ตอนที่ 123 : ดูดซับสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำ! รางวัลที่ได้รับ

โจวโจวมองไปยังสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำในมือของเขา

เดิมทีเขาแค่อยากจะเห็นว่าสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลจะปรับปรุงสายเลือดอื่นๆ อย่างไร

เขาไม่คิดเลยว่าการปรับปรุงของมันจะเรียบง่ายและโหดร้ายขนาดนี้

มันถูกเขียนไว้โดยตรงที่ด้านล่างของข้อมูลสายเลือดเลย!

“ฉันชอบการแจ้งเตือนเรื่องการปรับปรุงแบบนี้จริงๆ”

โจวโจวยิ้มออกมา

การแจ้งเตือนเรื่องการปรับปรุงนี้เข้าใจได้ง่ายมาก

เขาคิดว่าเขาจะเข้าใจว่ามันถูกปรับปรุงไปยังไงบ้างหลังจากที่เขาดูดซับมันไปแล้วซะอีก

ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นต้องประสบปัญหามากมายแบบนั้นแล้ว

“ดูดซับสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำ!”

โจวโจวพูดด้วยโทนเสียงต่ำ

ย้อนกลับไปในอดีต เหตุผลที่เขาไม่ดูดซับสายเลือดนี้ก็เป็นเพราะข้อบกพร่องในการสะกดข่มทางสายเลือด

ส่วนตอนนี้เขาย่อมไม่ลังเลในเมื่อข้อบกพร่องเหล่านี้ได้รับการแก้ไขโดยสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลแล้ว

อึดใจต่อมา สายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำก็ได้กลายเป็นละอองแสงสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนและผสานเข้าไปในหัวใจของเขา

โจวโจวรู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นราวกับว่าบางสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของร่างเขาได้พัฒนาขึ้น

ความรู้สึกอบอุ่นและสบายปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกายของเขา

ในเวลานั้นเองก็มีข้อความแจ้งเตือนเป็นจำนวนมากปรากฏขึ้นมา

[ท่านดูดซับสายเลือดเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำ (ระดับทองคำเหลืองขั้นต้น)!]

[สายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลของท่านได้ค้นพบศักยภาพที่มากขึ้นและก้าวไปสู่ระดับเหล็กดำขั้นกลาง!]

[ประสาทสัมผัสทั้งหกของท่านถูกเสริมประสิทธิภาพ!]

[ทักษะประจำเผ่าพันธุ์ของท่าน—ร่างค้างคาวโลหิตถูกเสริมประสิทธิภาพ!]

[เมื่อท่านใช้ทักษะร่างค้างคาวโลหิต ท่านจะกลายร่างเป็นค้างคาวโลหิตจำนวนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พลังชีวิตและพลังป้องกันของค้างคาวโลหิตแต่ละตัวก็จะเพิ่มขึ้นด้วย!]

[พรสวรรค์แห่งเผ่าพันธุ์ของท่าน—บ่อโลหิตถูกเสริมประสิทธิภาพ!]

[ท่านสามารถเก็บเลือดไว้ในร่างกายได้มากขึ้นและได้รับเอฟเฟกต์มากขึ้นเมื่อใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องกันธาตุโลหิต!]

“นี่คือพลังทั่วๆ ไปของเผ่าพันธุ์โลหิตระดับต่ำงั้นเหรอ? ในอดีต ฉันได้ใช้หนังสือทักษะเผ่าพันธุ์และลูกแก้วพรสวรรค์เผ่าพันธุ์เพื่อฝืนใช้ทักษะพวกนี้เท่านั้น”

โจวโจวเองก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา

เขาอดคิดไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คาดคิดว่าสายเลือดระดับทองคำเหลืองแค่ส่วนหนึ่งจะทำให้สายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นระดับเหล็กดำขั้นกลางได้

จากที่ดู มันคงอีกยาวไกลกว่าจะยกระดับมันขึ้นเป็นระดับเทวะขั้นสูงได้

จากนั้นโจวโจวก็เดินออกไปจากลานของลอร์ดและมองไปที่ซากศพ

ในท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาอาจจะต้องรอจนถึงเที่ยงวันของวันถัดไปหากเขาต้องการเก็บไอเท็มดรอปทั้งหมดจากศพปีศาจเพลิง 50,000-60,000 ร่างด้วยเตาหลอมผู้พิชิตระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้นแค่ 3 อัน

