ตอนที่ 361 : มรดกแม่ทัพเทพภูตผี! ประกาศภารกิจกองทัพ!

โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ เมื่อเขามองดูข้อมูลของทักษะผู้กล้าทั้งสองอันอย่างเทพภูตผีบัญชาทัพและเทพภูตผีไร้เทียมทาน มันก็พูดถึงผู้กล้าอย่างแม่ทัพเทพภูตผีแล้ว

ในเวลานั้น เขาก็คิดว่าคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าที่ดรอปออกมาก็น่าจะเป็นคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าของแม่ทัพเทพภูตผี

เมื่อลองดูแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ฉันควรจะมอบคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าให้กับใครดี?”

โจวโจวครุ่นคิด

ในบรรดาลูกน้องของเขา ไป่อี้ อู๋ซิน เฟิงลั่ว และเนซาริโอ้ก็มีมรดกผู้กล้าเป็นของตัวเองแล้ว

แม้ว่ามาริสจะสามารถสืบทอดมรดกผู้กล้าอันนี้ได้ แต่มันก็เป็นทหารระดับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากนี้ วิธีการต่อสู้ของอีกฝ่ายยังเกี่ยวข้องกับวิญญาณทั้งหมด มันจึงไม่เหมาะกับวิธีการต่อสู้ระยะประชิดของแม่ทัพเทพภูตผี

ส่วนออกุสต์ก็ต้องใช้มรดกผู้กล้ามังกรในฐานะมังกรภูตผี มันจึงไม่สามารถสืบทอดมรดกผู้กล้าอันนี้ได้

จู่ๆ โจวโจวก็เกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมา

จริงๆ แล้วเขาไม่รู้ว่าจะมอบมรดกผู้กล้าอันล้ำค่านี้ให้กับใคร เพราะเขาไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมใช่ไหม?

หึๆ งั้นก็ลองคิดถึงตัวเลือกอื่นดูสิ

นั่นก็คือรองแม่ทัพระดับเหนือสามัญของกองทัพศพไร้หน้าที่เขาทำให้แปรพักตร์ด้วยยุยงแปรพักตร์!

ในฐานะกำลังรบระดับเหนือสามัญ ถ้าเขามอบมรดกผู้กล้านี้ให้กับอีกฝ่าย มันก็จะกลายเป็นผู้กล้าระดับเหนือสามัญประจำดินแดนของเขาทันที

มันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความภักดีเลย

ความภักดีเริ่มต้นของอีกฝ่ายสูงมากอยู่แล้ว ด้วยความภักดีเริ่มต้นที่ 89 ในอีกสามวัน ความภักดีของอีกฝ่ายคงเพิ่มขึ้นเป็น 90 ด้วยความช่วยเหลือของพรสวรรค์สุขสงบ มันจึงเทียบได้กับลูกน้องที่กึ่งภักดีจนตายเลย

ถึงกระนั้น รองแม่ทัพของกองทัพราชาศพไร้หน้าก็เพิ่งเข้าร่วมกับดินแดนของเขา อีกฝ่ายยังไม่มีความดีความชอบเลยนอกจากการก่อสงครามภายในเมื่อครู่

การมอบมรดกผู้กล้าให้กับอีกฝ่ายทันทีคงจะทำให้ลูกน้องคนอื่นๆ รู้สึกไม่ยุติธรรมเป็นแน่

นอกจากนี้ โจวโจวยังให้ค่ากับความภักดีและคุณสมบัติด้วย

ยิ่งอีกฝ่ายติดตามเขานานแค่ไหนและสร้างผลงานไว้มากเท่าไร เขาก็จะยิ่งให้คุณค่ากับคนพวกนั้นมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าความภักดีเริ่มต้นของลูกน้องที่เพิ่งเข้าร่วมกับดินแดนของเขาจะสูงมาก แต่โจวโจวก็ยังไม่เต็มใจเท่าไรที่จะมอบผลประโยชน์มากมายขนาดนี้ให้กับอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำผลงานอะไร

โจวโจวครุ่นคิด จากนั้นเขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในทันใด

เขาเปิดหน้าต่างกองทัพขึ้นมา เปิดระบบความดีความชอบ และสร้างภารกิจขึ้นมา

เป้าหมายของภารกิจนั้นเรียบง่ายมาก

ตราบใดที่ทหารในดินแดนของเขาเคยมีคะแนนความดีความชอบถึง 100,000 พวกเขาก็จะสามารถรับคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าไปได้ทันทีและกลายเป็นผู้กล้าคนที่ห้าในดินแดน!

