บทที่ 416 : ระมัดระวังตัวมาก
ประมุขเซียนประตูสวรรค์ทั้งสามนี้อยู่ที่ขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสองเท่านั้น เมื่อเผชิญกับคาถาของซุยเฮ็ง พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย
ในชั่วพริบตา พวกเขาก็จมหายไปในความโกลาหลอันไม่รู้จบสิ้น พวกเขารู้สึกเหมือนกับเป็นเรือลำเล็กๆ ที่กำลังลอยล่องอยู่กลางทะเล
“ เกิดอะไรขึ้น? นี่คืออะไร?!”
“ เราไม่ได้มุ่งหน้าไปยังโลกภายนอกภายใต้การคุ้มครองของท่านเทพหรอกหรอ? ทำไมจู่ๆ เราถึง…”
“ ไม่ดีแล้ว! เราติดกับดัก เราถูกซุ่มโจมตี!”
ประมุขเซียนประตูสวรรค์ทั้งสามตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพบกับสถานการณ์เช่นนี้
ในความเห็นของพวกเขา ด้วยการคุ้มครองของเทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียน พวกเขาก็จะสามารถซ่อนตัวจากความลับสวรรค์ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ และด้วยวิธีนี้เอง พวกเขาจึงจะสามารถปลดปล่อยพละกำลังออกมาได้อย่างเต็มที่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นคือความแข็งแกร่งของขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสอง
นับตั้งแต่ที่อาณาจักรสวรรค์ของพื้นที่ดวงดาวแห่งนี้หายไป ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ก็อาจกล่าวได้ว่าอยู่ยงคงกระพันที่นี่
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสองเพียงคนเดียว แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างอาณาจักรแห่งนี้
และไม่ต้องพูดถึงสามเลย!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีในทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้พูดหรือส่งเสียง พวกเขาก็ถูกขังอยู่ในสถานที่ที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งแห่งนี้แล้ว
เกิดอะไรขึ้น!
เป็นไปได้ไหมว่ามันจะมีผู้ฝึกตนที่อยู่เหนือขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสองอยู่ที่นี่?!
คนที่ทำร้ายตำหนักจำลองได้นั้นมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสองอย่างงั้นหรอ?
เป็นไปได้อย่างไร!
แม้ว่าตำหนักจำลองจะเป็นสมบัติที่เทียบเท่ากับขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสอง แต่การจะทำลายมันนั้นก็ไม่ใช่งานยากอะไร
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสองที่ธรรมดาที่สุดก็ยังสามารถสลายพลังของตำหนักจำลองได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้พละกำลังมากนัก
และหากพวกเขาพบผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสาม ตำหนักจำลองก็ควรจะถูกทำลายลงไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ในสายตาของประมุขเซียนประตูสวรรค์ทั้งสามนี้ ซุยเฮ็งจึงเป็นเพียงคนที่น่าจะอยู่ประมาณขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นหนึ่งเท่านั้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าที่จะบอกว่าพวกเขาจะข้ามมาและฆ่าซุยเฮ็ง
พวกเขาทั้งหมดเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่มีอายุยาวนาน โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็ต้องมีความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ก่อนที่จะริเริ่มทำสิ่งที่อันตรายเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่เคยคาดหวังผลลัพธ์ดังกล่าว
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกหลอก!
ผู้ฝึกตนประตูสวรรค์ที่นี่ไม่ได้อยู่ที่ขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นหนึ่งเท่านั้น!
และมันก็อาจจะไม่หยุดแค่ที่ขั้นสามด้วย!
ธาตุทั้งห้าแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา จักรวาลกลับหัวกลับหาง อวกาศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความโกลาหลแพร่กระจายออกไปไร้ขอบเขต นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสามจะสามารถสร้างขึ้นได้ เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากเขาแข็งแกร่งกว่าขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสาม นั่นจะไม่ได้หมายความว่าเขาได้ก้าวข้ามบันไดสวรรค์ขั้นหนึ่งไปแล้วหรอ?
“ พวกเรามาเพื่อฆ่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน!”
ในพื้นที่ที่โกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ ผู้ฝึกตนทั้งสามก็พึมพำด้วยความสับสน
ในขณะนี้ พวกเขาก็สิ้นหวังลงไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ไม่มีฟ้าหรือดินในความโกลาหลอันไร้ขอบเขตนี้ ไม่มีกฎหรือพลังใดที่พวกเขาจะสามารถใช้งานได้ มันมีเพียงความโกลาหลอลหม่านอันรุนแรงและรอยแยกมิติที่ปรากฎอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งเท่านั้น หากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถหลบหนีจากมันได้เลย
ในขณะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ทั้งสามคนกำลังสิ้นหวัง พระซานตง, เยว่ชางไห่และคนอื่นๆ ข้างนอกก็มองฉากตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ด้านหน้าของตำหนักเทวะนภาหลวง ความว่างเปล่าก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นความโกลาหล มันปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมา
“ เป็นไปได้ยังไง? นี่คือท่านเทพจากโลกภายนอกนะ!” พระซานตงมองดูความวุ่นวายด้วยความเหลือเชื่อ
เหตุใดจู่ๆ พลังประหลาดเช่นนี้จึงปรากฏขึ้นและล้อมรอบท่านเทพจากโลกภายนอก? เหตุใดเทพจากโลกภายนอกจึงถูกขังอยู่ภายในโดยปราศจากการต่อต้าน!
