ณ วิหารอัศวิน ในห้องประชุม
ดวงตาของร็อบเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาเห็นลู่ฉ่ายเอ๋อร์
แม้แต่ไป่เหอที่สงบนิ่งอยู่เสมอก็ยังอึ้งไป
จากนั้นเขาก็ได้สติกลับมา
“ดีจริงๆ ที่เจ้าฟื้นกลับขึ้นมาได้ อาจารย์ของเจ้า ข้า และอีกหลายๆ คนคิดถึงเจ้ามาก”
ไป่เหอยิ้มออกมาบางๆ
“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์เป็นห่วงข้า ขอบคุณท่านเจ้าวิหารที่ยอมทุ่มงบประมาณเพื่อชุบชีวิตข้าเจ้าค่ะ”
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ขอบคุณเขา จากนั้นเธอก็อดถามออกมาไม่ได้ “ท่านอาจารย์ของข้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ตอนแรกที่อาจารย์ของเจ้ารู้ว่าเจ้าตายในสมรภูมิ เธอก็เศร้าใจมากๆ เธอไม่ยอมพบเจอใครเลยระหว่างนั้น จนผ่านไป 4-5 ปีก่อนที่เธอจะเริ่มออกมาพบปะคนภายนอกอีกครั้ง แม้ว่าเราจะไม่เห็นผลกระทบใดๆ ในตอนนี้ แต่เราทุกคนสามารถบอกได้ว่าเธอยังคงคิดถึงเจ้ามาก”
ไป่เหอกล่าว
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์อดอ้าปากเล็กน้อยไม่ได้
ในระหว่างที่เธอตาย จิตสำนึกของเธอก็ล่องลอยอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลาด้วยความสับสน
ณ โลกภายนอก แม้ว่าเธอจะตายไปนานแล้ว แต่เธอก็รู้สึกแค่ว่าเธองีบหลับไปสักพักก่อนที่จะตื่นมาเอง
ดังนั้นเธอจึงไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์ของเธอจะโศกเศร้าขนาดนี้เพราะความตายของเธอ
เธอไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน แต่เธอก็กังวลทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป่เหอ เธอต้องการกลับไปพบอาจารย์ทันทีและบอกว่าเธอฟื้นคืนชีพแล้ว
“ท่านอาจารย์ไป่ ข้าอยากกลับไปหาท่านอาจารย์ของข้า”
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์พูดอย่างกระวนกระวาย
“ได้สิ ข้าจะพาไปเอง”
ไป่เหอตกลงโดยไม่ลังเล จากนั้นเขาก็เดินไปยังพื้นที่ว่างและชักดาบสีโลหิตออกมาจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็ฟันมิติตรงหน้าของเขาในทันใด
หวือ
อึดใจต่อมา ช่องว่างมิติที่ยาวกว่า 10 เมตรก็ถูกตัดเปิดโดยดาบของเขา จากนั้นมันก็ค่อยๆ ฟื้นสภาพด้วยความเร็วที่ช้ามากๆ
“ไปกันเถอะ”
ไป่เหอหันมาหาลู่ฉ่ายเอ๋อร์
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์พยักหน้าและกำลังจะวิ่งไป แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และหันมาหาโจวโจว
“เดี๋ยวข้ากลับมานะ”
หลังจากนั้นเธอก็ไม่สนใจโจวโจวที่นั่งอึ้งอยู่และวิ่งตรงไปหาไป่เหอ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในรอยแยกมิติพร้อมกับไป่เหอ และหายตัวไป
หลังจากทั้งสองคนหายไปแล้ว รอยแยกมิติก็ถูกซ่อมแซมอย่างรวดเร็วและกลับคืนสู่สภาพเดิม
“หึๆ ดูเหมือนว่าถึงพวกเจ้าสองคนจะเพิ่งพบกัน แต่เธอก็ให้ความสำคัญกับเจ้ามากเลยนะ”
ร็อบเดินมาข้างๆ โจวโจวและหยอกล้อ
“ข้าชุบชีวิตให้เธอ มันจะแปลกอะไร?”