หลังจากโจวโจวเผยแพร่ภารกิจนี้ออกไป เขาก็วางคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าไว้ในโกดังกองทัพและตั้งค่าว่าต้องเคยมีคะแนนความดีความชอบ 100,000 หน่วยเพื่อแลกเปลี่ยนมัน

คำสำคัญก็คือ ‘เคยมี’

ซึ่งก็หมายความว่า… ถ้ามีคะแนนความดีความชอบที่ทหารผู้นั้นเคยใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง มันก็จะถูกนับรวมด้วย

นี่ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลเช่นกัน

ในตอนนี้นอกจากไป่อี้และอู๋ซิน ทหารที่มีคะแนนความดีความชอบสูงที่สุดในกองทัพของเขาก็คือทหารดาบโล่ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้น

คะแนนความดีความชอบของอีกฝ่ายมีมากกว่า 80,000 แล้ว

ถ้าอีกฝ่ายพยายามอีกสักสองวัน เขาก็น่าจะบรรลุเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนนี้ได้

โจวโจวไม่ได้สนใจเรื่องดังกล่าวมากนัก

มันคือความสามารถของเขาที่ไขว่คว้ามาได้ด้วยตัวเอง

ถ้าอีกฝ่ายสามารถแซงหน้าทหารคนอื่นมาได้ นั่นก็เป็นความสามารถของเขาเช่นกัน

โจวโจวย่อมไม่เข้าไปแทรกแซงเกี่ยวกับเรื่องนี้

มันคือการแข่งขันที่ยุติธรรม

จากนั้นเขาก็มองไปยังภารกิจนี้และอดไม่ได้ที่จะแตะริมฝีปากของตัวเอง

ในฐานะอาณาจักรที่ก่อตั้งมาหลายร้อยปี อาณาจักรทาฮันและอาณาจักรออโรร่ามีผู้กล้าเพียงแค่สามคนเท่านั้น

เขายังไม่ได้ก่อตั้งอาณาจักรด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีผู้กล้า 4 คนแล้ว และยังมีมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญที่ว่างอยู่อีก 1 อัน และมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญที่ว่างอยู่จากวิหารอัศวินอีก 2 อัน

ทั้งหมดนี้ก็แทบจะมาจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขาจริงๆ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ พรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขาก็ช่างแข็งแกร่งจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ใจเย็นลงเมื่อเขาคิดถึงผู้กล้านับร้อยคนในจักรวรรดิเอลฟ์

หนทางของเขายังอีกยาวไกล

มันไม่ใช่ว่าเขาจะหยุดการพัฒนาเพียงแค่พัฒนาได้ถึงระดับอาณาจักรเท่านั้น

ผลลัพธ์เล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจเลย

ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่โจวโจวปลดปล่อยภารกิจออกไป ไป่อี้ อู๋ซิน และทหารของกองทัพตะวันสาดแสงทุกคนก็รู้เรื่องนี้ทันที

ดวงตาของพวกเขาแดงขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเขาเห็นรางวัลของภารกิจ

มันคือมรดกผู้กล้าที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกปรารถนาเป็นที่สุด!

สำหรับสิ่งมีชีวิตบนทวีปจื้อเกา พวกเขาย่อมรู้ความหมายของการเป็นผู้กล้า

เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงยิ่งตกใจกับการกระทำของท่านลอร์ด

หากอาณาจักรอื่นได้รับมรดกผู้กล้าไป ใครจะไม่ระวังและมอบมันให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้กัน?

อย่างไรก็ตาม ลอร์ดของพวกเขาก็เผยแพร่มรดกผู้กล้านี้แบบสาธารณะและยังให้โอกาสพวกเขาแต่ละคนได้ชิงมันมาอย่างยุติธรรม!

ท่านลอร์ดไว้ใจพวกเขาแค่ไหนกันถึงกล้าทำเช่นนี้?!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความภักดีของทหารทุกคนในกองทัพตะวันสาดแสงจึงเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

อีกด้านหนึ่ง โจวโจวก็มองไปยังไป่อี้ อู๋ซิน เฟิงลั่ว และแม่ทัพคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม

“มันก็แค่ภารกิจกองทัพ ทำไมทุกคนต้องมองข้าแบบนั้นด้วย?”

เขายิ้ม

ทุกคนพูดไม่ออก

แค่เหรอ?

ท่านบอกว่าภารกิจกองทัพที่เกี่ยวพันกับมรดกผู้กล้าเป็นแค่ภารกิจงั้นเหรอ?

นี่คือระดับของท่านลอร์ดเหรอ??

ดูเหมือนว่าสายตาของพวกเราจะคับแคบเกินไปแล้ว

“เอาล่ะ ไม่ต้องคุยกันเรื่องนี้แล้ว ข้าเอามรดกผู้กล้านี้ออกมาก็เพื่อปลุกระดมทหารของพวกเรา ด้วยภารกิจกองทัพอันนี้ ข้าเชื่อว่าทหารของพวกเราจะกล้าหาญมากขึ้นในการต่อสู้ในอนาคต และจะยิ่งภักดีต่อดินแดนของเราขึ้นไปอีก โดยสรุปแล้ว ข้อดีของมันก็ย่อมมากกว่าข้อเสีย”

โจวโจวกล่าว

“เกณฑ์ข้อกำหนดไม่ต่ำไปหน่อยเหรอเจ้าคะ? มันคือมรดกผู้กล้าระดับมหากาพย์เชียวนะเจ้าคะ?”

