ตอนที่ 147 - บทที่ 147 นักรบขอบเขตหมิงจิน!

บทที่ 147 นักรบขอบเขตหมิงจิน!

“พี่เฉิน ท่านสบายดีไหม?”

อู๋กวงมองไปยังที่มาของเสียงที่มาจากห้องน้ำ และถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

“ใช่แล้ว พี่เฉิน มีอะไรระเบิดหรือเปล่า?”

“ท่านสบายดีไหมพี่เฉิน”

คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความวิตกกังวลและความตื่นตระหนกเขียนอยู่ในดวงตาของพวกเขา

เป็นเพราะเฉินฟานที่ทำให้พวกเขามีทุกสิ่งที่พวกเขามีในวันนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเฉินฟาน พวกเขาไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย

"โอ้ ข้าไม่เป็นไร"

เสียงของเฉินฟานดังมาจากห้องน้ำ "ข้าแค่ชกลมชกแร้ง พวกเจ้าไม่ต้องวิตกกังวลไปหรอก"

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"

อู๋กวงและคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“พี่เฉิน งั้นเราของตัวออกไปก่อน”

“ถ้าท่านมีอะไรให้รับใช้สามารถเรียกพวกเราได้ตลอดเวลา”

จากนั้นพวกเขาก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจอย่างมาก

แค่ใช้หมัดใส่ลมก็เกิดเสียงเหมือนระเบิดเช่นนี้ ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้มันคืออะไร?

แต่ลองนึกย้อนกลับไปในตอนเที่ยง เมื่อเฉินฟานจู่ๆก็มาปรากฏตัวในบ้านพักโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล

“รู้สึกเหมือนได้รับพี่น้องมาเพิ่มสองสามคนแล้วจริงๆ”

เฉินฟานพึมพำแล้วต่อยอากาศอีกครั้ง

ในขณะนี้ เขารู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายทั้งหมดของเขาได้อย่างน่าทึ่ง เขาสามารถรวมพลังของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายไว้ที่หมัดเดียว และเมื่อเขาชกออกไป พลังทำลายล้างก็มีมากมายมหาศาล

"ตูม!"

"ตูม!"

"ตูม!"

เสียงระเบิดอากาศดังมาจากห้องน้ำไม่หยุดหย่อน

อู๋กวงและคนอื่น ๆ หดตัวคออย่างหวาดกลัวเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินฟานก็หยุดชกและมองดูแผงคุณสมบัติ

ขอบเขต: หมิงจิน

ระดับ: 15 (0/3400)

กายภาพ: 499.54

ความแข็งแกร่ง: 535.71

ความคล่องตัว: 318.02

พลังจิตวิญญาณ: 251.02

แต้มศักยภาพ: 49652 (100 คะแนน/1 วัน)

แต้มค่าประสบการณ์: 155

หลังจากการเพิ่มระดับห้าครั้งและความก้าวหน้าหนึ่งครั้ง ค่าสถานะทางกายภาพทั้งหมดเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน มันเป็นการเพิ่มขึ้นที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก

แม้กระทั่งเครื่องหมายบวกก็ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังแถบขอบเขต และเห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร

เฉินฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่ได้คาดคิดเขาจะสามารถทำการบุกทะลวงเข้าสู้ขอบเขตหมิงจิน(แก่นทองคำขาว)ได้เร็วขนาดนี้ แถมหลังจากบุกทะลวงแล้ว เขาก็ยังสามารถบุกทะลวงได้อีกครั้ง และสามารถกลายเป็นนักรบเห่ยจิน(แก่นทองคำดำ)ในทันที

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้รู้กฏเกณฑ์สำหรับการก้าวข้าม ดังนั้นต้องทำตามกฏเกณฑ์เสียก่อน

หลังจากคลิกเครื่องหมายบวก ข้อมูลสองสามบรรทัดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง

【เกณฑ์การบุกทะลวง: ค่าสถานะทางกายภาพและความคล่องตัว หากค่าสถานใดค่าสถานหนึ่งถึง 500 แต้มก็ถึงเกณฑ์การบุกทะลวงแล้ว】

【ค่าเฉลี่ยของค่าสถานะทางกายภาพ ความแข็งแกร่ง และความคล่องตัวทั้งสามนั้นเกิน 400 แต้ม ระดับโดยรวมของร่างกายถึงระดับ 20 อัตราความสำเร็จในการบุกทะลวงถึงจะ 100% และในปัจจุบันความสำเร็จในการทะลุทะลวงคือ 58% 】

【ท่านต้องการก้าวข้ามหรือไม่? 】

“ค่าเฉลี่ย 400 แต้มงั้นเหรอ?”

