ตอนที่ 294 ราชาจี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากที่ก้าวสู่ระดับ 8 เมื่อไม่รวมกับบัพอื่นๆ จำนวนทหารที่สามารถอัญเชิญออกมาได้ก็คือ 500 ตัว

หลิน ยู ทำการคำนวน

หากครึ่งหนึ่งใช้สำหรับสร้างมอสชีวภาพ เขายังคงต้องสร้างมันอีกกว่า 120 ตัว หรือมากกว่านั้น นั้นคือพลังเวทยืมากกว่า 40 ล้านแต้ม

รวมถึงค่าใช้จ่ายในการกลายพันธุ์ทหาร หากประเมินแบบคราวๆมันอาจต้องใช้พลังเวทย์ถึง 60-70 ล้านแต้ม แต่ตอนนี้เขามีพลังเวทย์เพียงแค่ 20 ล้านแต้มเท่านั้น

มันเป็นจำนวนเลยไม่น้อยเลย

หากขายโทเค็นทหารหายากบรรพชนผีดูดเลือดที่แท้จริง เขาคงได้รับพลังเวทย์ มาอีก 10-20 ล้าน

เหตุผลที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะ หลิน ยู นั้นรู้ดี

ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถได้รับผลประโยชน์อะไรมากนักในสนามรบระดับ 7

สุดท้ายแล้ว พวกที่ติด 100 อันดับล้วนเป็นราชันหน้าเก่าทั้งนั้น

หากเผชิญหน้าหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่เป็นไร แต่หากพวกเขามามากกว่าหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือพวกเขา แถมความยากในการแย่งชิงสมบัติก็เพิ่มขึ้นมากอีกด้วย

แต่ลำดับแปดนั้นแตกต่างออกไป

เนื่องจากแก่นแท้ดินที่จำเป็นสำหรับการอัพเกรดทหารได้เพิ่มขึ้นทำให้ราชันระดับ 8 เหล่านั้น ไม่สามารถอัพเกรดทหารระดับ 9 ได้มากนักโดยพื้นฐานทหารส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเป็นระดับ 8

อีกทั้งมอสชีวภาพของเขาก็สามารถเพิ่มค่าสถานะของทหารได้เป็นสองเท่าโดยเน้นไปที่จุดเด่นของมัน

แม้ว่าราชันระดับ 8 เหล่านั้นจะมีวิธีคล้ายๆกันในการค่าสถานะ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มมันถึงสองเท่าในทันที

นี้จึงเป็นที่มาในความมั่นใจของ หลิน ยู

กล่าวอีกอย่างหนึ่ง

ในเวลานี้ เขามีทรัพยากรสำหรับการอัพเกรดเป็นระดับ 8 แล้ว

"ต่อไปก็คือ พลังเวทย์และแก่นแท้ดินแดน"

หลิน ยู มองไปที่หน้าต่างทรัพยากร เขามีแก่นแท้ดินแดนระดับ 7 23 อัน

เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา เขาประเมิรว่าเขาคงสามารถเกล็ดเงินที่ใช้สำหรับกลายพันธุ์เท่านั้น

มันไม่มีเวลาสำหรับทหารตัวอื่นๆ ในตอนนี้

ดังนั้น เขายังคงต้องการแก่นแท้ดินแดนเพิ่มอีกเพื่ออัพเกรดมังกรราชาปิศาจและ มังกรสนมปิศาจ ที่เป็นทั้งทหารจู่โจมและสอดแหนม

ทั้งสกิลผสานของทั้งสองก็ไม่ได้อ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงต้องการรักษามันเอาไว้

นอกจากนี้ยังมีดอกไม้แห่งการกลืนกินอีกแปดตัวที่เพิ่งคัดลอกสกิลมาใหม่

น่าเสียดาย ที่เขาไม่รู้ว่าจะอัพเกรดพวกมันได้กี่ตัว เขาพูดได้เพียงอย่างเดียวว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้พวกมันก้าวไปสู่ระดับ 8

เมื่อคำนวนออกมาแล้ว เขายังต้องการแก่นแท้ดินแดนอีกมาก

"อืม ดูเหมือนต้องออกล่าให้มากขึ้น"

หลังจากปิดหน้าต่างทั้งหมด หลิน ยู ออกไปยังพื้นที่โล่ง เพื่อนตรวจสอบสถานะของทหารภายในดินแดน

การเดินทางไปยังโบสถ์ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยอันตราย ทำให้เขาสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก

เขานับอย่างระมัดระวัง

ในครั้งนี้ มีทหารขยายพันธุ์ร่างหลักที่มีมอสชีวะภาพเกาะอยู่ได้ตายลงด้วยสกิลหมู่ของมอนสเตอร์ราชัน พร้อมกันนั้น พวกมันก็ยังเพิ่มถูกอัญเชิญออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ค่าประสบการณ์ของมันต่ำที่สุดแถมค่าสถานะยังน้อยกว่าตัวอื่นๆด้วย

จากการสังเกตของ หลิน ยู ในตอนนี้

ค่าสถานะสูงสุดของทหารที่มีค่าประสบการณ์เต็มจะออกเป็นหลายระดับ

ราชวงศ์ : 2500

หายาก : 2250

ธรรมดา : 2000

แต่ละตัวค่าสถานะจะเปลี่ยนไปขึ้นลงตามจุดเด็นของทหารประเภทนั้นๆ

ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่า ชิง ถัง จะเป็นทหารพืชรางวงศ์ เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่ของมันทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่เชื่องช้า ค่าสถานะความว่องไวของมันต่ำกว่ามาตรฐานมาก

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ สกิลโจมตีของหลิง ซีที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยร่างกายที่มีขนาดเล็ก ทำให้พลังชีวิตของเธอค่อนข้างน้อยๆ

มันใช้หลักการเดียวกันกับมอนสเตอร์

แน่นอนว่าจะมีทหารบางตัวที่พิเศษซึ่งจะถูกแยกออกไป

ทหารที่ตายไปทั้งหกตัวนั้นมีค่าประสบการณ์ต่ำจึงทำให้ค่าสถานะต่ำตามไปด้วยดังนั้นเป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่สามารถต้านทานสกิลของมอนเตอร์ราชันได้

นี้เป็นเพราะ หลิน ยู ตอบสนองได้อย่างทันเวลากับสกิลดวงอาทิตย์เทียมของ ลี่หยางขุ่ย ไม่อย่างนั้นการสูญเสียอย่างจะมากยิ่งกว่านี้

หลังจากนั้นเขาก็อัญเชิญทหารซึ่งใช้พลังเวทย์มากถึง 2 ล้านแต้มเพื่อเติมเต็มทหารส่วนที่ตายไป ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลง

อย่างไรก็ตาม

สิ่งที่ หลิน ยู ไม่คาดคิดก็คือ

เมื่อเข้ามาถึงบ้านต้นไม้และกำลังจะพักผ่อน ข้อความแชทส่วนตัวก็ได้โผล่ขึ้น

"จี้ หยุนซวง : หลิน ยู ท่านพ่อฟื้นขึ้นมาแล้ว"

หืม?

ราชาจี้ฟื้นแล้วงั้นหรือ?

หลิน ยู ลุกขึ้นมาจากเตียงรีบตอบข้อความอย่างรวดเร็ว

"พ่อของเจ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่กัน?"

"เมื่อบ่ายวันนี้ ข้าเพิ่งมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ส่งข้อความไปหาเจ้าในตอนนั้น นี้มันรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าหรือไม่" คำพูดจี้ หยุนซวง เผยให้เห็นความเหนื่อยล้า

ถ้าเป็นเมื่อกี้เขาเกรงว่านางคงจะต้องกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี และบอกเล่าเรื่องราวไร้สาระด้วยความดีใจ

ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะคิดถึงมัน

มันเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ราชาได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังไม่รู้สึกตัว

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิน ยู ก้ส่งข้อความ "ไม่รบกวนเลย ข้าพักผ่อนเพียงพอแล้ว เจ้ามีอะไรก็บอกข้าได้นะ"

"อืมม"

คำตอบของ จี้ หยุนซวง กระชับมาก

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความยาวก็เด้งขึ้นมา

"ตัวข้าครุ่นคิดอยู่นาน ข้านั้นพึ่งพาท่านพ่อมากเกินไป นอกจากไม่อาจช่วยเหลือท่านได้แล้ว ยังทำให้ท่านกลายเป็นแบบนี้อีก ข้าเลยตัดสินใจที่จะออกไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเดียว ข้าอยากจะแข็งแกร่งด้วยตัวข้าเอง"

ในวินาทีนั้น

ความแข็งแกร่งของ จี้ หยุนซวง ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป

แม้จะผ่านทางหน้าข้อความส่วนตัว หลิน ยู ก็ยังสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและความแน่วแน่ของยาง

ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บสาหัสของ ราชาจี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อนาง

แต่เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย เป็นธรรมดาที่หลิน ยู จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รีบตอบข้อความกลับในทันที "นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่เจ้าควรใส่ใจกับความปลอดภัยของเจ้าเมื่ออยู่คนเดียว เจ้าสามารถมาหาข้าได้ตลอด หากต้องการความช่วยเหลือ"

"อืมม งั้นข้าไปพักผ่อนก่อนนะ"

"ได้เลย ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง"

มาถึงตรงนี้ข้อความก็หยุดลง

หลิน ยู มองไปยังช่องแชทส่วนตัวอย่างเงียบด้วยความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย

บนโลกใบนี้ มักเกิดเรื่องที่เหนือควาคาดหมายเสมอ

แม้แต่ จี้ หยุนซวง องค์หญิงผู้เย่อหยิ่งก็ยังเปลี่ยนไปในช่วงเวลาสั้นๆ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงขึ้น

สิ่งนี้ทำให้ หลิน ยู นึกถึงเรื่องตกลงที่โลกก่อนหน้านี้ของเขา

สักวันหนึ่ง

เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิ

และนางจะกลายเป็นราชินีที่ยืนอยู่บนอยู่จุดสูงสุดของโลก

บางทีครั้งต่อไปที่พวกเขาได้เจอกัน พวกเขาอาจจะเข้าใกล้เป้ายหมายมากกว่าอีกก้าว

ด้วยรอยยิ้มเล้กๆ เข้าปิดช่องแชทส่วนตัวและเอนหลังลงบนเตียง

.....

ข่าวการฟื้นขึ้นขึ้นกษัตริย์ได้แพร่สะพัดไปในเช้าวันรุ่งขึ้น

เมื่อ หลิน ยู ตื่นขึ้นมา เขาก็เห็นว่าเหล่าราชันกำลังคุยเรื่องนี้ในช่องแชทอาณาจักร

พวกเขาต่างพากันตื่นเต้น

สุดท้ายแล้วการตายของกษัตริย์นั้นเกี่ยวพันธุ์กันกับชะตากรรมของอาณาจักรทั้งหมด

พวกเขาไม่ต้องการให้อาณาจักรหวงหวู่ ตกอยู่ในความวุ่ยวายเหมือนกับ อาณาจักนเทียนหยาน และเยว่ฮวา ก่อนหน้านี้

โชคดีที่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

บรรยากาศในช่องแชทก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พวกเขาต่างพูดคุยกับเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาล่าสุด

"ตอนที่ข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อนซื้ออุปกรณ์เมื่อวานนี้ ข้าได้ยินว่าดูเหมือนจะมีราคาองค์ใหม่ขึ้นครองอำนาจในอาณาจักรคนแคระ"

"เจ้าบอกก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือว่าที่จะเต็มไปด้วยความโกลาหลอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีราชาปรากฏตัวขึ้นมาละ?"

"ถ้าอย่างนั้นราชันก็ควรจะอยู่ระดับ 11 ใช่ไหม? ข้าละอยากเห็นจริงว่าหน้าตาของเป็นอย่างไร"

"อาศัยเพียงแค่เจ้า? ลืมมันไปซะ เจ้าจะได้เห็นราชาที่สง่างามเช่นนั้นได้อย่างไร"

"ไม่ได้มีแค่เจ้าที่อยากเห็น ข้าก็อยากเห็นเช่นกัน ถ้าราชาคนแคระอารมณ์ดีเขาอาจจะสร้างอุปกรณ์ระดับสิบให้กับข้า ข้าคงเป็นดั้งเสือติดปีก"

"ผายลมอยู่น่ะนั้น ใครก็ได้ฉี่ใส่เจ้านี้ปลุกมันตื่นที!"

ช่องแชทเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ในขณะที่ หลิน ยู ทำกำลังมึนงง

อาณาจักรคนแคระได้ถือกำเนิดราคาองค์ใหม่?

หรือว่าจะเป็นมากอร์น?

หากนับเวลาดูแล้ว มากอร์น น่าจะไปยังอาณาจักรคนแคระมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั้นบ้าง เขาต้องไปดูซักหน่อยแล้ว

พอคิดขึ้นได้ก็ลุกขึ้นทันที

หลังจากอาบน้ำหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาก็เดิมตรงไปยังประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ เพื่อเทเลพอร์ตไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็เดินไปยังรอบๆหมู่เกาะลอยฟ้า พร้อมกับสอบถามเกี่ยวกับข่าวสารระหว่างทาง

แต่เขาไม่รู้ว่า

ในเวลานั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับ

"นายท่าน! เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ! รีบออกมาดูเร็วเข้า"

ภายใน หอการค้าชิงฟางเก่อ  ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้น

เจ้าหน้าที่ได้รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างเร่งรีบ

หลู เจิ่งซิง ซึ่งกับคุยกับบรรพชนตระกูล หลู อยู่ในห้องด้านใน ทันใดนั้นก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนเรียกนี้ เขาออกมาด้านนอกด้วยความโกรธทันที

"ตะโกนเสียงดังอะไรกัน! เกิดอะไรขึ้นน!"

"ขอรับ เป็นคนแคระ ราชาองค์ของเหล่าคนแคระได้มา ปรากฏตัวที่วิหารคนแคระขอรับ"

ชายคนนั้นวางมือบนหัวเข่าแล้วพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า

หลู เจิ้งซิง ยังคงโกรธ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็กลายเป็นตกตะลึง

"ที่เจ้าพูดเป็นความจริงงั้นหรือ?"

เสียงที่ทรงพลังดังขึ้นจากด้านใน

บรรพชนตระกูลหลูซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ภายในห้องโถงก็ได้ปรากฏตัวขึ้น สายตาของเขาจ้องไปยังเจ้าหน้าที่คนนั้น

"จ..จริงขอรับ ข้าเห็นมันมาด้วยตาของตัวเอง พวกเขาเป็นคนแคระที่ทรงพลังหลายคนมายังที่นั้น"

เมื่อเห็นบรรพชนตระกูลหลู ขาของชายคนนั้นก็อ่อนแรง เขาเกือบจะล้มลงกับพื้น พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

อย่างไรก็ตาม บรรพชนตระกูลหลูไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้โต้ตอบ รีบพูดอย่างรวดเร็ว "ดีมาก เจิ้งซิง เจ้ามากับจ้าไปยังเยี่ยมราชาคนแคระองค์ใหม่นี้ด้วยกัน"

พวกเขารีบออกจากร้านไปทันทีมั้งหน้าไปทิศทางของวิหารคนแคระ

ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ คนแคระได้เปิดวิหารของพวกเขาเอง ซึ่งใช้กำหรับขายอุปกรณ์ มันอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางเมืองศักดิ์สิทธิ์มากนัก

และในเวลานี้เอง

นอกจากกองกำลังทหารคนแคระทั้งหมด ก็ได้มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี้

เหล่าตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวได้มารวมกันจากทุกทิศทางเพื่อมาเยี่ยมเยียนราชาองค์ใหม่แห่งอาณาจักรคนแคระ

บนถนนโดยรอบ เต็มไปด้วยผู้ที่สัญจรไปมาจำนวนมาก พวกเขาส่งเสียงร้องออกมาตลอดเวลา

เพราะพวกเขาพบว่าเหล่ามหาอำนาจระดับ 10 ที่ได้ไม่ค่อยได้พบเห็นมากนัก ได้มาปรากฏตัวในวันนี้

ออร่าที่พวกเขาหลายคนปลดปล่อยออกมาเกือบจะถึงระดับ 11 ทำให้บรรยากาศรอบตัวเริ่มบิดเบี้ยว

แม้ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง

ในเวลานี้ พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยกองกำลังคนแคระด้วยใบหน้าที่สง่างาม

ถ้าหากหลิน ยู อยู่ที่นี้ เขาคงสามารถจำได้ในทันที ว่าคนแคระที่อยู่ตรงกลางนั้นคือ มากอร์น ที่เขารู้จัก

เพียงแต่ว่า มากอร์นในเวลานี้นั้นแตกต่างไปจากตอนที่เขาเพิ่งจากไป

เขาไม่เพียงสวมชุดเกาะสีทองเข้มเท่านั้น แต่เขายังสวมมงกฏทองทำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์อีกด้วย

แม้แต่ค้อนเทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าคนแคระก็ยังถูกแบกอยู่บนหลังของเขา ทำให้พลังที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา

ซึ่งได้อ่อนแอไปกว่ามหาอำนาจระดับ 10 เลยแม้แต่น้อย

ไม่ต้องพูดถึงคนแคระที่อยู่ข้างๆเขาซึ่งมีหอกสีดำอยู่บนหลัง ออร่าของเขาน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก มันพุ่งไปถึงระดับ 11

คนๆนี้คือผู้นำเผ่าหอกทมิฬ ราคาน ดาร์กสเปียร์

นอกจากนี้ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในของอาณาจักรคนแคระในปัจจุบัน

"มันกลายเป็นเขาไปได้ยังไง!"

หลู เจิ้งซิง ที่เพิ่งมาถึง มองมากอร์นซึ่งถูกปกป้องอยู่ตรงกลางด้วยความตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น

"เกิดอะไรขึ้น" บรรพชนตระกูลหลูหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

"เรียนท่านบรรพชน ข้าเคยเห็นราชาคนแคระองค์ใหม่คนนี้มาก่อน"

หลู เจิ้งซิงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายกันเฮือก รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมกา

นั้นคือคนแคระที่เขาเห็นอยู่ข้างๆ หลิน ยู เขาเป็นราชาองค์ใหม่ของอาณาจักรคนแคระงั้นเหรอ?

แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเรื่องอันน่าตกตะลึงต่างๆมาหลายสิบปี แต่สำหรับเรื่องนี้เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

ถ้าจำไม่ผิด

ก่อนหน้านี้ หลิน ยู ได้บอกเขาเป็นเพื่อนกับคนแคระคนนี้ใช่ไหม

นี้หมายความราชาคนแคระเป็นเพื่อนกับหลิน ยู งั้นเหรอ?