โจวโจวส่ายหัว

ดูเหมือนว่าเขาต้องไปซื้อเตาหลอมผู้พิชิตที่ดียิ่งกว่านี้แล้ว

เห็นได้ชัดว่าเตาหลอมผู้พิชิตระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้นนี่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาแล้ว

จากนั้นเขาก็ใช้แกนหมอกระดับทองคำเหลืองสามชิ้นเป็นพลังงานให้กับเตาหลอมผู้พิชิตทั้งสามอัน ด้วยวิธีนี้ พวกมันก็จะสามารถทำงานได้มากกว่า 100 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีความช่วยเหลือของโจวโจว

แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของมันลดลงก็ตาม แต่โจวโจวก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ เขาไม่อยากที่จะเสียเวลาทั้งวันมาคอยเติมพลังงานให้กับมัน อีกทั้งเขายังสามารถขายมันออกไปได้ถ้ามันพัง

สำหรับคนรวยๆ อย่างโจวโจวนั้น การใช้แกนหมอกระดับบรอนซ์เขียวไม่กี่สิบชิ้นเพื่อซื้อเตาหลอมผู้พิชิตก็คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงได้หรอก

หลังจากนั้นโจวโจวก็เดินทางไปหาอู๋ซิน

สุดท้ายเขาก็พบว่าอู๋ซินและจ้าวฉางโจวกำลังคุยกันอยู่ในห้อง

“คาราวะท่านลอร์ด!”

หลังจากเห็นโจวโจว พวกเขาทั้งคู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อยและแสดงความเคารพออกมาทันที

“พวกท่านทั้งคู่ทำได้ดีมากในศึกวันนี้ พวกท่านไม่ต้องสุภาพมากขนาดนั้นก็ได้ กำลังคุยอะไรอยู่เหรอ?”

โจวโจวยิ้ม

“ข้ากำลังคุยกับท่านแม่ทัพอู๋ซินเกี่ยวกับเรื่องของป้อมปราการบนกำแพงเมือง”

จ้าวฉางโจวยิ้ม

“ขอรับท่านลอร์ด ในตอนนี้กำแพงเมืองตะวันสาดแสงของพวกเราไม่ได้แย่ในแง่ของการป้องกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหอคอยออโรร่าอยู่ มันสามารถเผชิญหน้ากับศัตรูส่วนใหญ่ที่เข้ามาโจมตีเมืองได้แล้ว อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังห่างไกลจากการเป็นป้อมปราการที่สมบูรณ์แบบบนกำแพงเมือง ดังนั้นข้าจึงมาหารือเรื่องนี้กับจ้าวฉางโจว”

อู๋ซินกล่าวด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายความคิดของเขา

การมีแค่หอคอยออโรร่าและหอสังเกตการณ์แค่ไม่กี่อันนั้นไม่เพียงพอต่อการเป็นป้อมปราการบนกำแพงเมืองที่สมบูรณ์แบบได้เลย เพราะมันยังขาดปัจจัยอื่นๆ ที่จำเป็นอีกมาก

นี่คือครั้งแรกที่โจวโจวได้ยินเรื่องพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงนั่งฟังอย่างเงียบๆ

พวกเขาคุยกันอยู่นาน

หลังจากอู๋ซินพูดจบ โจวโจวก็รู้สึกว่าเขาได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย

สำหรับการสร้างกำแพงเมือง เขาย่อมไม่ให้คำแนะนำที่ไร้เหตุผล

เขาจะฝากทุกอย่างให้กับมืออาชีพทั้งสองคนนี้จัดการ

ในที่สุดโจวโจวก็นึกถึงจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ได้หลังจากทั้งสามคนคุยกันต่ออีกสักพัก

“ผู้อาวุโสจ้าว การพักเป็นยังไงบ้าง?”

