ตอนที่ 230 - บทที่ 230 เขาเรียกว่าเล็กน้อยแต่มั่นคง

บทที่ 230 เขาเรียกว่าเล็กน้อยแต่มั่นคง

“หลี่ปิง เข้าร่วมสมาคมวันนี้ ผู้อเวคระดับ E ความสามารถคือการเพิ่มความเร็ว ขึ้นสังเวียนด้วยการวางเดิมพัน 50 คะแนน และเดิมพันข้างตัวเองอีก 50 คะแนน ถูกต้องใช่ไหม?” ชายในแว่นกันแดดมองดูคอมพิวเตอร์ตรงหน้า และหันหน้ามาถามเขาทันที

"ถูกต้อง"

เฉินฟานพยักหน้า

หนึ่งร้อยแต้มแม้ว่าจะมีมูลค่าหนึ่งล้านหยวน แม้ว่าเขาจะสูญเสียไปทั้งหมดก็ไม่สำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นไปได้ที่เขาจะพ่ายแพ้ก็เป็นศูนย์

ชายสวมแว่นกันแดดหันหลังกลับ ยื่นบัตรลงทะเบียนแล้วพูดว่า “เมื่อถึงเวลาที่มีการเรียกหมายเลขของเจ้า เจ้าก็ไปจะปรากฏตัวบนเวที และหากเจ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามในตอนนั้น เจ้าก็สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วง ทุกคนมาจากสมาคมเดียวกัน ดังนั้นจะไม่มีการเข่นฆ่ากันเกิดขึ้น..

แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึงและโชคร้าย หากเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสก็อย่าบ่น เพราะมันเป็นเรื่องปกติ และคะแนนเดิมพันจะถูกโอนเข้าบัญชีของเจ้าโดยอัตโนมัติทันทีที่ผลการแข่งขันออกมา แต่เจ้าก็ต้องชนะการแข่งขันก่อนนะ"

เขามองไปที่เฉินฟาน ดวงตาที่อยู่ใต้แว่นกันแดดนั้นมีแววสนุกสนาน

"อืม"

เฉินฟานหยิบบัตรลงทะเบียนหมายเลข 16

เขามองไปที่สังเวียนด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยมในดวงตาของเขา

ถ้าไม่นับเรื่องคะแนนและเขาก็ต้องการแข่งขันกับผู้อเวคเหล่านี้จริงๆ

ชายในแว่นกันแดดมาที่ประตูซึ่งด้านบนเขียนไว้ว่าเป็นห้องวีไอพี และไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าด้วยเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่แปดตัว

เขาหยิบการ์ดออกมา ปัดมันบนเครื่องข้างๆ จากนั้นดึงลูกบิดประตูแล้วเดินเข้าไป

ข้างในมีห้องขนาด 40 ถึง 50 ตารางเมตร โดยมีมอนิเตอร์จำนวนมากแขวนอยู่บนผนังเพื่อคอยตรวจสอบทุกสิ่งภายนอก

ผู้คนกว่าสิบกว่าคนไม่ว่าจะยืนหรือนั่งต่างก็กำลังชมการแข่งขันบนสังเวียนผ่านหน้าจอ

“พี่หู่ มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น” ชายสวมแว่นกันแดดเดินเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

"ว่าไง?"

ชายร่างใหญ่กำลังดื่มโค้กมองดู

“วันนี้ มีผู้มาใหม่มาที่สมาคม เขาถูกจางจุนและสองคนนั้นดึงตัวมา และเขาก็กำลังจะขึ้นไปต่อสู้สังเวียน” ชายสวมแว่นกันแดดพูดพร้อมยิ้มออกมา

“อะไรนะ มีคนมาใหม่เหรอ?”

“แถมยังมาที่นี่เพื่อขึ้นสังเวียนอีกด้วย? เขาไปเอาความกล้ามาจากไหน?”

“เฮ้ ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ และพวกเขาจะรู้ว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหนและพื้นดินจะหนาแค่ไหนเมื่อถูกตบสั่งสอน” หนึ่งในนั้นพูดเยาะเย้ยออกมา

"น่าสนใจ"

หยางหู่ยิ้มและพูดว่า "เดิมพันเท่าไหร่? 100?"

"เขาวางเดิมพัน 50 คะแนน"

เมื่อทุกคนกำลังจะพูดว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างจะรู้ตัว ชายในแว่นกันแดดก็พูดต่อว่า "และอีก 50 แต้มที่เหลือ เขาก็เดิมพันว่าตัวเองจะชนะ"

ทันใดนั้นบ้านก็เงียบสนิท

สักพักก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น

“ฮ่าฮ่า ตาเฒ่าหยู เจ้าพยายามจะทำให้หัวเราะจนตายงั้นเหรอ? ผู้มาใหม่นั่น เดิมพัน 50 แต้มว่าตัวเองจะชนะงั้นเหรอ? จริงหรือป่าวเนี่ย?”

