ตอนที่ 199

บทที่ 199 : ไปเตรียมของขวัญด้วยกันเถอะ!

“ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทวาเฉินจะทรงพลังอย่างมากและมีตระกูลเป่ยคอยหนุน แต่เขาก็ยังมีเวลาจำกัด ความเข้าใจในโลกใบนี้ของเขานั้ยไม่สามารถเทียบได้กับของเราอย่างแน่นอน”

“ ผู้อาวุโสซง เจ้าเอาหนังสือมรดกหลักมาด้วยใช่ไหม?”

“ แน่นอน นั่นคือมรดกรากฐานของตระกูล ถึงข้าตาย ข้าก็จะต้องรักษามันเอาไว้ให้ได้” ซงจงรีบพยักหน้า จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้และหัวเราะเสียงดัง “ ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ผู้อาวุโสถัง เจ้ากำลังจะบอกว่าเราสามารถมอบมรดกของตระกูลเราให้กับท่านประมุขเซียนซุยได้ถูกไหม?”

“ ถูกต้อง” ถังฮัวอี้พยักหน้าและพูดว่า “ หนังสือเหล่านี้ถูกเก็บสะสมมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ไม่เพียงแต่มันจะมีเคล็ดวิชาการต่อสู้นับไม่ถ้วนเท่านั้น แต่มันยังมีบันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาและเหตุการณ์ลับๆ ที่แม้แต่เราเองก็อาจไม่รู้อยู่ด้วย”

“ ด้วยเหตุนี้เอง หากเรามอบหนังสือมรดกเหล่านี้ให้กับท่านประมุขเซียนซุย เราก็จะสามารถทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของโลกสูญสวรรค์ได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน และนี่ก็คือคุณค่าที่เราสามารถแสดงออกมาได้”

“ แต่ในกรณีนี้ เราจะไม่สูญเสียมรดกของเราไปหรอ?” ซงจงยังคงลังเลเล็กน้อย

“ ผู้อาวุโสซง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? การให้หนังสือมรดกแก่ท่านประมุขเซียนซุยจะเป็นการสูญเสียมรดกได้อย่างไร?” ถังฮัวอี้ส่ายหัวซ้ำๆ “ ท่านประมุขเซียนซุยจะต้องมอบมันกลับคืนมาหลังจากที่เขาอ่านมันเสร็จแล้วอย่างแน่นอน”

“ ตราบใดที่เรามอบหนังสือมรดกให้กับท่านประมุขเซียนซุย แม้ว่าหนังสือมรดกเหล่านี้จะถูกทำลายในอนาคต แต่ท่านประมุขเซียนซุยก็จะยังคงมีหนังสือเหล่านั้นอยู่ในใจของเขา”

“ ด้วยพลังของท่านประมุขเซียนซุย มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตาย และหนังสือมรดกของเราก็จะคงอยู่ตลอดไปด้วย และนี่ก็คือวิธีการสืบทอดที่แท้จริง”

“ แบบนี้เองหรอ” ซงจงรู้สึกว่าหัวของเขากำลังถูกหมุนเป็นวงกลม เขารู้สึกว่าสิ่งที่ถังฮัวอี้พูดนั้นสมเหตุสมผล แต่มันก็ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ครอบครัวของเขาถูกทำลาย เขาก็มีถังฮัวอี้คอยนำทางมาโดยตลอด

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขารู้สึกว่ามันมีเหตุผลแล้ว เขาจึงหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในที่สุด เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ ดีแล้วที่ผู้อาวุโสซงเข้าใจ” ถังฮัวอี้พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ตระกูลถังและซงของเรามีมรดกสืบทอดต่อกันมานานนับพันปี ดังนั้นหนังสือมรดกของเราจึงน่าจะส่งเสริมกันได้ หากเราเสนอมันให้กับท่านประมุขเซียนซุยด้วยกัน เราก็น่าจะทำให้เขาพึงพอใจได้มากขึ้น”

“ ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสถังจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของเจ้า ข้าก็คงจะไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งนี้จริงๆ” ซงจงมองไปที่ถังฮัวอี้ด้วยความชื่นชม

“ ผู้อาวุโสซง เจ้าก็ชมข้าเกินไป ข้าก็แค่ทำสิ่งนี้เพื่อปกป้องพวกเรา” ถังฮัวอี้ยิ้มและพูดว่า “ อย่างไรก็ตาม เราก็ยังต้องจัดการกับเรื่องของกวนโจวก่อน”