ไป่อี้ลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพูดออกมา

โจวโจวส่ายหัว

“สภาพแวดล้อมของเราไม่ปลอดภัย เราไม่สามารถวางแผนมากเกินไปสำหรับอนาคตได้ ดังนั้นถ้าหากมันมีวิธีที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ มันก็คงจะดีกว่าที่จะทำมันเลย อย่าคิดมากเกี่ยวกับอนาคตเลยน่า”

เขากล่าว

ไม่ต้องพูดถึงอะไรอื่น โจวโจวยังไม่รู้เลยว่าสมรภูมิสุดท้ายที่จะเปิดตัวขึ้นในวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง

อย่างไรก็ตาม ด้วยชื่อของมันและธรรมชาติของเจตจำนงสูงสุด มันย่อมต้องอันตรายมากแน่ๆ

พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามรดกผู้กล้าของแม่ทัพเทพภูตผีนั้นล้ำค่าเกินไป เขาก็คงจะให้ใครใช้แล้วก็ได้

เขาต้องการใช้มันตอนนี้สำหรับลูกน้องของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสมรภูมิสุดท้ายในวันพรุ่งนี้

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านลอร์ด” ไป่อี้พยักหน้า

โจวโจวพยักหน้ารับ

“ยังไงก็เถอะ ไป่อี้ นี่สำหรับเจ้า เฟิงลั่ว ส่วนนี่สำหรับเจ้า”

โจวโจวหยิบเอาหนังสือทักษะผู้กล้าเทพภูตผีบัญชาทัพและเทพภูตผีไร้เทียมทานออกมาและยื่นพวกมันให้กับไป่อี้และเฟิงลั่ว

ทั้งสองคนรับหนังสือทักษะไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นพวกเขาก็อึ้งไปเมื่อพวกเขาพบว่ามันคือทักษะผู้กล้า

“ใช้มันให้ดี อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”

โจวโจวมองดูสีหน้าของพวกเขาและยิ้มออกมา

“ขอรับท่านลอร์ด!”

เฟิงลั่วคุกเข่าลงกับพื้น

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านลอร์ดผิดหวังเด็ดขาด!”

ไป่อี้ก็เหมือนกัน

เธอตื่นเต้นมาก นอกจากนั้นเธอยังรู้สึกปลื้มปิติเล็กน้อยด้วย

ในระหว่างเวลาที่ผ่านมา เธอกล้าพูดได้เลยว่าผลงานของเธอในกองทัพนั้นไม่ได้โดดเด่นเท่าไรเลย

เนซาริโอ้คือกำลังรบอันดับหนึ่งของดินแดนตะวันสาดแสง ดังนั้นความสำคัญของมันก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง

เฟิงลั่วมีวรยุทธ์อันไร้ที่เปรียบ และผลงานของเขาบนสมรภูมิก็โดดเด่นมาก

ในขณะเดียวกัน อู๋ซินก็สามารถควบคุมค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทราและควบคุมอวตารหมาป่าละโมบเพื่อเข่นฆ่าศัตรูบนสมรภูมิได้ มันกล่าวได้ว่าอู๋ซินโดดเด่นขึ้นมากในช่วงนี้

แล้วเธอล่ะ?

ต่อหน้าผู้กล้าอีกสามคน ทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือการใช้คันธนูและลูกธนูของเธอและสังหารศัตรูอย่างเงียบๆ เพื่อลอร์ดของเธอหรือสนับสนุนอู๋ซินในอวตารหมาป่าละโมบ

นอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นอะไรเลย

เป็นเพราะเหตุนี้ที่ไป่อี้จึงรู้สึกผิดในช่วงเวลานี้

เธอย่อมรู้ว่าท่านลอร์ดให้ค่าเธอที่สุดและลงทุนในตัวเธอมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผลงานของเธอก็ด้อยกว่าอู๋ซินและคนอื่นๆ

เธอไม่ได้อิจฉาพวกเขา แต่เธอแค่รู้สึกว่าเธอไร้ประโยชน์เล็กน้อยและทำให้ท่านลอร์ดผิดหวัง

อีกด้านหนึ่ง ด้วยประสาทสัมผัสที่หกอันทรงพลังของโจวโจว เขาก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงความผันผวนทางอารมณ์ของไป่อี้

เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่บอกให้เฟิงลั่วออกไปก่อน จากนั้นก็มองไปยังอู๋ซิน

“แม่ทัพอู๋ ข้ายังไม่ได้ให้รางวัลท่านเลย ท่านไม่พอใจรึเปล่า?”

โจวโจวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน