ตอนที่ 156 ความทะเย่อทะยานจะเป็นจักรพรรดิ

หวืด-

ลำแสงสีข่าวสว่างวาบขึ้น หลิน ยู ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง บนแท่นเทเลพอร์ต ตรงจัตุรัสในกลางเมืองหลัก

เมืองหลักปีกนางฟ้าวันนี้ดูคึกคักยิ่งกว่าเมื่อวานซะอีก

ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไป มันก็เต็มไปด้วยเหล่าราชันและผู้ฝึกตนจำนวนมาก

อีกทั้ง

หลิน ยู ยังเห็นราชันหน้าใหม่ 2 3 คนที่เหมือนกับเขาเมื่อวานนี้ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน

ในตอนนั้นเอง...

เขาก็ได้เห็นภาพที่คุ้นเคย

"ไง พี่ชาย คุณนี้หน้าตาดีจริงๆ คุณเพิ่งมาถึงใช่ไหม ต้องการคนนำทางไหมละ ฉันคิดให้คุณถูกๆเลย"

ราชันระดับ 6 ที่ หลิน ยู ไม่เคยเห็นมาก่อนเข้าไปทักทายผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มพยายามให้จ้างเขาเป็นผู้นำทาง

เขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นอาชีพๆหนึ่งในเมืองหลักได้ มันทำให้เขาอดที่ขำไม่ได้

นี้อาจเป็นสิ่งที่ราชันหน้าใหม่ทุกคนต้องพบเจอ

เขาเมินมันทันที เดินออกจากจากแท่นเทเลพอร์ตเดินไปยังห้องโถงภารกิจ

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นจู่ๆ มีชายวัยกลางคนใส่ชุดเกราะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาขวางทางเขาเอาไว้

"ท่านคงจะเป็น ท่านหลิน ยู ใช่ไหม"

หือ ท่าน?

หลิน ยู หยุดฝีเท้าของเขาทันที

เขาเกือบจะสำลักออกมา

แต่ในตอนนั้นเขาก็มองคนที่เข้ามาอย่างสงสัย

"เรารู้จักกันงั้นเหรอ?"

"ข้านั้นไม่รู้ แต่เจ้านายของข้ารู้จักท่าน เขาต้องการเชิญท่านไปที่คฤหาสน์เพื่อพูดคุย"ชายคนนั้น โค้งคำนับให้กับหลิน ยู เล็กน้อย

จากออร่าที่เขาปลดปล่อยมาจากร่างกาย หลินรู้สึกได้ว่าเขาต้องเป็นผู้ฝึกตนระดับ 7 เป็นอย่างน้อย

และดูจากเสื้อผ้าเขาแล้วน่าจะเป็นลุกน้องบอกบุคคลสำคัญ

แต่ปัญหาคือเขาเพิ่งมาที่นี้ได้วันเดียว ดูเหมือนเขาไม่รู้จักใครในกองกำลังใหญ่ๆเลย

"งั้นฉันถามนายหน่อย เจ้านายของพวกนายเป็นใครกัน" เขาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

"เรื่องนี้ ข้าไม่สะดวกจะเปิดเผย" ชายคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "เจ้านายแค่บอกข้ามาว่า ต้องเชิญท่านไปให้ได้"

"งั้นเหรอ..นำทางไปซิ"

ทุกคนที่อยู่ในเมืองหลักพวกเขาจะได้การปกป้องจากกฏ ดังนั้นหลิน ยู ไม่จำเป็นต้องกังวลมาจะเกิดอันตรายใดๆ ดังนั้น เขาจึงกล้าเข้าไปดูว่าใครกันที่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา

"โปรดตามข้ามา"

หลังจากนั้น

หลิน ยู ก็ขึ้นรถม้าที่ชายในชุดเกราะจัดเตรียมไว้ให้นานแล้ว รถม้าเคลื่อนตัวไปยันสุดถนน ค่อยๆมุ่งหน้าเข้าไปยังเมืองหลัก

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมา

ในที่สุดรถม้าก็ได้หยุดลงที่หน้าลานกว้างอันเงียบสงบ

"พี่หลิน ท่านมาแล้ว"

เสียงของชายคนหนึ่งดังออกมาจากนอกประตู

"ถึงแล้วงั้นเหรอ?"

หลิน ยู เปิดม่านออกและลงจากรถม้า เขามองไปยังลานเล็กๆตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ

เพราะในความคิดของเขา สามารถให้ผู้ฝึกตนระดับ 7 มาเป็นผู้นำทางเขาได้ ตัวตนของอีกฝ่ายเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ควรอยู่ในวังที่หรูหราหรือสถานที่เช่นคฤหาสน์ที่ใหญ่โต

เขาไม่ได้คิดว่าจะเป็นสถานที่ๆเงียบสงบแบบนี้

แต่มันก็ดีเหมือนกันเขาก็ไม่ได้ชอบสถานที่ๆมีเสียงดังอยู่แล้ว

หลังจากที่ลงจากรถม้าเสร็จ เขาก็เดินผ่านประตูออกไปภายใต้คะแนะนำของชายคนนั้น เดินไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้

เมื่อเขามองไป ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่โต๊ะหินในสวนกำลังดื่มชา

"ออ นายเองงั้นเหรอ?"

หลิน ยู ประหลาดใจไม่น้อย

คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาในตอนนี้คือ องค์ชายสามของจักรวรรดิโถงสวรรค์ ฉินลี่ ที่เขาเจอเมื่อวานตอนปฏิบัติภารกิจไม่ใช่หรอ?

หลิน ยู ไม่คิดมาก่อนว่าคนที่ต้องการพบเขาจะเป็น ฉินลี่คนนี้

เมื่อเขามองไปที่ฉินลี่ เขาก็วางถ้วยชาลงเงยหน้าขึ้นมอง หลิน ยู ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

"พี่หลิน นั่งลงก่อน"

เขายื่นมือออกมาทำท่าเชื้อเชิญ

"นายรู้จักฉันงั้นเหรอ?"

หลิน ยู ค่อยนั่งลงบนโต๊ะหิน

ฉิน ลี่ ยิ้มออกมาพูดว่า "เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ฉันเห็นพี่หลินต่อสู้ที่ด่านตรวจเมื่อวานนี้ ใครจะรู้ว่าพี่จะแสดงพลังที่แข็งแกร่งแบบนั้นออกมา"

"นายเห็นงั้นเหรอ?" หลิน ยู ตกใจ

เขาต้องบอกว่าอีกฝ่ายสมแล้วที่เป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิ สามารถรับรู้ตัวตนของเขาได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้น ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก

หลังจากที่ดื่มชาที่เพิ่งรินเสร็จ เขาจิบมันและพูดต่อว่า "แล้วนายมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ? คงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้งที่นายจะชวนฉันมานั่งดื่มชาเฉยๆ"

"ฮ่าๆ พี่หลินเข้าใจอะไรเร็วดีจริงๆ สมควรแล้วที่ฉันให้ความสำคัญกับพี่" ฉิน ลี่ ยังคงมีรอยยิ้มอันอบอุ่นประดับอยู่บนใบหน้าของเขา ความชื่นชมในตัวหลิน ยู ยิ่งมากขึ้นไปอีก

"ในเมื่อพี่หลินพูดแบบนั้นฉันก็ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป ที่ฉันเชิญพี่หลินมาในครั้งนี้เพราะต้องให้พี่ช่วย ให้บรรลุจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่!!"

"จุดประสงค์อันยิ่งใหญ่?"

"ถูกต้อง ต้องที่พี่หลินมายังเมืองหลักครั้งแรก คงได้ยินบางอย่างเกี่ยวกับฉันมาแล้วใช่ไหม"

"ฉันก็ได้ยินมาบ้าง" หลิน ยู หยักหน้า

ฉิน ลี่ บุตรชายคนที่สามของจักรพรรดิเทียนฉง อีกทั้งยังมีองค์ชายหนึ่งและองค์หญิงสอง เนื่องจากเขานั้นไม่ได้สืบทอดเผ่าเทวดามา เขาจึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ

นี้เป็นข่าวลือที่เขานั้นได้ยินมา

ถึงแม้จะเป็นข่าวลือแต่มันก็ลงไม่ห่างจากความเป็นจริงมากนัก

ฉิน ลี่ ดูเหมือนจะได้ยินข่าวลือนั้นแล้วเขาพูดอย่างหมดหนทาง "พี่หลินควรจะรู้ว่าการเกิดให้ตระกูลจักรพรรดิที่รันทดอย่างมาก หลายสิ่งหลายอย่างอยู่นอกจากเหนือการควบคุม แม้แต่ในทวีปดึกดำบรรพ์นี้"

"ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ด้วยฐานะของนาย ไม่น่าจะขาดแคลนทรัยากรใช่ไหม"

"ก็จริงอยู่ที่มันไม่ขาดแคลน แต่หากว่าท่านต้องการที่พัฒนาต่อไป ทรัพยากรเหล่านี้เพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพอ ท่านต้องรับการเห็นชอบจากท่านพ่อของข้าด้วย"

"ความเห็นชอบจากจักรพรรดิ?" จู่มันก้ทำให้ หลิน ยู เริ่มสนใจขึ้นมาทันที

"ถูกต้อง" ฉินลี่ พยักหน้า ใบหน้าของเขาค่อยๆกลายเป็นเคร่ดขรึม "พี่หลินน่าจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าหลังจากระดับ 9 มันมีระดับศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม"

"ใช่"

"ถ้าอย่างนั้นท่านรู้ไหมว่าการจะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น จำเป็นต้องมีชิ้นส่วนเทวะ"

"ชิ้นส่วนเทวะ? มันคืออะไรกัน?"

หลิน ยู สงสัยทันที นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้

มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับระดับสิบ ทำให้เขาสนใจอย่างมาก

ฉินลี่ ดูพอใจกับคำตอบของเขามาก เขาตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม "ดูเหมือนว่าพี่หลิน จะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้นฉันจะบอกพี่ให้ฟัง"

"มันคือชิ้นส่วนของเทวรูปที่สร้างมาจากเจตจำนงแห่งเทพ หากราชันระดับ 9 ต้องการที่จะเลื่อนขั้นเป็นระดับ 10 เขาต้องมีชิ้นส่วนเทวะ จากนั้นจึงควบแน่นมันด้วยพลังแห่งความศรัทธา ค่อยๆเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของเขา"

"แต่ถ้าหากท่านต้องการทะลวงพันธนาการและก้าวขึ้นสู่ระดับ 12 มีเพียงต้องรวบรวมชิ้นส่วนเทวะเพื่อซ่อมแซมเทวรูปเจตจำนงให้สมบูรณ์ หรือไม่ก็...รับมรดกจากราชันระดับ 12!"

"ราชันระดับ 12 แต่ละคนสามารถสืบทอดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ฉันไม่ยอมง่ายๆแน่นอน ถ้าฉันต้องการมรดกของท่านพ่อ จักรพรรดิเทียนฉง ฉันต้องเหนือกว่าพี่ชายและพี่สาวของฉันให้ได้ มีแต่ต้องทุ่มเทให้สุดชีวิต ถึงจะมีโอกาศเทียบชั้นกับพวกเขาได้"

"พี่รู้แล้วใช่ไหมทำไมฉันถึงเชิญพี่มาที่นี้"

หลังจากที่พูดแบบนั้น ฉิน ลี่ ก็มองไปที่หลิน ยู อย่างเงียบๆราวกับรอดูปฏิกิริยาของเขาอยู่

ในเวลานี้ หลังจากหลินยู ได้ ฟังความจริงที่น่าตกตะลึง เขาลืมไปตัวเองไปอยู่พักหนึ่ง

หลังจากนั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติอีกครั้ง พูดด้วยความประหลาดใจออกมา "นายหมายความว่าจะสามารถเพิ่มระดับต่อไปได้ต้องมีชิ้นส่วนเทวะเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าปกติแล้วราชันทั่วไปจะมีระดับไม่เกิน 10 ใช่ไหม"

"จะพูดแบบนั้นก็ได้" ฉิน ลี่ พยักหน้า "แต่ตราบใดที่พี่เต็มใจช่วยฉัน เมื่อฉันได้เป็นจักรพรรดิ ฉันจะมอบชิ้นส่วนเทวะให้กับพี่ช่วย พี่สร้างราชวงศ์ขึ้นมาหรือแม้แต่อาณาจักร พี่คิดอย่างไรบ้าง"

เห็นได้ชัดว่า ฉิน ลี่ เป็นคนมีความทะเยอทะยานสูงมาก

เป้าหมายของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่การสร้างอาณาจักร

เป้าหมายของเขานั้นเป็นระดับ 12 ที่เป็นสัญลักษณ์ของจุดสูงสุดของทวีปดึกดำบรรพ์!!!!

.

คำที่เปลี่ยนไปต่อจากนี้

กษัตริย์เทียนฉง = จักรพรรดิเทียนฉง

อาณาจักรโถงสวรรค์ = จักรวรรดิโถงสวรรค์

องค์ชายสอง = องค์หญิงสอง

ราชันกลายพันธุ์ตอนที่ 158