ตอนที่ 67

บทที่ 67: ฆ่าฟันจนหัวหมุน ตายเพื่อชดใช้ความผิด

ทางตอนใต้ของมณฑลลู่ มันเป็นย่านที่อยู่อาศัยสำหรับพวกคนรวย

ซุนผานซื่อได้ซื้อคฤหาสน์ที่นี่เพื่อเป็นที่พักชั่วคราว นอกจากนี้ เขาก็ยังจ้างคนรับใช้หลายร้อยคนและสอนวรยุทธ์ให้กับพวกเขา

บนฉากหน้า เขาก็กำลังฝึกศิษย์ชั้นนอกของสำนักไท่ชง แต่ในความเป็นจริง เขาก็กำลังสร้างกองทหารส่วนตัวขึ้นมา

สำนักอื่นๆ เช่น สำนักกระบี่สวรรค์ อารามหยกเขียว และสภาธรรมก็มีวิธีการที่คล้ายคลึงกันเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีอุบัติเหตุมากมายในโลกที่โกลาหลวุ่นวายนี้ มันมีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถจะใช้เพื่อป้องกันตัวเองได้

คนรับใช้ 300 ถึง 500 คนที่รู้วรยุทธ์และติดอาวุธก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะทหารหลายพันคนที่ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร

ในขณะนี้ซุนผานซื่อ, หวังจินเซิง, เผิงหลานจื่อ, อู๋หยางเจินและคนอื่นๆ ก็ได้มารวมตัวกันที่บ้านของซุนผานซื่อเพื่อทำการเฉลิมฉลอง

การเฉลิมฉลองนี้เกิดขึ้นเพราะอาหารและเกลือของซุยเฮ็งได้ถูกตัดขาดและเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้อีกต่อไป

นอกจากนี้ ราคาข้าวสารและเกลือก็ยังพุ่งสูงขึ้นมาอีกถึง 15 เท่าของราคาเดิม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำกำไรมหาศาล

โดยเฉพาะซุนผานซื่อและหวังจินเซิง พวกเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมธัญพืชและเกลือในมณฑลลู่

“ ทุกคน ครั้งนี้เราชนะแล้ว มันน่าพอใจมากจริงๆ ที่เราสามารถกำจัดผู้ว่าการตัวน้อยคนนั้นได้!”

ซุนผานซื่อยกแก้วขึ้นและหัวเราะอย่างเต็มที่ “ อาหารของเขาหมดลงแล้ว และอีกไม่กี่วันเขาก็จะต้องมาขอโทษเราอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เขาลืมไปเสียสนิทแล้วว่าเขาเคยพนันว่าซุยเฮ็งจะมาขอขมาเขาภายในเวลาไม่ถึงสามวัน

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาแค่ยกแก้วขึ้นและดื่มเท่านั้น

ผู้ว่าการมณฑลคนใหม่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน

ภูมิหลังของเขานั้นน่าทึ่งมาก

เขาสามารถประคองสงครามราคาธัญพืชและเกลือมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนได้ อาหารและเกลือถูกขนส่งมาทุกๆ วัน และไม่สามารถหาแหล่งที่มาที่แน่นอนได้ สิ่งนี้มันไม่น่าเชื่อเลย

ซุนผานซื่อและหวังจินเซิงมีธุรกิจขนาดใหญ่ในสองอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ร้านค้าหลายแห่งของพวกเขาก็ได้ปิดตัวลงไปแล้ว

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้ในมณฑลลู่ไปเป็นจำนวนมาก

และแม้ว่าเสบียงอาหารและเกลือของซุยเฮ็งจะถูกตัดขาดไปแล้ว แต่จากประสบการณ์ของพวกเขาในเดือนที่ผ่านมา มันก็ยังคงสดใหม่อยู่ในใจของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงรู้สึกว่าผู้ว่าการมณฑลคนใหม่นี้ไม่ใช่คนที่จะสามารถล้อเล่นด้วยได้

อีกอย่าง ตอนนี้มันก็แค่ธัญพืชและเกลือ พวกเขายังมีถ่านหิน แร่ และผ้าไหมอีก สิ่งเหล่านี้คืออุตสาหกรรมหลักของพวกเขา

นอกจากนี้ สำนักกระบี่สวรรค์, อารามหยกเขียวและตระกูลเหอแห่งผิงชวนก็ยังไม่ได้ตั้งอยู่ในมณฑลลู่

“ ผู้อาวุโสซุน อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป” หลังจากจิบเหล้าแล้ว จู่ๆ หวังจินเซิงก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ว่าการซุยจะไม่ถูกกดดันจนสิ้นหวังและไล่ปล้นธุรกิจทั้งหมดของท่าน?”

“ เขาจะกล้าหรอ?!” ซุนผานซื่อจ้องมองกลับและเย้ยหยัน “ ในมณฑลลู่ทั้งหมด ใครก็ตามที่กล้ารุกรานเราก็จะต้องตาย!”

“ แล้วถ้าเขามีความกล้าหาญเหมือนหมีล่ะ?”หวังจินเซิงส่ายหัวและพูดต่อว่า “ ผู้อาวุโสซุน เรากำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราก็ควรจะเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม”

“ อย่าไปกังวลเลยผู้อาวุโสหวัง” ซุนผานซื่อไม่กล้าจะโอ้อวดต่อหน้าหวังจินเซิง เขารินเหล้าหนึ่งจอกและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ อันที่จริง แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลคนนั้นจะมีความกล้า แต่เขาก็ไม่มีความสามารถพอหรอก”

“ เรามีทหารหลายพันนายในมณฑลลู่ แบบนั้นแล้วด้วยกำลังทหารเพียงหลักร้อย ผู้ว่าการซุยจะกล้าสู้กับเราได้อย่างไร?”

ปัง! ปัง! ปัง!

ในขณะนี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอย่างเร่งรีบ

“ นายน้อย! เรามีเรื่องใหญ่แล้ว!!” นี่คือเสียงของคนรับใช้ของตระกูลซุน

“ เกิดอะไรขึ้น? ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ใครมารบกวนเรา!” ซุนผานซื่อตะคอกกลับไปข้างนอก “ พูดมาเร็วๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น!”

“ นายน้อย มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว! คนรับใช้ของหลี่จงได้แจ้งมาว่า…” คนรับใช้รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากหายใจเข้าลึกๆ เขาก็พูดต่อว่า “ ผู้ว่าการคนนั้นได้ส่งคนไปบุกรุกบ้านของหลี่จงและตัดหัวของหลี่จงทิ้งเรียบร้อยแล้ว!”

“ อะไรนะ?!” ซุนผานซื่อตกตะลึงในทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีในทันที

เขารู้สึกขายหน้าอย่างมาก

เมื่อกี้เขายังคงมั่นใจว่าซุยเฮ็งจะมาขอโทษขอขมาพวกเขาในวันนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่า ซุยเฮ็งจะไม่กล้าทำการเคลื่อนไหวใดๆ

แต่ถึงกระนั้น อีกฝ่ายก็กลับตบหน้าอย่างเร็วและแรงขนาดนี้เลยหรอ?

สีหน้าของเผิงหลานจื่อ, อู๋หยานเจิงและคนอื่นๆ เองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน

พวกเขาคิดว่าซุยเฮ็งน่าจะพยายามขัดขืนต่อไป ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าซุยเฮ็งจะเลือกใช้ความรุนแรงเช่นนี้

ในสงครามเศรษฐกิจ ทุกคนก็ล้วนแข่งขันกันภายใต้กฎ และแม้ว่าพวกเขาจะแพ้ แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จะทำเพียงแค่ยอมรับความพ่ายแพ้และยอมจำนนเท่านั้น

มันไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่คิดจะใช้ความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม เมื่อซุยเฮ็งเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลัง ความหมายมันก็จะแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

เขากำลังเล่นกับชีวิตของตัวเขาเอง!

เขายอมตายดีกว่าถูกคนอื่นควบคุม?

นี่มันจะลูกผู้ชายเกินไปหน่อยมั้ยเนี่ย?!

ผู้ว่าการซุยกำลังคิดอะไรอยู่?

เผิงหลานจื่อ, อู๋หยานเจิงและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย

ไม่มีใครเชื่อว่าซุยเฮ็งจะมีโอกาสชนะหากพวกเขาใช้กำลังแข่งขันกัน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็รู้ดีว่าทหารของฝ่ายผู้ว่าการมณฑลนั้นอยู่ในระดับใด พวกเขาไม่มีทหารคนใดที่สามารถต่อสู้ได้เลย

และสำหรับคำถามเรื่องการฝึกตนของซุยเฮ็ง… มันก็ถูกมองข้ามไปได้เลย!

พวกเขาทั้งหมดล้วนมาจากสำนักขนาดใหญ่ แบบนั้นแล้วพวกเขาจะไปแพ้ให้กับซุยเฮ็งได้อย่างไร?

แม้แต่ปรมาจารย์ขอบเขตเซียนเทียนก็ยังต้องล่าถอยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารชั้นยอดนับพันที่มีวรยุทธ์

ไม่ว่าการฝึกตนและวรยุทธ์ของเขาจะสูงส่งเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่ใช่เซียน!

“ ไปดูกันเถอะ!” ในขณะนี้ ซุนผานซื่อก็ทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืน เขากัดฟันและพูดว่า “ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆ!”

….

ในขณะที่คนรับใช้ของตระกูลหลี่กำลังวิ่งไปรายงานซุนผานซื่อ ฮุ่ยฉีก็ได้สังหารผู้คนในตระกูลหลี่ลงจนเลือดไหลอาบกลายเป็นแม่น้ำไปแล้ว เขาปฏิบัติตามคำสั่งของซุยเฮ็งอย่างเคร่งครัดและฆ่าใครก็ตามที่กล้าขัดขืน

ในฐานะปรมาจารย์ขอบเขตควบรวมปราณ คนรับใช้ธรรมดาๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย

แม้แต่เฉินตงก็ยังต้องตกใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิธีการที่โหดเหี้ยมของฮุ่ยฉี เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ เป็นวิชากระบี่ที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้!”

ในขณะนี้ มันก็ไม่มีใครในตระกูลหลี่กล้าที่จะต่อต้านอีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดล้วนก้มศีรษะลงและนอนหมอบอยู่ที่มุมกำแพง

พวกที่กล้าต่อต้านล้วนได้ตายลงไปหมดแล้ว

ส่วนทหารที่มาตรวจค้น พวกเขาก็ได้กลายเป็นลูกหาบกันไปหมดแล้ว

กล่องเงินกล่องทองกล่องแล้วกล่องเล่าได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไป เช่นเดียวกับเสบียงอาหารที่ถูกเก็บไว้ของตระกูลหลี่ ทุกสิ่งได้ถูกขนออกมาจนหมด

เมื่อเหล่าพลเมืองที่ตามมาดูเห็นฉากนี้ มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที และโดยไม่รู้ตัว ซุนผานซื่อก็ได้นำผู้คนมาถึงแล้ว

ซุนผานซื่อได้กลิ่นฉุนของเลือดที่อบอวลอยู่ในอากาศและเห็นสายธารโลหิตที่ไหลอาบลงมาจากกองเนินหัวศีรษะ เขาโกรธจนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

เมื่อเขาเห็นกล่องสมบัติและถุงใส่เสบียงอาหาร เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

เผิงหลานจื่อ, อู๋หยานเจิงและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเสียวซ่านเมื่อเห็นฉากนี้

ผู้ว่าการซุยคนนี้บ้าไปแล้ว!!!

เขาอยากจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งจริงๆ ใช่ไหม!!!

หวังจินเซิงหรี่ตาพลางครุ่นคิด

“ หยุดนะ!” ซุนผานซื่อตะโกนเสียงดัง “ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

ไม่มีใครฟัง

ทหารยังคงเคลื่อนย้ายกล่อมสมบัติต่อไป ในเวลานี้ พวกเขาก็ฟังเพียงคำสั่งของฮุ่ยฉีเท่านั้น

“ พวกเจ้ากล้าดียังไงกัน!”