โจวโจวถาม

“ขอบคุณท่านลอร์ดมาก ข้าหลับไปนานเลยหลังจากข้ากลับไป เมื่อข้าตื่นขึ้นมา สภาพจิตใจของข้าก็ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินว่ากองทัพของพวกเราจัดการศัตรูทั้งหมดได้แล้ว ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าเด็กลงไป 10 ปีได้เลย ท่านลอร์ดไม่ต้องเป็นห่วง”

จ้าวฉางโจวหัวเราะ

โจวโจวพยักหน้าและหยิบเอายายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญออกมาให้กับจ้าวฉางโจว

จ้าวฉางโจวผู้ซึ่งเคยสงบนิ่งเมื่อเผชิญกับความโปรดปรานและความอัปยศอดสูมาตลอดอึ้งไปเมื่อเขาเห็นขวดยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญขวดนี้

“ท่านลอร์ด นี่มัน…”

จ้าวฉางโจวจ้องมองไปที่โจวโจวอย่างว่างเปล่า

“ท่านผู้อาวุโสจ้าว โปรดรับมันไปเถอะ การทดสอบของดินแดนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ผู้อาวุโสจ้าวถือว่าได้ทำความดีความชอบครั้งใหญ่ให้กับเมืองตะวันสาดแสงเลย ยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญอันนี้ย่อมเป็นรางวัลที่คู่ควรกับท่าน ลอร์ดผู้นี้จะไม่ละเลยใครที่สร้างผลงานให้กับเมืองตะวันสาดแสง”

โจวโจวพูดอย่างจริงจัง

อันที่จริง เขายังมียายกระดับศักยภาพระดับมหากาพย์อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม เขาก็กลัวว่าเขาจะไม่รู้ว่ารางวัลครั้งต่อจะเป็นอะไร ดังนั้นเขาจึงเอายายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญออกมาก่อน

ถ้ามีโอกาสในอนาคตอีก เขาก็คงจะมอบรางวัลให้กับอีกฝ่ายเป็นยายกระดับศักยภาพระดับมหากาพย์อีก

“แต่นี่มันมากเกินไป…”

จ้าวฉางโจวยังคงลังเล

เขาย่อมมีประสบการณ์และความรู้ เขาย่อมรู้ว่ายายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญนั้นหมายถึงอะไร

ศักยภาพของมนุษย์นั้นโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่างระดับบรอนซ์เขียว เงินขาว และทองคำเหลือง

สำหรับมนุษย์ระดับแพลตตินั่มขาวนั้นก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดผู้มีพรสวรรค์แล้ว

ส่วนมนุษย์ระดับเหนือสามัญขั้นสูงอย่างเจิ้งหยวนฉีและอู๋ซิน พวกเขาอาจจะเรียกได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากของเผ่าพันธุ์มนุษย์

ไม่ต้องพูดถึงในโลกภายนอก

ศักยภาพระดับเหนือสามัญมักจะเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ระดับสูง!

มันอาจกล่าวได้ว่าถ้าเขาใช้ยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญนี้ เขาก็จะได้เกิดใหม่และกลายเป็นยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งเหมือนกับเจิ้งหยวนฉีและอู๋ซิน!

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันล้ำค้ามาก

“ผู้อาวุโสจ้าว อย่าปฏิเสธไปเลย นอกจากนี้ข้ายังมีภารกิจสำคัญให้ผู้อาวุโสจ้าวทำได้หลังจากที่ศักยภาพของท่านเลื่อนระดับขึ้น ภารกิจนี้สามารถทำได้เมื่อผู้อาวุโสจ้าวได้เลื่อนระดับศักยภาพแล้วเท่านั้น”

โจวโจวกล่าว

จ้าวฉางโจวหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็รับขวดยายกระดับศักยภาพไปโดยไม่พูดอะไร เขาเปิดจุกและดื่มมันไปจนหมดในคำเดียว

ทั้งสองคนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาและตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าผมสีขาวของจ้าวฉางโจวกลายเป็นสีดำด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และรอยย่นบนใบหน้าของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเขาลืมตาขึ้น จ้าวฉางโจวก็เปลี่ยนจากชายชราผมขาวเป็นชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบ

“ขอแสดงความยินดีด้วยผู้อาวุโสจ้าวที่ได้กลายเป็นผู้มีศักยภาพในระดับเหนือสามัญ!”

โจวโจวอดแสดงความยินดีออกมาไม่ได้หลังจากเขาได้มองดูหน้าต่างค่าสถานะของอีกฝ่ายและยืนยันได้แล้วว่าศักยภาพของอีกฝ่ายกลายเป็นระดับเหนือสามัญแล้ว

“ขอบคุณมากขอรับท่านลอร์ด!”

จ้าวฉางโจวคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับน้ำตาบนใบหน้า

ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาสามารถพัฒนาระดับต่อไปได้

นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นสถาปนิกระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง เขาก็คิดว่านี่จะเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขาแล้ว

เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีวันที่เขาสามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีก!

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านลอร์ดของเขา!

โจวโจวประคองจ้าวฉางโฉวให้ลุกขึ้นและยื่นพิมพ์เขียววัดบรรพบุรุษจักรพรรดิให้กับเขา

“ข้าขอฝากพิมพ์เขียวสิ่งปลูกสร้างนี้ไว้กับท่านผู้อาวุโสจ้าวด้วย ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจ้าวจะสามารถสร้างมันได้โดยเร็วที่สุด”

โจวโจวกล่าว

จ้าวฉางโจวรับมันมาและดูอยู่สักพัก ทันใดนั้นเองเขาก็พบว่านี่คือพิมพ์เขียวที่ไม่ธรรมดาเอาซะเลย

“สิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ?”

จ้าวฉางโจวตกใจ

สิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์!

โดยปกติแล้วมันจะมีสิ่งปลูกสร้างเช่นนี้ไม่ถึง 5 อันในเผ่าพันธุ์ทั่วไป

เขาคือประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมสถาปัตยกรรมแห่งอาณาจักรออโรร่า

เขาเคยสัมผัสกับหอคอยออโรร่าแห่งเผ่าพันธุ์ออโรร่าแค่เท่านั้นตลอดทั้งชีวิต

จากสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้เลยว่าพิมพ์เขียวนี้ล้ำค่าแค่ไหน

จ้าวฉางโจวไม่คาดคิดเลยว่าท่านลอร์ดจะมอบหมายภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเขา

“ไว้ใจข้าได้เลยท่านลอร์ด ถ้าข้ามีคนมากพอ แค่สองวันข้าก็น่าจะสร้างมันได้เสร็จแล้ว”

จ้าวฉางโจวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและพูดออกมา

โจวโจวพยักหน้ารับ

“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านพี่ ท่านดูเด็กลงกว่า 10 ปีแล้วตอนนี้”

อู๋ซินเองก็แสดงความยินดีกับเขาด้วย

เขารู้สึกเต็มไปด้วยอารมณ์เล็กน้อย

ยายกระดับศักยภาพระดับเหนือสามัญล้ำค่าขนาดนั้นเชียว!

ท่านลอร์ดของเขาช่างใจกว้างกับคนของตัวเองจริงๆ

เขารู้สึกว่าเขาได้ติดตามคนถูกคนแล้ว

ในเวลานั้นเอง เขาก็เห็นสายตาของลอร์ดจดจ้องมาที่เขาและมีรอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

อู๋ซินอึ้ง

“ผู้อาวุโสจ้าวได้สร้างผลงานใหญ่ ส่วนผู้อาวุโสอู๋ก็ได้สร้างผลงานเป็นจำนวนมาก นี่สำหรับผู้อาวุโสอู๋ ข้าหวังว่าท่านจะได้ในสิ่งที่ปรารถนา”

โจวโจวหยิบเอาคู่มือลับมรดกผู้กล้าของแม่ทัพหอกอาชามังกรออกมาและยื่นมันให้กับอู๋ซิน

เมื่ออู๋ซินเห็นคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าอันนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นในทันที

ดวงตาของจ้าวฉางโจวเบิกกว้างขึ้น

“นี่…”

“นี่…”

อู๋ซินตะกุกตะกัก

“ผู้อาวุโสอู๋ ดินแดนของข้าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังมากมายในอนาคตแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าคงต้องพึ่งพากันและทหารในกองทัพตะวันสาดแสงแล้ว คัมภีร์ลับมรดกผู้กล้านี้เป็นทั้งมรดกและความรับผิดชอบ ผู้อาวุโสอู๋ ท่านกล้าพอที่จะยอมรับมันไหม?”

โจวโจวพูดอย่างเคร่งขรึม

“อู๋ซินอาจจะแก่ แต่ข้าก็ยังมีความกล้าของชายหนุ่ม! ข้าสาบานว่าจะรับใช้ท่านลอร์ดไปจนวันตาย!!!” อู๋ซินคุกเข่าลงกับพื้นในทันทีและมีน้ำตาอุ่นๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาดุจพยัคฆ์ของเขา

[ความภักดีของลูกน้องของท่าน อู๋ซิน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 100 เขาได้กลายเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อท่านจนวันตาย!]

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้มอบคัมภีร์ลับมรดกผู้กล้าให้กับอู๋ซินและจากไป

พรุ่งนี้ดินแดนของเขาจะมีผู้กล้าคนที่สองแล้ว!