เทพจากโลกภายนอกควรจะอยู่ยงคงกระพันไม่ใช่หรอ?
เทพจากโลกภายนอกเป็นตัวตนที่ทรงพลังซึ่งเหนือกว่าขอบเขตที่เก้าของโลกเซียน!
แบบนั้นแล้วทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น!
ในฐานะผู้นำ พระซานตงและเยว่ชางไห่ก็ได้ตกอยู่ในความสับสนและความสงสัยในตัวเอง
ซุยเฮ็งมองดูผู้ฝึกตนจากนอกโลกทั้งสามคนด้วยความผิดหวัง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำ “ จริงๆ แล้วมีผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ชั้นสองเพียงสามคนเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ส่งผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสามมาด้วยซ้ำ”
เนื่องจากคนทั้งสามนี้อ่อนแอเกินไป เขาจึงไม่ได้ปล่อยคาถาอื่นๆ ต่อไป
มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสามคนก็จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิด ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาจะถูกทำลายลงในทันที
“ ฮุ่ยฉี ไปจับคนพวกนี้มา” ซุยเฮ็งสั่งฮุ่ยฉีให้ไปจับพระซานตง, เยว่ชางไห่, เย่โจวและคนอื่นๆ เพื่อรอการลงโทษ
“ ครับท่าน!” ฮุ่ยฉีพยักหน้า
สำหรับเขาซึ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตที่เก้าแล้ว การจับผู้สร้างและราชาปราชญ์เหล่านี้ก็เป็นงานที่ง่ายมาก
ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็หมุนเวียนพลังธรรมของเขาและสร้างฉากภาพลวงตาขึ้นมาว่าพวกเขากำลังสู้กันอย่างสูสี
อย่างไรก็ตาม หลังจากรออยู่เกือบ 15 นาที มันก็ยังไม่มีกำลังเสริมจากอีกฝั่ง
หลังจากผ่านไปหนึ่งในสี่ของชั่วโมง พลังที่ทำให้ความลับสวรรค์มืดบอดก็ได้สลายไป
ในเวลาเดียวกัน ตำหนักเทวะนภาหลวงก็มืดลงในทันที
“ พลังประหลาดที่ติดอยู่กับตำหนักแห่งนี้ได้หายไปแล้ว และการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกก็ถูกตัดขาด” ซุยเฮ็งสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในตำหนักได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์นอกโลกทั้งสามนี้ได้ถูกละทิ้งไปแล้ว
เทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความผิดปกติของที่นี่และยอมแพ้อย่างเด็ดขาดกับทั้งสามคน
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตัดการเชื่อมต่อระหว่างตำหนักและโลกภายนอกเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนติดตามพวกเขามา
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพลังที่ปกคลุมความลับสวรรค์สลายไป มันก็พยายามนำข้อมูลบางอย่างกลับไป
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีการที่เทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียนใช้เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของที่นี่
ซุยเฮ็งขมวดคิ้วเล็กน้อยและแก้ไขข้อมูลนี้อย่างละเอียด เขาเม้มริมฝีปากและพูดว่า “ พวกเขาพิถีพิถันมาก หรือว่าผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ทั้งสามคนนี้จะถูกโยนลงมาเพื่อทดสอบน้ำจริงๆ?”
เขาพยายามระมัดระวังเมื่อทำสิ่งต่างๆ และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายใดๆ ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้พบกับคนอื่นๆ ที่ระมัดระวังด้วยเช่นกัน เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้สวยงามเอาเสียเลย
น่าเสียดายที่เทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียนยังไม่ทรงพลังพอ
แม้ว่าเขาจะนำข้อมูลบางอย่างกลับไปได้ แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ซุยเฮ็งต้องการให้เขาเห็นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ร่องรอยของพลังนั้นก็ยังได้เปิดเผยลักษณะของเทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียน
ซุยเฮ็งสามารถกำหนดระดับความแข็งแกร่งของเทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียนได้โดยการวิเคราะห์ลักษณะของร่องรอยของพลังนั้น
“ มันไกลเกินกว่าขอบเขตรวมวิญญาณขั้นสูงสุด แต่มันก็ยังด้อยกว่าขอบเขตก่อเกิดวิญญาณมาก มันอยู่ระหว่างขอบเขตทั้งสอง” ซุยเฮ็งสรุปได้อย่างรวดเร็ว “ นี่คือระดับพลังหลังจากข้ามบันไดสวรรค์ขั้นที่หนึ่งไปแล้วอย่างงั้นหรอ อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ขอบเขตประตูสวรรค์ที่เท่าไหร่...”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มองไปที่ลูกบอลแห่งความโกลาหลบนท้องฟ้า เขายกมือขึ้นและคว้ามันมาไว้ในฝ่ามือ ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ทั้งสามคนปรากฎตัวขึ้นบนฝ่ามือของเขา
“ ฉันจะรู้ก็ต่อเมื่อฉันถามพวกเขาแล้ว อืม ถ้าฉันคำนวณดีๆ กำไรที่ได้ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย...”
“ ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกภายนอกของพวกเขาน่าจะค่อนข้างลึกซึ้ง ขอบเขตของหยูเล่ยและซื่อฉิงหยูนั้นต่ำเกินไป ดังนั้นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาจึงยังแคบเกินไป”
….
ในขณะนี้ ในตำหนักเทวะนภาหลวง
ในห้องโถงที่ว่างเปล่า มีเพียงแสงสีแดงที่กระพริบ
“ พื้นที่ดวงดาวนั่นมีปัญหาจริงๆ”
เสียงดังมาจากแสงสีแดงราวกับว่ามันกำลังพึมพำกับตัวเอง “ โชคดีที่ข้าไม่ได้ลงไปเป็นการส่วนตัว มิฉะนั้นมันก็จะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและยากที่จะหลบหนี”
“ ขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสี่ โลกภายนอกนั้นมีผู้ฝึกตนขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสี่อยู่จริงๆ มันเหนือความคาดหมายของข้าไปมากจริงๆ อาณาจักรสวรรค์ของพวกเขาถูกท่านเทพกัดกร่อนอย่างชัดเจนมาเป็นเวลาหลายแสนปี แบบนี้แล้วชายคนนี้มาจากไหนกัน!”
ในตอนที่ซุยเฮ็งแก้ไขข้อมูลส่วนนั้น เขาก็ได้เปลี่ยนความแข็งแกร่งของเขาเป็นระดับเดียวกันกับเทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียน
ในสายตาของเทพศักดิ์สิทธิ์หยูเทียน นี่ก็คือขอบเขตประตูสวรรค์ขั้นสี่
“ มีบางอย่างผิดปกติ มีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน!” ทันใดนั้นแสงสีแดงก็กะพริบอย่างรุนแรง “ ข้าต้องแจ้งท่านเทพเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีมันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในอาณาจักรสวรรค์ของโลกภายนอก!”
….
ซุยเฮ็งได้พัฒนาคาถาใหม่ขึ้นมาโดยอิงจากห้าธาตุบรรพกาลหยินหยางพลิกกลับและเคล็ดวิชาพันลานน้อย
เขาวางลูกบอลแห่งความโกลาหลลงในช่องว่างเฉพาะ มันก่อตัวเป็นกรงที่ไม่อาจหลีกหนีได้ มันเหมาะที่สุดสำหรับการกักขังผู้ฝึกตนที่ไม่ธรรมดา
เขาตั้งชื่อคาถานี้ว่า “คุกบรรพกาล”
ผู้ฝึกตนสามคนจากโลกภายนอกโชคดีมากที่ได้เป็นคนแรกที่ได้ทดสอบคาถานี้ พวกเขาทั้งหมดอาจจะให้คำวิจารณ์ที่ดีได้
ซุยเฮ็งกักขังผู้ฝึกตนจากโลกภายนอกทั้งสามคนเอาไว้ภายใน
หลังจากที่เขาสอบถามพระซานตง, เยว่ชางไห่และคนอื่นๆ เสร็จแล้ว เขาก็จะไปพบทั้งสามคนเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของโลกภายนอก
สถานที่ที่เขาทำการซักถามอยู่ในห้องโถงของตำหนักสวรรค์ลับแล
พระซานตง, เยว่ชางไห่, เย่โจวและคนอื่นๆ ที่เข้าข้างโลกภายนอกไม่ใช่คนพวกเดียวที่มาที่นี่ นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนทั่วไปเช่นพระซวนเป่ยและเจ้าสำนักต่างๆ
บ้างก็คุกเข่า บ้างก็นั่ง บ้างก็กำลังชงชา
ซุยเฮ็งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สายตาของเขากวาดไปที่กลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านล่าง และเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
พวกเขาทั้งหมดดูหมดกำลังใจและซีดเซียว พวกเขาก้มศีรษะลงและนิ่งเงียบ พวกเขาดูไม่เหมือนกับราชาปราชญ์หรือแม้แต่ผู้สร้างเลย
เขาควรเริ่มต้นอย่างไร? เขาควรเริ่มต้นจากใครดี?
“ ท่านประมุขเซียน ทำไมท่านไม่ให้ข้าเป็นคนเริ่มแทนล่ะ” จ้าวเทียนอี้นั่งข้างซุยเฮ็งและอธิบายด้วยความเคารพ “ คนเหล่านี้ยังค่อนข้างตกใจและหวาดกลัวกับพลังที่ท่านแสดงออกมา”
ซุยเฮ็งชำเลืองมองเขา จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ ก็ได้ เอาเลย”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved