ตอนที่ 32 - บทที่ 32 เจ้าคนเดียวก็พอแล้วนิ!

บทที่ 32 เจ้าคนเดียวก็พอแล้วนิ!

ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินฟานก็กระโดดลงจากพุ่มหญ้า เหยียดคันธนูด้วยมือซ้าย วางลูกธนูไว้ที่มือขวาและดึงสายธนูออกมาจนเต็มทันที ดูเหมือนเขาจะฝึกฝนการเคลื่อนไหวเช่นนี้มาแล้วหลายพันครั้ง มันทั้งรวดเร็วและลื่นไหลราวกับสายน้ำ

ทุกคนแทบจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงดังในอากาศ และลูกธนูก็ยิงออกไปแล้ว!

ห่างออกไปแปดสิบเมตร หมาป่าคลั่งที่หันหลังให้กับทีมล่าก็กำลังกินเลี้ยงกันเมามันส์ แต่ในชั่วพริบตาต่อมานั้นลูกธนูก็มาถึงตัวพวกมันอย่างรวดเร็ว และลูกธนูก็พุ่มมาอย่างรุนแรงและเจาะทะลุจากปลายธนูจากนั้นหางธนูก็จมหายไป!

ลูกศรพุ่งออกมาจากท้องอันอ่อนนุ่มของหมาป่าคลั่ง กระแทกมันลงไปในพุ้มหญ้า และตอกหมาป่าทั้งตัวลงกับพื้นดินอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงโหยหวน

เสียงหอนโหยหวนทำให้หมาป่าที่เหลือเงยหน้าขึ้นทีละตัว และทำให้พวกมันสองสามตัวเห็นเฉินฟานทันทีที่เงยหน้าขึ้น

อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไป

"ปั้ก!"

"ปั้ก!"

"ปั้ก!"

จากนั้นเสียงเจาะทะลุสามครั้งตามมาทีหลัง!

“พัฟ!”

เสียงที่คมชัดดังขึ้น และหมาป่าคลั่งอีกสามตัวก็ตกลงไปในบ่อเลือดของวัวป่า

ด้วยระยะนี้แม้แต่ชุดเกราะธรรมดาก็เปราะบางเหมือนกระดาษ ไม่ต้องพูดถึงหมาป่าสองสามตัวนี้

"เชี่ย!"

ลูกตาของเกาหยางแทบหลุดออกมาจากเบ้า และปากของเขาก็พ่นคำหยาบคายออกมา

ตัวอื่นๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

และดูเหมือนว่าพวกมันจะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

เมื่อมองดูศพของสหายของมันที่นอนอยู่บนพื้น มันก็เห่าหอนออกมาเสียดัง

“บรู้ๆๆๆ!”

ส่วนเฉินฟานกำลังหอบอย่างรุนแรงในเวลานี้ เหงื่อไหลลงมาราวกับสายฝน และมือซ้ายที่ถือคันธนูยาวก็สั่นไม่หยุด ราวกับว่าแขนเหล่านี้ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว

คันธนูที่ต้องใช้แรงน้าวแปดสิบปอนด์ แถมต้องยิงออกไปสี่นัดติดต่อกัน มันช่างบ้ามากจริงๆ

แต่เขาไม่มีทางเลือก เพราะเนื่องจากเป็นแผนการต่อสู้ของเขา จึงต้องไม่มีข้อผิดพลาดในส่วนของเขา

แน่นอนว่าเขายังอยากยิงต่อ!

เมื่อพิจารณาจากแต้มค่าประสบการณ์ 40 แต้มที่เขาเพิ่งได้รับ เฉินฟานสั่งอยู่ในใจ

เพิ่มค่าความเชี่ยวชาญทักษะ[ท่าไท่จี้]!

ค่าประสบการณ์ 8 แต้มของเขาก็หายไปทันที

ในทางกลับกัน กระแสน้ำอุ่นก็ไหลผ่านทั่วร่างกายของเขาและขจัดความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่ง แขนของเขาได้รับความรู้สึกกลับคืนมา และการเต้นของหัวใจก็ช้าลงแล้ว

แถมความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้น

ต่ออีก!

แต้มค่าประสบการณ์อีก 16 แต้มก็หายไป บังเกิดกระแสน้ำอุ่นที่ทรงพลังมากขึ้นและความเหนื่อยล้าส่วนใหญ่หายไปทันที ไม่เพียงเท่านั้นกล้ามเนื้อทั่วร่างกายยังควบแน่นเป็นก้อนและเพิ่มความแข็งแรงขึ้น

ไม่เพียงแต่ทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความแข็งแกร่งด้วย!

เฉินฟานไม่มีเวลาตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของทักษะ [ท่าไท่จี้] หลังจากเพิ่มระดับสองครั้งติดต่อกัน เช่นเดียวกับที่เขาไม่มีเวลาเพื่อดูว่าทักษะ [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] ได้รับความเชี่ยวชาญเพียงใดหลังจากการยิงออกไปสี่ครั้งติดต่อกัน

จากนั้นลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งไปที่หมาป่าคลั่งอีกครั้ง

หมาป่าตัวนั้นดูเหมือนจะตระหนักถึงอันตราย ต้องการพุ่งถอยกลับไปโดยสัญชาตญาณ ใช่ มันไม่ได้พุ่งไปข้าง มันกำลังหวาดกลัว

อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปที่จะหลบได้แล้ว ชั่วครู่ต่อมาลูกธนูก็ทะลุผ่านกะโหลกศีรษะของมันและทะลวงผ่านร่างกายของมัน ทำให้ลูกธนูก็จมหายไปในร่างมันเกือบทั้งหมด

"บรู้ๆๆ!"

"แฮร่ๆ!"

ในที่สุดฝูงหมาป่าที่เหลือก็รู้สึกตัวได้แล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยแววดุร้ายของพวกมันก็จ้องมองมาที่เฉินฟาน มนุษย์ที่ยืนอยู่คนเดียวพร้อมด้วยธนูและลูกธนูในขณะนี้

“ระวัง! พวกมันกำลังมาแล้ว!”

เฉินกัวตงตะโกนอย่างกังวลและลุกขึ้นยืนเป็นคนที่สอง

ชั่วขณะต่อมา จู่ๆ ชายที่แข็งแกร่งเจ็ดหรือแปดคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้พร้อมกับหอกยาวสองเล่มอยู่ในมือสองข้าง และภายใต้แสงแดดนั้นมันส่องแสงเย็นยะเยือกออกมา

หมาป่าคลั่งที่เหลือเมื่อเห็นสถานการณ์นี้จึงถอยกลับออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน

หากพวกมันสามารถพูดได้ พวกมันต้องคร่ำครวญออกมาอย่างแน่นอน มนุษย์กลุ่มนี้มาอยู่ใต้จมูกพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่ฝันร้ายของพวกมันยังไม่จบ

"ฟิ้ว!"

เกือบจะในขณะที่เสียงเจาะผ่านอากาศดังขึ้น หมาป่าอีกตัวก็ตกลงไปในบ่อเลือดอีกครั้ง

ขณะนี้มีหมาป่าที่มีสิบเอ็ดตัวในตอนแรกก็เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว หลังจากมองหน้ากัน หมาป่าคลั่งที่เหลืออีกห้าตัวก็เลือกที่จะหุบหางของพวกมันโดยปริยาย หันหลังกลับพร้อมกับวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

"นี้…"

สีหน้าของผู้คนที่กำลังกระตุ้มความแข็งแกร่งขึ้นเต็มที่และรอคอยที่จะต่อสู้อย่างดุเดือดก็กลายเป็นว่างเปล่าไป

นี้มันเป็นสัตว์ดุร้ายและบ้าคลั่งประเภทไหนกัน? พวกเขาคิดว่าฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้ต้องพุ่งเข้ามาโจมตีแน่ๆ พวกเขาจึงจับหอกสั้นในมือไว้แน่น แต่สุดท้ายพวกกลับก็วิ่งหนีไปด้วยความสิ้นหวังเช่นนี้

"ฮู..."

เฉินฟานรู้สึกโล่งใจ แขนขวาห้อยอยู่ข้างๆอย่างไร้ความรู้สึก

ครั้งนี้เขาถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ แต่เขาก็ไม่กลัวว่าหมาป่าคลั่งเหล่านั้นจะกลับมาอีก

เมื่อนับหมาป่าอีกสองตัวที่เขายิงตายเมื่อกี้แต้มค่าประสบการณ์ของเขาก็มี 36 แต้ม และเขาก็สามารถเพิ่มทักษะ [ท่าไท่จี้] ได้อีกครั้ง และถ้าเขาฆ่าพวกมันได้เขาก็จะได้รับแต้มค่าประสบการณ์มากมายอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะไม่มีสติปัญญา แต่พวกมันก็ยังมีสัญชาตญาณในการแสวงหาความได้เปรียบและหลีกเลี่ยงการเสียเปรียบ

สรุปก็คือตอนนี้เขารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างมาก

"เฮือก"

ชายหัวโล้นอ้าปากค้าง เขาหันศีรษะของเขามาอย่างช้าๆเหมือนหุ่นเชิด มองที่เฉินฟานแล้วพูดว่า "เสี่ยวฟาน นี้คือสิ่งที่เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถยิงได้ถึงสี่ตัวงั้นเหรอ?"

“แม้ว่าลุงเกาของเจ้าจะเรียนหนังสือไม่จบ แต่สี่กับหกมันก็ไม่เหมือนกันนะ” เกาหยางพูดเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าตอนนี้เขากังวลเกินเหตุไป เสี่ยวฟานตัวน้อยไม่ปล่อยให้เขาลงมือเลยแม้แต่คนเดียว

“เสี่ยวฝาน นี่เจ้าจะดุร้ายเกินไปหรือเปล่า? เจ้าคนเดียวยิงหมาป่าคลั่งตายไปครึ่งหนึ่ง ด้วยความสามารถแบบนี้เมื่อกี้เราจำเป็นต้องทิ้งวัวป่าตัวนั้นแล้วต้องกลับไปกลับมาเช่นนี้เหรอ?”

“ใช่ นี่เขาไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยเหรอ?”

เฉินฟานยิ้มอย่างเบี้ยวเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้นและพูดว่า "มันไม่มากเกินไป ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ พวกท่านได้ต่อสู้กับพวกมันจริงๆแน่และอาจจะได้รับบาดเจ็บ  เพราะภายในระยะหนึ่งร้อยเมตร ข้าสามารถยิงได้มากที่สุดสองตัวเท่านั้น แม้มันจะไม่เลย แต่ต่อไปข้าก็ต้องสู้ระยะประชิดกับพวกมสัน เสี่ยงเกินไปๆ”

"นั่นเป็นเรื่องจริง"

ทุกคนรู้สึกตกใจอย่างมากกับการคิดวิเคราห์ของเฉินฟาน

“กัวตง ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับผู้สืบทอดแล้วนะ?” ชายหัวโล้นมองเฉินกัวตงด้วยท่าทางบูดบึ้ง

เฉินกัวตงก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างมาก

ทักษะการยิงที่ยอดเยี่ยม มันสมองในการคิดวิเคราหะ์ และความสามารถในการรักษาความสงบท่ามกลางวิกฤต ข้อเสียของเขามีอย่างเดียวคือประสบการณ์ยังน้อย ไม่เช่นนั้นเขาจะเหมาะสมกว่าที่จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าทีมล่า

นอกจากนี้เขายังพบว่าคนในทีมไว้วางใจเฉินฟานมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

“เอาละทุกคน อย่าเพิ่งมึนงงไป ถ้ามีอะไรจะพูดก็ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับไปพูดคุยในหมู่บ้าน รีบมัดหมาป่าพวกนี้และวัวตัวนั้นด้วย ไม่รู้ว่าเหลือเนื้ออีกเท่าไหร่แต่เอากลับไปก็ไม่เสียหายอะไร เอากลับไปทำสุกก็กินได้แล้ว”

ในโลกนี้มีเนื้อกินก็ดี ใครจะสนมันเคยถูกหมาป่าแทะมากันล่ะ?

และทุกคนช่วยกันมัดซากเหยื่ออย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่หมาป่าเหล่านั้นกลับไปแล้ว พวกมันจะเรียกฝูงใหญ่กว่านี้มาหรือป่าว แม้ว่าความเป็นไปได้จะต่ำมาก แต่กลิ่นเลือดรุนแรงเช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหามากมายในไม่ช้าอย่างแน่นอน

เฉินฟานยืนอยู่กับที่และสูดหายใจแรง

“เสี่ยวฟาน เจ้ายังเดินต่อได้ไหม ทำไมไม่ให้พ่อแบกเจ้าขึ้นหลังล่ะ?”

เฉินกัวตงแสดงความกังวลออกมา

"..."

เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ “ไม่เป็นไรพ่อ ข้าพักสักหน่อยก็ดีขึ้นเองแหล่ะ”

"อืม"

เฉินกัวตงแสดงความเขินอายบนใบหน้าของเขา เขาก้าวไปทางฝูงชนสองก้าว จากนั้นก็หยุดกะทันหันและหันกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก"

หลังจากพูดจบเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

"ฮิฮิ"

เฉินฟานยิ้มออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับคำชมเป็นการส่วนตัวจากพ่อชราที่เงียบขรึมอยู่เสมอของเขา

“ยังไงก็ตามคุณสมบัติของทักษะ [ท่าไท่จี้] เป็นยังไงบ้างนะ?”

เขารีบมองไปที่แถวทักษะของแผงคุณสมบัติทันที