ตอนที่ 230 : ความเชื่อมโยงของพรสวรรค์แห่งลอร์ด!

หัวใจของโจวโจวเต้นผิดจังหวะเมื่อเขาเห็นวิญญาณผู้กล้าจำนวนมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองมาที่เขา

เชี่ย

เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาค้นพบว่าเจตจำนงของผู้พิฆาตมังกรกำลังต่อต้านแรงกดดันจากโชคชะตาของผู้กล้าของพวกเขา?

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าผู้พิฆาตมังกรนั้นตอบสนองแค่กับสายเลือดระดับสูงงั้นเหรอ?

ทำไมมันถึงมีปฏิกิริยาจากแรงกดดันของโชคชะตาของผู้กล้าด้วย?

พี่ชาย!

ผมอยู่ฝ่ายเดียวกันนะครับ!

โจวโจวตะโกนอยู่ในใจ

บางทีเจตจำนงผู้พิฆาตอาจจะเป็นเจตจำนงของเขาด้วย ดังนั้นในขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของเขา ความพิโรธของราชาผู้พิฆาตมังกรในใจของเขาจึงค่อยๆ สลายหายไป

โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จากนั้นเขาก็เห็นร็อบกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าซับซ้อน

“เอ่อ… เกิดอะไรขึ้น?”

โจวโจวพูดอย่างกระอักกระอ่วน

ร็อบเงียบอยู่สักพักก่อนที่จะบอกโจวโจวว่าการที่วิญญาณผู้กล้าได้ลืมตาขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะเขาถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดของผู้กล้า

“ตอนนี้ท่านสามารถเลือกวิญญาณผู้กล้าคนไหนก็ได้เพื่อยอมรับมรดกผู้กล้า แต่…”

ร็อบลังเล

“แต่อะไร?”

เดิมทีโจวโจวมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่เมื่อเขาได้ยินประโยคหลัง เขาก็งงขึ้นมาทันที

“ข้าก็เคยอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันกับท่าน แค่กๆ…”

เมื่อร็อบพูดเช่นนี้ เขาก็ดูเขินๆ หน่อยๆ

การถูกวิญญาณผู้กล้า 16 ตนให้ความสนใจคล้ายกันกับการถูกวิญญาณผู้กล้า 312 คนให้ความสนใจงั้นเหรอ?

ใช่ ต้องคล้ายแน่ๆ

“ต่อมาท่านอาจารย์ก็ดึงข้าออกมาและไม่ได้ให้ข้ายอมรับมรดกผู้กล้าอันไหน” เขากระซิบออกมาในทันใด

“ทำไม?”

โจวโจวอึ้งไป

ร็อบเดินมาข้างๆ โจวโจวและกระซิบ

“เพราะท่านอาจารย์รู้สึกถึงศักยภาพของข้าซึ่งมีวิญญาณผู้กล้าหลายๆ คนให้ความสนใจว่าข้าควรเดินบนเส้นทางผู้กล้าของตัวเอง เมื่อนั้นข้าจึงจะสามารถก้าวหน้าไปต่อได้ แม้ว่าข้าจะสามารถกลายเป็นผู้กล้าได้อย่างรวดเร็วด้วยการยอมรับมรดกของผู้กล้าคนอื่น แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากเหมือนกัน นั่นคือมันยากมากที่จะก้าวข้ามเส้นทางของผู้กล้านั้นไปได้”

“ยกตัวอย่างถ้าท่านยอมรับโชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์หรือระดับตำนานตอนนี้ บางทีในอนาคตท่านก็อาจจะสามารถไปถึงระดับมหากาพย์หรือกระทั่งระดับตำนานได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามไปอีก ความยากนั้นยากยิ่งกว่าการกลายเป็นผู้กล้าด้วยตัวเองซะอีก เพราะเส้นทางของคนอื่นก็คือเส้นทางของคนอื่น”

โจวโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย

เหตุผลที่ทำไมเขาถึงขมวดคิ้วนั้นไม่ได้เป็นเพราะความบกพร่องของมรดกผู้กล้า แต่มันเป็นเพราะไป่อี้และอู๋ซินได้ยอมรับมรดกผู้กล้าไปแล้ว

ถ้าสิ่งที่ร็อบพูดเป็นความจริง มันคงยากมากๆ ที่ไป่อี้และอู๋ซินจะทะลวงระดับหลังจากไปถึงระดับตำนานและระดับมหากาพย์แล้วใช่ไหมในอนาคต?