“ทำไมข้าจะต้องโกหกเจ้าด้วย” ชายในแว่นกันแดดก็มีรอยยิ้มที่ไม่สามารถปกปิดได้บนใบหน้าของเขา “ครั้งสุดท้ายที่มีคนมั่นใจขนาดนั้นปรากฏตัวเมื่อสองปีที่แล้ว”

“ถูกต้อง ข้าจำผู้ชายคนนั้นได้ แซ่ของเขาเรียกว่าจ้าวและเขาชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเขาก็ลงเล่นแบบนี้ และสุดท้ายแล้วเขาก็สูญเสียทุกอย่างไปในที่สุด”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเสียชีวิตในถิ่นทุรกันดารในเวลาต่อมาใช่ไหม?”

“ดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายอีกคนที่มั่นใจพอๆ กับเขา แต่ก็ไม่เลวเพราะข้าจะมีอะไรสนุกๆให้ดูแล้ว”

"ใช่แล้ว"

ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า

การแข่งขันในสนามประลองกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ชายผู้ปลุกความสามารถธาตุดิน โดยใช้ประโยชน์จากความไม่ระวังของคู่ต่อสู้ เขาสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้สำเร็จด้วยหินที่ยื่นออกมา แต่เขาเหนื่อยเกินกว่ายืนต่อไปได้เช่นกัน

ผู้แพ้ก็ย่อมสบถออกมา และผู้ชนะย่อมยิ้มแย้มแจ่มใสโดยธรรมชาติ

"หมายเลขที่ 15"

มีเสียงตะโกนดังขึ้น และชายร่างกำยำก็ก้าวเข้าไปในสังเวียนและตะโกนใส่ผู้คนรอบตัวเขาว่า "200 คะแนน ใครจะขึ้นมาต่อสู้กับข้า"

“กลับเป็นเขาคนนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าวางเดิมพัน 200 คะแนน”

“ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ยังคงเป็นนักรบด้วย ข้าได้ยินมาว่าเขามาถึงขอบเขตจินแล้ว และด้วยความสามารถพิเศษของเขา ร่างกายของเขาสามารถพองตัวได้สูงกว่าสามเมตร ถ้าผู้ชายที่ใช้ธาตุดินเมื่อกี้มาเจอกับผู้ชายคนนี้เขาจะถูกฆ่าด้วยหมัดเดียวอย่างแน่นอน"

“ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเหรอ?”

ชายผู้มีกล้ามเนื้อปูดโปนมองดูผู้ชมกว่าสามสิบคน

“ผู้แซ่ซุยพล่ามไร้สาระอะไร ข้าจะเป็นผู้รับคะแนน 200 คะแนนของเจ้าเอง!”

มีเสียงหยาบกระด้างดังขึ้น และชายร่างใหญ่ก็แยกฝูงชนออกจากกันและเดินขึ้นไปบนสังเวียน

“จูเฉา เจ้าอีกแล้วงั้นเหรอ”

ซุยหยานยิ้มเยาะเขาและพูดว่า "ข้ายังไม่มีเวลาขอบคุณสำหรับ 200 คะแนนที่เจ้าให้ข้าเมื่อครั้งที่แล้ว"

“ให้ตายเถอะ ซุยหยาน เจ้าไม่ละอายใจบางหรือที่พูดออกมาแบบนั้น ในครั้งที่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะข้าต้องต่อสู้สองครั้งติดต่อกัน เจ้าจะชนะข้าไหม ดูสิ..คราวนี้ข้าจะเอาเงินของข้าคืนพร้อมดอกเบี้ย!”

ในขณะนั่นเองเสียงนับถอยหลังดังขึ้น หากไม่มีใครเดินออกจากสังเวียนภายในสิบวินาที ผู้สมัครสำหรับการต่อสู้ในสังเวียนรอบนี้จะถูกยืนยัน

ไม่นานการนับถอยหลังก็สิ้นสุดลง และสามนาทีต่อมา การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ในขณะนี้ ภาพของคนสองคนปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ โดยมีตัวอักษร pk อยู่ตรงกลาง และตัวเลขสองแถวใต้ภาพของแต่ละคนกำลังเลื่อนขึ้นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าคนรอบข้างกำลังเดิมพัน

เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มดังกล่าว มีคนจำนวนมากที่คิดว่าจูเฉาจะชนะในรอบนี้ และในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีคะแนนเดิมพันก็เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 คะแนน

และคะแนนเดิมพันของซุยหยานมีมากกว่า 3,000

แน่นอนว่าจำนวนทั้งสองฝ่ายยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เฉินฟานเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยสองเสียง

“เดิมพันเร็ว วางเดิมทั้งหมดพันข้างซุยหยานเร็ว  อัตราต่อรองใกล้ถึงสองเท่า ถ้าซุยหยานชนะ ด้วย 50 คะแนนของเรามันจะกลายเป็น 100 โดยตรง!” จางจุนพูดอย่างตื่นเต้น

“เจ้าคิดว่าคนอื่นโง่หรือเปล่า? เจ้าเป็นคนเดียวที่ฉลาดงั้นเหรอ? ครั้งสุดท้ายที่จูเฉาแพ้นั้นเป็นเพราะเขาต่อสู้มารอบติดๆกันและแพ้ให้กับซุยหยานในรอบที่สามเท่านั้น แต่คราวนี้ทั้งคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเต็มที่เท่ากัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจูเฉาจะชนะมิใช่หรือ?”

“เจ้านั่นแหล่ะโง่ ข้ามีข้อมูลภายใน เมื่อไม่นานมานี้ซุยหนานมีความก้าวหน้าอย่างมาก จูเฉาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจา”

"จริงหรือป่าว?"

"ข้าจะหลอกเจ้าทำไม ก็แค่รอดูมัน"

สามนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และการเดิมพันแต้มของจูเฉาก็มาถึง 9,000 คะแนน ด้วยอัตราต่อรองเป็น 1.33 และคะแนนการเดิมพันของฉุยหยานอยู่ที่ 6,000 คะแนนทำให้มีอัตราต่อรอง 2.0

เฉินฟานหรี่ตาลง สมาคมรับค่าคอมมิชชั่น 20%

ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ก็จะมี 2,000 แต้ม ที่จะตกไปอยู่ในกระเป๋าของสมาคมเมืองซื่อเฉิง ดังนั้นยิ่งมีคนเข้าร่วมเดิมพันมากเท่าไร คะแนนที่สมาคมก็จะได้รับก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาตกเป็นเป้าหมายทันทีที่เข้าร่วม

ครั้งนี้การต่อสู้ในสนามประลองมีความเร่าร้อนมากกว่าครั้งที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นหมัดต่อหมัดเลยก็ว่าได้ ผู้อเวคหญิงบางคนที่อยู่ที่นี่ก็พากันกรีดร้องอย่างตื่นเต้น

สองนาทีต่อมา การต่อสู้ก็จบลง

ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของคนส่วนใหญ่ จูเฉาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

“ดูสิ ข้าพูดถูกใช่ไหม”

เสียงของจางจุนดังอยู่ข้างๆ เขา “โชคดีที่เจ้ารับฟังข้า เช่นนั้น 50 คะแนนจึงเพิ่มเป็นสองเท่า 100 คะแนนใช่ไหม? เจ้ามั่นใจในตัวข้ามากขึ้นแล้วหรือยัง?”

“พี่จาง เจ้าเก่งมาก โชคดีที่ข้าเชื่อฟังเจ้า”

“ฮึ่ม นั่นจำเป็นต้องพูดหรือ?” จางจุนพูดอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเป็นคนมีข้อมูลวงในอยู่แล้ว เจ้าแค่รอดู ในเวลาไม่ถึงบ่ายข้าจะสามารถเพิ่ม 100 คะแนนนี้เป็นสองเท่าหรือสามเท่าได้อย่างแน่นอน”

ในเวลาเดียวกันกับที่จูเฉาก้าวลงมา ซุยหยานก็ก้าวออกจากสังเวียนด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากสู้ต่อ

แต่เป็นเพราะการต่อสู้เมื่อกี้แม้ว่าจะกินเวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาที แต่มันก็ทำให้ความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจของพวกเขานั้นสูญเสียไปอย่างมหาศาลมาก

แม้ว่าเขายังต้องการได้รับชัยชนะสามครั้งติดต่อกัน เพื่อจะได้รับรางวัลพิเศษ 1,000 คะแนน แต่เขาก็ต้องออกมาพักผ่อนเพื่อฟื้นคืนพลังก่อน

“หมายเลข 16 ลงสนาม”

เสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง

ภายใต้ความสนใจของผู้คนมากกว่าร้อยคน เฉินฟานก็เดินขึ้นไป และในไม่ช้า ก็มีการพูดคุยกันรอบๆสังเวียน

“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาไม่เห็นมาก่อนเลย”

“ใช่ เขาเป็นคนจากสมาคมของเราหรือเปล่า ทำไมข้าถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขามาก่อนเลย”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้มาใหม่ ข้าเพิ่งเห็นว่าเขาลงมาพร้อมกับจางจุนและเหลียวเยว่”

ด้วยการ "ชี้เป้านี้" ทุกคนก็มองไปที่พวกจางจุน

ทั้งสองตกใจและกำลังจะอธิบาย เสียงของชายสวมแว่นกันแดดก็ดังมาจากลำโพง

“ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก หลี่ปิง น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมสมาคมในวันนี้ เขาเป็นผู้อเวคระดับ E ความสามารถของเขาคือการเพิ่มความเร็ว เขาอยากแข่งขันกับเจ้าด้วยคะแนนเดิมพันคือ 50 คะแนน มีใครยินดีที่จะขึ้นไปแข่งขันกับเขาไหม ?”