“ นี่เป็นครั้งแรกที่เทวาเฉินส่งพวกเราออกมาทำภารกิจ ดังนั้นเราจะประมาทไม่ได้ หากเราไม่สามารถแม้แต่จะทำในสิ่งที่เทวาเฉินสั่งให้เราทำได้ ทุกอย่างที่พูดมาก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า”

“ ถูกต้อง” ซงจงพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้และพูดต่อว่า “ พรุ่งนี้เราขะต้องค้นหาตัวตนของเซียนมนุษย์คนนั้นให้ได้”

เช้าวันรุ่งขึ้น

ซุยเฮ็งเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมในตอนเช้า เขาวางแผนที่จะลองชิมอาหารเช้าในเมืองกวนโจว

สำหรับเขาแล้ว การได้สัมผัสกับอาหารรสเลิศใหม่ๆ ก็ถือเป็นการสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักด้วยเช่นกัน

แม้ว่ากำไรจากการสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักเช่นนี้นั้นจะน้อยมาก แต่มันก็สะดวกและเป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน

กวนโจวเคยเป็นเมืองใหญ่

กว่าร้อยปีที่แล้ว ต้าโจวได้ถูกแบ่งออกเป็น 19 รัฐ และกวนโจวก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมืองกวนโจวในปัจจุบันเดิมเคยเป็นเมืองหลวงของกวนโจว และหลินเจียงเองก็เป็นเพียงหนึ่งในมณฑลใต้ปกครอง

ต่อมา เมื่อจักรพรรดินีขึ้นครองราชย์ อำนาจของรัฐกลางก็ทรงพลังขึ้นมาก

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงมีเพียงมณฑลเดียวบนโลกที่ถูกปกครองจากรัฐกลางโดยตรง ศูนย์การปกครองท้องถิ่นเดิมได้ถูกย้ายจากเมืองหลวงของรัฐเดิมไปยังเมืองของมณฑล

ด้วยเหตุนี้เอง อดีตเมืองหลวงของรัฐอย่างเมืองกวนโจวจึงได้กลายไปอยู่ภายใต้การปกครองของหลินเจียงอย่างในปัจจุบัน

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็กำลังยืนอ้อยอิ่งอยู่ที่แผงขายอาหารเช้าและกินมันอย่างมีความสุข

ในเวลาเพียงไม่นาน เขาก็ได้กินข้าวเช้าที่แผงขายอาหารเช้าไปแล้ว 11 ร้าน

หวังเฉียนและคนอื่นๆ ที่สังเกตการณ์เขาจากร้านอาหารข้างถนนต่างก็รู้สึกสับสน พวกเขาไม่เคยเห็นเซียนมนุษย์คนไหนที่ชอบกินอาหารเช้ามากขนาดนี้มาก่อน

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“ ท่านเจ้าเมือง เซียนทั้งสองได้มาถึงที่นี่แล้ว” นายทะเบียนกระซิบกับหวังเฉียน

“ พาข้าไปพบพวกเขาเร็ว!” หวังเฉียนรีบยืนขึ้นเพื่อต้อนรับถังฮัวอี้และซงจง “ ยินดีต้อนรับท่านเซียนมนุษย์”

จากนั้นเขาก็พาทั้งสองคนไปที่หน้าต่างและชี้ไปที่ซุยเฮ็งซึ่งกำลังยืนรับประทานอยู่ที่แผงขายอาหารเช้าด้านล่าง เขายิ้มและพูดว่า “ นั่นแหละท่าน นั่นคือเซียนมนุษย์ลึกลับคนนั้น”

“ เขากำลังกินอาหารเช้าอยู่ที่ร้านริมถนนหรอ?”

“ เป็นเซียนมนุษย์ที่แปลกคนจริงๆ”

ถังฮัวอี้และซงจงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นการกระทำในปัจจุบันของซุยเฮ็ง

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็หุบลงอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นเพราะในเวลานี้ ซุยเฮ็งก็ได้เงยศีรษะขึ้นและเผยให้เห็นใบหน้าของเขา

สิ่งนี้ทำให้ถังฮัวอี้และซงจงเองก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาเช่นกัน

“ เจ้าคิดว่าเขาหน้าคุ้นๆ ไหม?”

“ ใช่ไหม? ข้าก็ว่าเขาหน้าคุ้นๆ!”

“ ทำไมเขาถึงดูเหมือนกับ…”

“ ทะ... ท่านประมุขเซียนซุย?!”