เฉินฟานเหลือบมองค่าสถานะทั้งสามเฉลี่ยแล้วได้ค่า 407 แต้ม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตรงตามข้อกำหนด

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขหลังดูเหมือนจะยากสักหน่อย

เขาเหลือบมองไปยังแต้มศักยภาพที่จำเป็นในการเพิ่มระดับไปยังระดับถัดไปคือ 3,400 แต้ม

แต่เขาต้องเพิ่มระดับ 16 ไปจนถึงระดับ 20

หากคิดตามอัตราการเพิ่มขึ้นของแต้มศักยภาพนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาต้องการแต้มศักยภาพอีก 55,500 แต้ม และแต้มศักยภาพที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้คือ 40,000 แต้ม และมันไม่เพียงพอ

เขายังต้องการแต้มศักยภาพมากกว่า 10,000 คะแนนซึ่งก็ไม่มากและก็ไม่น้อย เม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงหนึ่งเม็ด หรือเม็ดยาพลังงานเลือดระดับกลางห้าเม็ดเลือดก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“เกือบจะสามารถทะลวงผ่านไปยังของเขตเห่ยจิน(แก่นทองคำดำ)แล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นข้าก็สามารถไปเมืองอันชานได้แล้ว อย่างไรก็ตามข้าได้ยินจากลุงจางบอกว่าถ้าข้าต้องการซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูง ข้าไม่เพียงแต่ต้องมีเงินเท่านั้นยังต้องมีเส้นสายด้วย"

เขาขมวดคิ้ว

หากเขาไม่สามารถซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงได้จริงๆ เขาทำได้เพียงต้องซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงระดับกลางเพื่อเจาะทะลุไปสู่ขอบเขตเห่ยจินเท่านั้น

แต่ถ้าเขาต้องการบุกทะลวงจากขอบเขตเห่ยจิน เขาต้องการแต้มศักยภาพอย่างน้อยๆก็ 100,000 แต้ม แม้ว่าเขาจะซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูง แต่เขาก็ต้องมีเงินไม่น้อยกว่า 200,000 หยวน ซึ่งยิ่งกว่านั้นถ้าเขาใช้เม็ดยาระดับกลาง จำนวนเงินจะมหาศาลขนาดนี้อีก

ต่อจากนี้เขาแค่ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด

การล่าอสูรระดับต่ำคงเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับเงินจำนวนมาก แต่การล่าอสูรระดับกลางจะเร็วกว่ามาก ส่วนสัตว์อสูรระดับสูง การฆ่าสักครั้งอาจจะเพียงพอ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าเขาก้าวขึ้นไปอย่างมั่นคง

รอให้ความแข็งแกร่งทะลวงผ่านขอบเขตอีกสักหนึ่งหรือสองขอบเขตเสียก่อน มันยังไม่สายเกินไปที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับสูง

“นอกจากนั้น เขายังต้องการรวบรวมเทคนนิคศิลปะการต่อสู้ให้มากที่สุดเพื่อจะพัฒนาความแข็งแกร่ง”

เฉินฟานมองไปที่แถบทักษะ เทคนิคทั้งสามที่เขาได้รับเมื่อกี้ล้วนรวมอยู่ในนั้น ส่วนเทคนิคอีกสองอย่างที่เขาได้รับจากชายชราที่ขายหนังสือทักษะครั้งล่าสุดก็ถูกปลดล็อคแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งสุดท้ายที่เขาไปซ่งเจียเป่าก็ผ่านมาหลายวันแล้ว หลังจากไปอีกคราวนี้เขาควรจะได้เทคนิคศิลปะการต่อสู้กลับมาอย่างน้อยสามเทคนิค

แต่ปัญหาคือแต้มค่าประสบการณ์ที่น้อยนิดของเขา

ก่อนหน้านี้ที่เขาจะฆ่าจ้าวต้าและจ้าวเออร์ เขาได้รับแต้มค่าประสบการณ์มากกว่า 150 แต้ม นักรบคนอื่นๆ ก็มีเพียงไม่กี่แต้มเท่านั้น ส่วนคนธรรมดาเหล่านั้นมีเพียงสองหรือสามแต้มเท่านั้น

“ช่างมันเถอะ มันไม่เป็นไรที่จะเสริมความแข็งแกร่งหลังจากเรียนรู้เทคนิคศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่ในมือในตอนนี้”

เฉินฟานมองดูท้องฟ้าและมันเกือบจะเย็นแล้ว เขาแต่งตัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำ และกำลังวางแผนจะทำอาหารเย็นและพักผ่อนสักพักก่อนเริ่มทำการฝึกซ้อมต่อไป

แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบจากไกลเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และในไม่ช้า ชายคนหนึ่งที่มีสีหน้าตื่นตระหนกก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านพัก

“พี่อู๋ไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว!”

ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างหอบหายใจ "ข้างนอกมีรถมาจอดหน้าประตู คนอยู่ข้างในรถต้องการให้เราเปิดประตูให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว"

"อะไรนะ?"

อู๋กวงสะดุ้งและถามอย่างรวดเร็วว่า "พวกเขาบอกไหมว่าพวกเขามาจากไหน?"

“เราถามแล้ว และพวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นของกัปตันกวน และขอให้จ้าวต้าและคนอื่นๆ ออกมาต้อนรับพวกเขาโดยเร็วที่สุด”

“กัปตันกวน?”