เสียงนี้ดังขึ้น และบริเวณโดยรอบของสังเวียนก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที แต่ในไม่ช้าก็ราวกับพุ่งระเบิดกระจายออก

"ไอ้เหี้ย! ผู้มาใหม่! ผู้มาใหม่!"

“ปัจจุบันนี้ผู้มาใหม่ทุกคนมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“การเพิ่มความเร็ว ความสามารถในการเสริมร่างกายงั้นเหรอ? ฟังดูโอเคนะ”

“แล้วไงล่ะ? เขาก็เป็นแค่ผู้อเวคระดับ E ตอนที่ข้าเข้าร่วมสมาคมครั้งแรก ข้าก็อยู่ในระดับ E เหมือนกัน แต่ข้าไม่กล้าพูดเสียงดังด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้บ้ามาก ใครให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับเขากัน?”

“นี่เขามาให้คะแนน 50 คะแนนฟรีงั้นเหรอ? ให้ตายเถอะ ข้าควรจะทำอย่างไรดีใจของข้าสั่นไหวแล้ว”

“เจ้าช่างไร้ยางอายขนาดไหนที่เป็นถึงผู้อเวคระดับ D กลับต้องการที่จะรังแกผู้มาใหม่หรือ?”

เมื่อหลายๆ คนอยากจะขึ้นไปและกลัวว่าไปรังแกเด็กใหม่ ชายคนหนึ่งที่สูงประมาณ 1.6 เมตรและมีรอยย่นบนใบหน้าก็เข้าไปบนสังเวียนและพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

“ในเมื่อใครๆ ก็หน้าบางเกินกว่าจะรังแกเด็กใหม่ได้ งั้นข้าจะทำให้ก็แล้วกัน”

จากนั้นมีคำสาปแช่งจากผู้ชมเกือบทังหมด

หวังหม่าซื่อ ผู้อเวคระดับ E เขาเข้าร่วมสมาคมเมื่อสามปีที่แล้ว ความสามารถของเขาคือการควบคุมคลื่นเสียง

หลังจากนั่นไม่นาน การนับถอยหลังก็จะผ่านไป

ภาพของเฉินฟานและหวังหม่าซื่อก็ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่พร้อมกัน

เป็นเรื่องน่าอายที่การเดิมพันแต้มข้างเฉินฟานนั้นน้อยอย่างน่าสมเพช แม้ว่าจะไหลขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ก็เพิ่มขึ้นเพียง 10 หรือ 20 คะแนนเท่านั้น

ในทางตรงกันข้าม มันเป็นคะแนนที่ต่ำอย่างมากเมื่อเทียบกับหวังหม่าซื่อ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 500 คะแนน และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ถึง 1,000 คะแนน

ที่การเพิ่มขึ้นของหวังหม่าซื่อช้าลง เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วทุกคนไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเฉินฟาน แต่ถ้าพวกเขาลงเดิมพันข้างหวังหม่าซื่อหมด อัตราต่อรองก็ต่ำเกินไป หากไม่รวมค่าธรรมเนียมการจัดการ พวกเขาก็จะแทบไม่ได้กำไรอะไรเลย ดังนั้นพวกเขาจึงรอดูความสนุกมากกว่าที่จะวางเดิมพัน

บนสังเวียนนั้นหวังหม่าซื่อก็หัวเราะออกมา

“น้องชายเจ้าอย่าว่าข้าที่มารับเอา 50 คะแนนของเจ้านะ เพราะถ้าข้าไม่ขึ้นมาคนอื่นก็จะขึ้นมาเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่โจมตีแรงเกินไป แค่อดทนไว้สักนิด เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

เฉินฟานยิ้ม เขายังได้เรียนรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ ผ่านทางข้อความของสมาคม แน่นอนว่ามันไม่ได้เฉพาะเจาะจงอะไรหรือมีประโยชน์อะไรกับเขามากมาย

สองนาทีต่อมา คะแนนเดิมพันทั้งสองฝ่ายมาถึงประมาณ 200:2000 แล้ว

“จางจุน เจ้า ทำไมเจ้าเดิมพันคะแนนทั้งหมดของเจ้ากับหวังหม่าซื่อล่ะ? อัตราต่อรองต่ำมาก แม้ว่าเจ้าจะเดิมพันถูก เจ้าก็จะไม่ได้รับกำไรมากนักหรอก”

“เขาเรียกว่าเล็กน้อยแต่มั่นคง”...

……………