โจวโจวกลอกตา
ร็อบคิดว่ามันก็มีเหตุผลและไม่ได้พูดอะไรอีก
“ตามข้ามา ท่านอาจารย์เตรียมของรางวัลไว้ให้เจ้าแล้ว”
ร็อบเปลี่ยนเรื่อง
“ของรางวัลอะไรเหรอ?”
ดวงตาของโจวโจวเปล่งประกายขึ้นมา
“มันมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญ ส่วนอย่างที่สอง ตามข้ามาก่อนเถอะ”
ร็อบพูดอย่างน่าสงสัย
โจวโจวตั้งความหวังมากยิ่งขึ้น
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและตามอีกฝ่ายไป หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงจุดนัดพบแห่งหนึ่ง
บริเวณนี้ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ฝึกอัศวิน มันกว้างมากๆ จนดูแทบจะไร้ขอบเขตเลย
โจวโจวมองดูและเห็นว่ามีอัศวินฝึกหัดและครูฝึกอัศวินจำนวนมากกำลังฝึกฝนอยู่ที่นี่
ในเวลานั้นเอง ร็อบก็พาเขาไปหาชายชราผมขาวคนหนึ่ง
“ท่านซ่างโป้”
ร็อบกล่าวด้วยความเคารพ
โจวโจวเคยเห็นผู้อาวุโสคนนี้มาก่อน
ในตอนที่เขามาที่วิหารอัศวินเป็นครั้งแรก ร็อบเคยพาเขาไปยังศูนย์ฝึกอัศวินและได้พบกับหกครูฝึกอัศวินที่คอยดูแลหกนิกายหลักของอัศวิน
ผู้อาวุโสคนนี้คือหนึ่งในหกผู้แลหกนิกายอัศวิน!
โจวโจวนึก
“คาราวะท่านซ่างโป้”
เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับมัน และก้มหัวให้อีกฝ่าย
ซ่างโป้พยักหน้าอย่างใจเย็น แผลเป็นสีเลือดเป็นทางยาวบนเปลือกตาของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาดูดุร้ายเล็กน้อย
เขามองมาที่โจวโจวและมุมปากของเขาก็กระตุก เผยให้เห็นรอยยิ้มอันดุร้ายที่ ‘เป็นมิตร’ มากขึ้น
“เจ้าตะวันสาดแสงใช่ไหม? ข้าจำเจ้าได้ ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาเยอะเลย ไม่น่าเชื่อว่าลอร์ดอย่างเจ้าที่เพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้แค่ครึ่งเดือนจะทำในสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราไม่สามารถทำได้กว่าหมื่นๆ ปี หึๆ ฉ่ายเอ๋อร์น้อยผู้นั้นเป็นยังไงบ้าง?”
เขาถาม
“เธอหายดีแล้ว เธอได้ตามเจ้าวิหารไป่กลับไปหาอาจารย์ของเธอแล้วขอรับ”
โจวโจวกล่าวด้วยความสุภาพ
“กาลเวลาหวนกลับแล้วสินะ”
ซ่างโป้ถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็มองมาที่โจวโจว
“บางทีเจตจำนงสูงสุดอาจจะตัดสินใจได้ถูกแล้วที่นำลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์อย่างพวกเจ้ามาที่โลกของพวกเรา”
เขาส่ายหัวด้วยสีหน้าใจเย็น จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก และพาทั้งสองคนมาที่มุมๆ หนึ่ง
อัศวินมนุษย์สูง 5-6 เมตรจำนวน 100 คนซึ่งสวมชุดเกราะสีเลือดและถือกระบองดาวตกยืนอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงนี้
“ทำความเคารพลอร์ดในอนาคตของพวกเจ้าซะ”
ซ่างโป้มองไปยังอัศวินเหล่านี้และกล่าวอย่างใจเย็น
“คาราวะท่านลอร์ด!”
อัศวิน 100 คนคำรามออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่มากนัก แต่เสียงคำรามอันดุดันของพวกเขาก็สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสถานที่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องหันมามองโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อพวกเขาเห็นคนเหล่านี้ พวกเขาก็ถอนสายตาอิจฉาๆ กลับมา
โจวโจวเองก็อึ้งไปกับเสียงของพวกเขา จากนั้นเขาก็มีปฏิกิริยา
หรือว่านี่จะเป็นรางวัลที่สองของเจ้าวิหารไป่?
อัศวินแค่ 100 คนเนี่ยนะ?
ดูถูกกันเกินไปรึเปล่า?
ท่านมอบมรดกผู้กล้าระดับมหากาพย์ให้ข้าซะยังดีกว่า
แต่เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลของอัศวินทั้ง 100 คนแล้ว เขาก็ไม่สามารถละสายตาได้เลย
[ลูกน้อง: จางเฉิน]
[ดินแดน: วิหารอัศวิน]
[อาชีพ: อัศวินทลายทัพ]
[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง]
[ความสามารถโดยรวม: อาชีพสายต่อสู้ระดับจักรวรรดิจากวิหารอัศวิน—อัศวินทลายทัพ เผ่าพันธุ์ของพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ไททันบริสุทธิ์ พวกเขาถูกเลี้ยงดูและฝึกฝนโดยวิหารอัศวินนับตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขามีร่างกายแข็งแกร่ง มีเจตจำนงที่ไม่ย่อท้อ และพลังทำลายล้างที่ไร้เทียมทานในสนามรบ อัศวินทลายทัพทุกคนคือเครื่องบดเนื้ออันหาที่เปรียบมิได้ในสนามรบ]
[ทักษะ: พรสวรรค์ – เผ่าพันธุ์ไททันบริสุทธิ์, พรสวรรค์ระดับจักรวรรดิ – ร่างศึกเลือดเหล็ก, พรสวรรค์ระดับจักรวรรดิ – คนบ้าสงคราม, ทักษะระดับจักรวรรดิ – โลหิตไร้เทียมทาน, เคล็ดวิชากระบองไททันระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, การฟื้นฟูตัวเองระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, ร่างเพชรระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, ความต้านทานวิญญาณระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, ความต้านทานความเสียหายทางกายภาพระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, ความต้านทานความเสียหายจากพลังธาตุระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง…]
[ความภักดี: 85]
[ศักยภาพ: ระดับมหากาพย์ขั้นต้น]
โจวโจวมองดูข้อมูลของอีก 99 คน
เขาพบว่ากองทัพอัศวินทลายทัพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง และศักยภาพของพวกเขาก็อยู่ในระดับมหากาพย์ขั้นต้นเหมือนกันด้วย
โจวโจวอึ้งไปเลย
พระเจ้าช่วย!
นี่มันงานฝีมือประเภทไหนกันนะ?
พวกเขานำอัศวิน 100 คนที่มีศักยภาพระดับมหากาพย์ขั้นต้นและมามอบให้กับเขางั้นเหรอ?
ศักยภาพของผู้มีพรสวรรค์จากคะแนนชื่อเสียงมักจะอยู่ที่ระดับเพชรหรือระดับเหนือสามัญเท่านั้น
ส่วนผู้มีศักยภาพระดับตำนานก็หาได้ยากเกินไป
คราวนี้ไป่เหอกลับมอบทหารระดับจักรวรรดิ 100 คนที่มีศักยภาพระดับมหากาพย์ให้กับเขา!
นอกจากนี้ทุกคนยังมีความแข็งแกร่งในระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย!
ผมขอโทษครับพี่ไป่!
ผมผิดไปแล้ว ผมขอถอนคำพูด!
ผมชอบของรางวัลนี้จริงๆ!
โจวโจวดีใจมาก