ซุนผานซื่อโกรธมาก เขาก้าวไปข้างหน้าและยกมือขึ้นเพื่อจะต่อยทหาร

เขาเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตควบรวมปราณ ดังนั้นแล้วพลังปราณของเขาจึงแข็งแกร่งมาก!

หมัดของเขาเป็นเหมือนกับพายุที่รุนแรง มันทำให้ทหารหลายคนที่อยู่รอบข้างเขาล้มลงในทันที

ขณะเดียวกัน ทหารที่ตกเป็นเป้าก็ยิ่งตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว และขาของเขาก็สั่นจนอ่อนแรง เขาไม่สามารถหลบหนีได้เลย

ถ้าเขาโดนหมัดนี้เข้า เขาก็จะต้องตายแน่นอน

ปัง!

ทันใดนั้นก็มีเสียงอู้อี้ดังขึ้น และหมัดของซุนผานซื่อก็ส่งไปไม่ถึงตัวทหาร

มันได้กระแทกเข้ากับฝ่ามือที่หยาบและใหญ่แทน

ฮุ่ยฉีรับหมัดของอีกฝ่ายและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เจ้ากล้าดียังไงมาโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารในที่สาธารณะ? ข้าว่าเจ้าคงจะต้องเรียนรู้เรื่องที่สูงที่ต่ำซะใหม่แล้ว!”

“ พลังปราณ?!” ซุนผานซื่อตกใจมาก เขาถอนหมัดกลับไปและจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย “ มีใครที่มีความสามารถเท่าเจ้าภายใต้ผู้ว่าการหนุ่มคนนั้นอีกไหม?”

“ หุบปาก!” ฮุ่ยฉีไม่ตอบคำถาม เขาเดินไปข้างหน้าและตะโกนว่า “ เจ้าเป็นใครกัน? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“ ข้าคือซุนผานซื่อแห่งสำนักไท่ชง! จงหยุดคนของเจ้าเดี๋ยวนี้!” ซุนผานซื่อชี้ไปที่หน้าของฮุ่ยฉีและตะโกนว่า “ อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตควบรวมปราณแล้วข้าจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้นะ!”

“ เจ้าคือซุนผานซื่อสินะ” ดวงตาของฮุ่ยฉีหรี่ลงอีกครั้ง และในขณะเดียวกัน มือขวาของเขาก็เอื้อมลงไปกุมด้ามกระบี่ของเขาอีกครั้ง “ เจ้าคือคนที่กล้ามาขัดขวางการบริหารราชการแผ่นดินถูกไหม?”

“ ถูกต้องแล้ว ข้าเองนี่แหละ! ทำไม หรือว่าเจ้า…” ซุนผานซื่อชำเลืองมองมือของฮุ่ยฉีที่กำด้ามกระบี่เอาไว้อยู่และพูดพร้อมกับทำท่าทีเยาะเย้ยว่า “ หรือว่าเจ้าอยากจะฆ่าข้าด้วย?”

“ หุบปาก!” ฮุ่ยฉีชักกระบี่เหล็กเปื้อนเลือดออกมา “ ใครก็ตามที่กล้าหยุดข้าจะต้องถูกฆ่าให้หมด!”

“ เจ้ากล้าดียังไง!” ซุนผานซื่อจ้องเขม็งไปที่ฮุ่ยฉี

“ แล้วทำไมข้าจะไม่กล้า?” ฮุ่ยฉียิ้ม

เขารวบรวมพลังปราณทั้งหมดในร่างกายของเขา ณ จุดนี้ เปลวเพลิงสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นบนกระบี่เหล็กในทันที มันลุกโชนและแผดเผาโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง และในทันใดนั้นเอง เขาก็ฟันลงไปที่ศีรษะของซุนผานซื่อ

“ ข้าอยู่ภายใต้คำสั่งของท่านผู้ว่าการ และใครก็ตามที่กล้าขัดคำสั่งก็จะต้องถูกฆ่าตาย!”

“ เพราะฉะนั้นแล้วทำไมข้าจะไม่กล้า? จงตายเพื่อชดใช้ความผิดของเจ้าเดี๋ยวนี้!”