อู๋กวงขมวดคิ้ว

กัปตันกวน? เขาคือใคร?

นอกจากนี้ ดูเหมือนคนข้างนอกเหล่านั้นจะรู้จักกับพี่น้องแซ่จ้าวอีกด้วยงั้นเหรอ? เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาก็ไม่ได้เห็นจ้าวต้าอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะแย่นิดหน่อย

“พวกเขามากี่คน?”

ในขณะนี้ เฉินฟานออกมาจากบ้านและถามขึ้น

“สองคน พวกเขามาสองคน”

คนที่มารายงานคิดสักครู่ก่อนที่จะกล่าวเสริมว่า “สองคนนี้อายุยี่สิบทั้งคู่ พวกเขาขับรถออฟโรด มีปืนอยู่ในมือ พูดจาหยิ่งยะโสอย่างมาก”

หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เฉินฟานอย่างกังวลใจ

คนสองคนที่อยู่ข้างนอกกำลังมองหาจ้าวต้า แต่จ้าวต้าและคนอื่น ๆ เสียชีวิตไปแล้ว หากเฉินฟานไม่สามารถต้านทานทั้งสองคนนี้ได้ พวกเขาทั้งหมดคงประสบปัญหาอย่างแน่นอน

เฉินฟานมีสีหน้าแปลกๆ

กัปตันกวน เป็นไปได้ไหมว่าเขามาจากซ่งเจียเป่า? มันสมเหตุสมผลที่ผู้คนจากทั้งสองแห่งจะเชื่อมโยงกัน แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม

ช่างมันเถอะให้พวกเขาเข้ามาก็รู้เอง

ในบริเวณใกล้เคียงแห่งนี้ผู้ทรงพลังที่สุดคือซ่งเจียเป่า แต่ซ่งเจียเป่าก็มีนักรบที่แข็งแกร่งและทรงพลังเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็ยังเป็นคนแก่แล้วอีกด้วย

และเขาเพิ่งทะลวงผ่านเป็นนักรบขอบเขตหมิงจิน ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเขาก็เทียบได้กับนักรบขอบเขตเห่ยจิน เมื่อเขาระเบิดพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมา

เว้นแต่คนหนุ่มสาวทั้งสองคนนั้นจะเป็นอัจฉริยะและกลายเป็นนักรบขอบเขตเห่ยจินตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่เช่นนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรเลยจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย เขาจึงติดตามออกไปสังเกตการณ์ก่อน

"ข้าจะไปกับเจ้า"

ชายคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

….

และนอกกำแพงนั้น ภายในรถออฟโรด ผู้ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับก็ใจร้อนอย่างมาก เขายื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างรถ แล้วตะโกนใส่ผู้คนบนหอสังเกตการณ์ว่า

“ข้าบอกไปแล้ว เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร? เจ้ายังไม่เข้าใจคำพูดของมนุษย์เหรอ? เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันจะมืดแล้ว? เปิดประตูให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม?!!”

ชายสองคนที่ประจำการบนหอสังเกตการณ์นั้น เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็แสดงความกลัวออกมาใบหน้า และร่างกายของพวกเขาสั่นไม่หยุด แต่พวกเขายังคงส่ายหัวออกมาอย่างแรง

พวกเขาจำคำสั่งก่อนหน้านี้ของเฉินฟานที่ว่าถ้ามีใครมา เขาจะต้องได้รับความยินยอมก่อนถึงจะเปิดประตูหมู่บ้านได้

"ไอ้พวกเศษขยะ!"

ชายคนนั้นโกรธมาก และหลังจากสบถออกมาแล้ว เขาก็ก้มศีรษะแล้วถือปืนพกขึ้นมาด้วยมือขวา ยื่นออกไปนอกหน้าต่างแล้วเล็งไปที่ผู้คนบนหอสังเกตการณ์ และยิงออกมาหลายครั้ง

คนสองคนบนหอสังเกตการณ์เป็นเหมือนนกที่หวาดกลัว นี่เป็ฯครั้งแรกที่พวกเขาถูกปืนจ่อใส่เช่นนี้ ทำให้พวกเขาก็หมอบลงด้วยความตกใจ

บนหอสังเกตการณ์นั้น สักพักฝุ่นควันก็ลอยผ่านไป

"แกร้กๆๆ"

จางชานเหนี่ยวไกปืนอีกสองสามครั้ง เขาก็ตระหนักรู้ว่ากระสุนทั้งหมดในแม็กกาซีนถูกยิงออกไปหมดแล้ว

“เอาล่ะ จางชาน ไม่ต้องเปลื้องกระสุนหรอก”

ชายบนที่นั่งข้างคนขับ ยิ้มออกมาและพูดว่า "ทำไมเจ้าถึงโกรธสุนัขเฝ้าบ้านขนาดนี้? พวกเขาต้องไปแจ้งให้จ้าวต้าและคนอื่นๆ ทราบก่อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

“แต่เมื่อไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้มันไม่เป็นแบบนี้นะ”

………….