“ ทะ... ท่านประมุขเซียนซุย?!”

ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน ขาของพวกเขาอ่อนแรงจนแทบจะคุกเข่าลง ณ จุดนั้น

มันไม่แปลกที่พวกเขาจะจำใบหน้าของซุยเฮ็งไม่ได้เลยในทันที

เหตุผลนั้นง่ายมาก นี่เป็นเพราะในตอนที่พวกเขาอยู่ในโลกเบื้องล่าง พลังที่ซุยเฮ็งได้แสดงออกมานั้นก็ทรงพลังและน่าเหลือเชื่อเกินไป ด้วยเหตุนี้เอง เพียงแค่คิดถึงรูปร่างหน้าตาของเขาก็จึงเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

และแม้ว่าความกลัวในใจของพวกเขาจะลดลงหลังจากที่พวกเขาตัดสินใจที่จะรับใช้ซุยเฮ็งแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ได้ลบภาพตัวตนอันทรงพลังของซุยเฮ็งลง

ทันทีที่คนๆ นี้ปรากฎตัวขึ้น พวกเขาก็ตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ เซียนมนุษย์ทั้งสองคุกเข่าลงในร้านอาหารและร่างกายของพวกเขาก็สั่นเทาด้วยความกลัว

“ ข้า... ข้ากำลังพยายามตรวจสอบความแข็งแกร่งของท่านประมุขเซียนซุยอยู่หรอเนี่ย!”

“ ข้าคิดแม้กระทั่งว่าจะถามไปถึงตัวตนของเขาด้วยซ้ำ!”

“ ทรยศ นี่มันคือการทรยศ!”

“ พวกเราเกือบจะเอาตัวลงไปเล่นกับความตายแล้ว!”

ถังฮัวอี้และซงจงคุกเข่าลงบนพื้นและสารภาพทีละคน เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

ฉากนี้ทำให้หวังเฉียนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมจู่ๆ ทั้งสองถึงคุกเข่าลงกับพื้น?

หวังเฉียนเต็มไปด้วยความสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถามทั้งสองคนว่า “ ท่านเซียนทั้งสอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต?”

“ ไม่ เขาไม่ใช่แค่คนใหญ่คนโตเท่านั้น” ถังฮัวอี้ส่ายหัว

“ ท่านประมุขเซียนซุยนั้นสูงส่งยิ่งกว่าท้องฟ้าและกว้างใหญ่ยิ่งกว่าสวรรค์!” ซงจงเน้นย้ำ

ดวงตาของหวังเฉียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ ระ หรือว่าเขาจะเป็นราชาสวรรค์?!”

ราชาสวรรค์เป็นที่รู้จักกันในชื่อผู้ปกครองแห่งสวรรค์ มันคือตัวตนซึ่งปกครองอยู่เหนือเจตจำนงแห่งสวรรค์ ระดับความแข็งแกร่งนี้เป็นขีดจำกัดของสิ่งที่หวังเฉียนจะสามารถจินตนาการได้

“ ราชาสวรรค์? สำหรับท่านประมุขเซียนซุยแล้ว ราชาสวรรค์จะนับเป็นอะไรได้?” ถังฮัวอี้ส่ายหัว

“ พวกมันไม่คู่ควรแม้แต่จะใส่รองเท้าของเขาด้วยซ้ำ!” ซงจงสะท้อน

ในครั้งนี้ หวังเฉียนก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป คนข้างๆ เขารู้สึกวิงเวียนและสงสัยว่าพวกเขากำลังฝันไปอยู่รึเปล่า

เซียนมนุษย์ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบตัวตนของคนแปลกหน้า แต่แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงคุกเข่าลง?

นอกจากนี้ พวกเขายังได้กล่าวว่า เซียนมนุษย์แปลกหน้าผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาสวรรค์ด้วยซ้ำ?

มันยังมีการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งกว่าราชาสวรรค์อยู่อีกหรอ?

“ ถะ.. ถ้าเช่นนั้นแล้วเราควรจะทำอย่างไรกันต่อไปดี?” หวังเฉียนถามด้วยเสียงสั่นเครือ เขายังรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“ ไปเตรียมของขวัญมา…” ถังฮัวอี้พูดโดยไม่ต้องคิดก่อนที่จะส่ายหัว” ไม่ เราจะเตรียมของขวัญด้วย!”

“ ใช่ ใช่ ไปเตรียมของขวัญด้วยกันเถอะ!” ซงจงพยักหน้าซ้ำๆ