดเสียงดังเพราะมีเหล่าราชันมาบุกรุกก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ราวกับไม่เคยมีใครมาที่นี้มาก่อน

แต่หากมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นว่ามีซากศพถูกแขวนเอาไว้อยู่ รากไม้สีเทากำลังดูดเลือดอย่างต่อเนื่อง

ดอกจากอีกด้านเหนือห้องโถงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกเล็กน้อย

....

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากช่วงบ่ายผ่านไป หลิน ยู รวมทั้งราชันจากโลกอื่นๆ ก็ได้มาถึงพื้นที่ใกล้กับห้องโถงจินหยวน

เป็นเพราะการต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติสนามรบเมื่อครั้งก่อน ทำให้พวกเขามุ่งหน้ามายังทีช้าลงไป

จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด พวกเขานั้นล้มเหลวในการกวาดล้างฝูงซอมบี้ตรงทางที่จะไปยังห้องโถงจินหยวน

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบ ยิ่งใกล้ค้ำมากเท่านั้น ซอมบี้ระเบิดก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาเดินหน้าต่อไป

"ดูเหมือนคืนนี้เราต้องพักอยู่ที่นี้ซะแล้ว"

เมื่อมองไปยังดอกไม้อีกด้านขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม หลิน ยู พูดกับพวกลั่ว เหล่ย

ในช่วงเวลากลางคืนนั้น ความแข็งแกร่งของเหล่าซอมบี้จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังต้องป้องกันการลอบโจมตีจากซอมบี้ระดับ 8 ที่อาจปรากฏตัวขึ้นทุกเมื่อด้วย มันจึงดูเสี่ยงเกินไปหน่อย

แม้ว่าตอนนี้จะมีกองทัพพืชจำนวนมากรอบตัวเขา แต่เขาก็ยังไม่อยากเสี่ยงเลือกที่จะพักผ่อนซักคืนหนึ่งก่อน

"พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ราชันจำนวนมากจะมารวมตัวกันที่นี้เพื่อสมบัติสนามรบชิ้นสุดท้าย ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างไร"

ลั่ว เหล่ย กล่าวด้วยความกังวล

"อีกทั้งยังมีหมอกพิษที่ด้านนอกอีก คิดว่าพรุ่งนี้คงบีบตัวเข้ามาในเขตชั้นในบังคับให้เหล่าราชันทุกคนเข้ามา" ซู เซียงตง บอกเขา

หากไม่ใช่เพราะ หลิน ยู

พวกเขาคงจะถูกสังหารตั้งแต่ที่หมอกพิษบีบตัวครั้งที่ 2 c]h;

จากนั้นก็กลายเป็นซอมบี้ที่ไร้ความรู้สึก ท่องไปยังสนามรบแห่งนี้ หรือไม่ก็คงถูกราชันคนอื่นสังหาร

น่ากลัวเป็นบ้าเมื่อคิดเรื่องนี้

"หลังจากกินข้าวแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีการต่อสู้ที่ดุเดือดรออยู่"

หลิน ยู ถอนสายตา หันมาพูดกับพวกเขา

"พี่ใหญ่หลิน คิดว่าลูกแก้วแห่งความศรัทธา จะปรากฏขึ้นอีกหรือไม่" ลั่ว เหลย ถาม

เมื่อ ซู เซียงตง ได้ยิน เขาก็อดที่จะมองไปยังหลิน ยู ไม่ได้

"มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือพวกเราก็เขาไปในห้องโถงให้ได้ก่อน"

ดวงตาที่ลุ่มลึกของ หลิน ยู เหมือบไปมองดอกไม้อีกด้านที่อยู่ในห้องโถง

มันสามารถทำให้ราชันต่างโลกอยากได้ พวกเขายอมติดอยู่ที่ระดับ 6 เพื่อมายังที่นี้ มันต้องมีความบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั้นอย่างแน่นอน

ลั่ว เหล่ยและพวกรับรู้เรื่องนี้ได้ทันที การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นเคร่งขรึม

จากนั้นทั่ง 3 ก็รวมกันอยู่ข้างกองไฟทำอาหาร หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับแผนวันพรุ่งนี้แล้ว พวกเขาก็กลับเข้าไปยังห้องเพื่อพักผ่อน

พวกทั้งพระราชวังตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เมื่อยามราตรีปกคลุมวังอย่างสมบูรณ์ ดอกไม้จากอีกด้านฝ่ายในห้องโถงจินหยวนก็ค่อยๆผลิดอกออกมาอย่างช้าๆ ผงละอองจำนวนมากถูกโปรยไปยังรอบๆ กระจายไปทั่ววัง

รากไม้ที่อยู่บนพื้นมีเสียงดังกรอบแกรบ ค่อยๆแหวกว่ายไปบนพื้น

....

"นี้มัน!?"

เขาไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไร

หลิน ยู ตื่นขึ้นจากการหลับไหล

เมื่อเขาลืมตาขึ้น แสงแดดก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

ที่ด้านนอก มีเสียงของรถยนต์ ดังอยู่ตลอดเวลา

หลิน ยู มองดูนาฬิกาที่อยู่บนผนัง จากนั้นมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่ปิดหน้าจออยู่ตรงหน้าเขา มองกองเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้าเขา

ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

นี้.....

นี้ไม่ใช่ข้างในบริษัทที่เขาเคยอยู่ก่อนที่โลกจะล่มสลายงั้นเหรอ

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ด้วยความตกใจ หลิน ยู ยืนขึ้นมองไปยังรอบๆ

ที่นั่งลายตารางที่ดูคุ้นเคย เครื่องพิมพ์ที่คุ้นเคย ตู้ขายของอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ปลายสุดทางเดิน แม้แต่ชุดทำงานมันก็เหมือนกับที่เขาจำได้ทุกประการ

มันทำให้เขาตกตะลึงจนจิตใจว่างเปล่า

เขา... อยู่ในสนามรบหมื่นโลกไม่ใช่หรอ?

ทำไมจู่ๆถึงมาโผล่ที่นี้

หรือว่ามันจะเป็นภาพหลอน?

หลิน ยู ยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเขาอย่างแรง ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยทำให้เขายิ้มออกชั่วขณะ

มันเป็นความจริง!

มันเป็นไปได้ยังไงกัน

หลิน ยู ตกตะลึงไปในทันที เขามองทุกสิ่งรอบตัวด้วยความไม่อยากเชื่อ เช่นเดียวกับที่เพื่อนร่วมงานเข้ามาที่ประตู

ในขณะเดียวกัน เสียงสวัสดีก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา

"อรุณสวัสดิหลิน ยู นี้นายจัดการกองเอกสารนี้ข้ามคืออีกแล้วหรอ?"

เมื่อสิ้นเสียงลง หญิงสาวผู้อ่อนโยนในชุดทำงานกระโปร่งสั้นๆ ผมที่ยาวคลุมไหล่มาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าเธอ

แม้จะห่างไกล เขาก็ยังไม่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ซึ่งมันทำให้รู้สึกสดชื่น

หลิน ยู จำได้นี้คือเทพธิดาในหัวใจของพนักงานในบริษัท หยาง ว่านซิน

แม้แต่เขาเองก็ยังแอบชอบ หยาง ว่านซิน

เพียงแต่ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ เพราะเขาเป็นคนพูดไม่เก่งจึงทำได้แต่เฝ้าแอบมองอยู่ห่างๆ

เป็นประเภทใจฝ่อไม่มีความกล้า

เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนั้น เขายังเด็กมากนัก

ใช่

ในตอนนั้น

หลิน ยู ถอนหายใจออกมาและค่อยๆสงบลง

หยาง ว่านซิน ในความทรงจำของเขาเธอจะไม่ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนในตอนนี้ และจะไม่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ชัดเจนขนาดนี้

กลิ่นหอมนี้เขาเคยได้กลิ่นเมื่อเข้าใก้ลดอกไม้อีกด้านเท่านั้น

"ออกมา เลิกทำตัวเป็นผีได้แล้ว"

เขาดื่มดำกับบรรยากาศๆเก่าเพียงเล็กน้อย เขาก็มองภาพลวงตานี้ออกทันที

ทันใดนั้น ภาพตรงหน้าเขาก็กลายเป็นเหมือนกระจกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นปรากฏตัวขึ้นในวัง

มองไปยังด้านนอกมันเป็นเวลาเช้าแล้ว

"นี้มัน!"

หลิน ยู รู้สึกประหลาดใจ รีบออกไปจากห้องทันที มองเห็นรากไม้สีข้าวจำนวนมากรอบตัวเขา

โชคดีที่เขาทีทหารพืชค่อยขวางพวกมันเอาไว้ ทำให้เขารอดชีวิตมาได้

เมื่อมองไปไกลมันมีเมฆที่น่าสะพรึงกลัวกำลังรวมตัวอยู่อีกด้านของดอกไม้ที่ตั้งตะหง่านอยู่

รากไม้สีเทาเหล่านั้น ราวกับมันมีชีวิตมันเต้นระบำไปรอบดอกไม้อีกด้าน

ข้างใต้มีราชันจำนวนมากที่ถูกรากสีเทานั้นดูดเลือกล้มลงกลายเป็นซากมัมมี่

ทุกทิศทางของพระราชวัง มีเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดดังขึ้น

เห็นได้ชัดว่าราชันที่แข็งแกร่งแบบเขาหลุดพ้นจากภาพลวงตาของดอกไม้อีกฝั่งได้แล้วกำลังต่อต้านการโจมตีของรากเหล่านั้น