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

เขาดูเหมือนจะคิดไกลเกินไป

ยิ่งกว่านั้น ด้วยความสามารถและโอกาสของเขา เขาอาจจะหาทางให้ไป่อี้และอู๋ซินก้าวหน้าต่อไปก็ได้

“ข้าจะเก็บมาคิดดู ตอนนี้ข้าขอดูมรดกของวิญญาณผู้กล้าเหล่านี้ก่อนได้ไหม?”

โจวโจวพูดกับร็อบ

“ได้สิ ศิลาสงบวิญญาณภายใต้วิญญาณผู้กล้าเหล่านั้นถูกสลักไว้ด้วยประสบการณ์ชีวิตและความสามารถของวิญญาณผู้กล้าเหล่านั้น ท่านสามารถไปดูได้เลย”

ร็อบอึ้งไปก่อนที่จะพูดออกมา

โจวโจวพยักหน้าและเริ่มเดินไปรอบๆ โถงวิญญาณผู้กล้าเพื่อตรวจสอบมรดกผู้กล้าเหล่านี้

[ผู้กล้าระดับมหากาพย์—นักบวชอัญเชิญวิญญาณ], [ผู้กล้าระดับเหนือสามัญ—ราชาดาบเงาโลหิต], [ผู้กล้าระดับตำนาน—ราชาหุ่นเชิด], [ผู้กล้าระดับมหากาพย์—ขวานทรราชย์], [ผู้กล้าระดับมหากาพย์—จอมเวทลี้ลับ]...

...

มรดกผู้กล้าทำให้โจวโจวตื่นตาตื่นใจ

ครู่ต่อมา โจวโจวก็หยุดลงและมองไปยังมรดกผู้กล้าตรงหน้าของเขา

มันเป็นชายร่างกำยำที่มีรอยสักสีสันสดใสและสวมชุดโบราณสีฟ้าน้ำทะเล

ใต้เท้าของเขาคือวาฬสีขาวยักษ์ตัวหนึ่ง

โจวโจวยืนอยู่ตรงหน้าของวิญญาณผู้กล้าและสามารถได้ยินเสียงคลื่นและวาฬที่แผ่วเบา

เขามองดูรายละเอียดเบื้องล่าง

[ผู้กล้าระดับเทพอาวุโสขั้นกลาง—เจ้าวาฬขาว]

โจวโจวกลั้นหายใจเล็กน้อย

มันมีมรดกผู้กล้าระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย

ในเวลานี้ เขาก็อยากจะยอมรับมรดกผู้กล้านี้มาเลย

อย่างไรก็ตาม เขาก็นึกถึงสิ่งที่ร็อบพูดได้อย่างรวดเร็วและใจเย็นลง

เขามองดูมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมองไปที่วิญญาณผู้กล้าตนอื่นๆ

ครู่ต่อมา โจวโจวก็มายืนอยู่ตรงหน้าของวิญญาณผู้กล้าตนหนึ่ง

เขาคือชายหนุ่มที่ถือไม้เท้าและสวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิง

ตามเนื้อหาของศิลาสงบวิญญาณ ชื่อของเขาคือชางชิง และสมญานามผู้กล้าของเขาก็คือจอมเวทตะวันสาดแสง

แม้ว่าคนๆ นี้จะมีโชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์ แต่เขาก็ได้ถูกศัตรูเข่นฆ่าไปบนสมรภูมิ คนผู้นี้อยู่แค่ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลางเท่านั้นในเวลานั้น ในเวลานั้น ผู้นำของเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายคนได้บอกว่าถ้าชางชิงสามารถเติบโตไปได้ถึงระดับเหนือสามัญ เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

แต่น่าเสียดายที่โลกนี้คาดเดาไม่ได้

อัจฉริยะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ตายลงก่อนที่เขาจะพัฒนาตนเองได้เต็มที่

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่โจวโจวสนใจเขาก็ไม่ใช่เพราะประวัติศาสตร์ของเขา แต่มันเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขา

ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง!

“แครอลอยู่ในระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ ถ้าฉันหาคริสตัลเทวะศรัทธาระดับจิตบริสุทธิ์อีกอัน ฉันก็น่าจะสามารถใช้คาถาฟื้นคืนชีพขั้นสูงเพื่อคืนชีพชางชิงได้!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวใจของโจวโจวก็เต้นผิดจังหวะ

ชุบชีวิตผู้กล้า!

ในอดีต เขาไม่กล้าคิดเรื่องนี้เลย

แต่ดูจากลักษณะแล้ว มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากสำหรับเขา

ข้อกำหนดเบื้องต้นคือเขาต้องมีคริสตัลเทวะศรัทาระดับจิตบริสุทธิ์!

เมื่อมันสำเร็จ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเป็นลูกน้องได้ แต่เขาก็ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับเขาได้

หากเขาสามารถใช้สิ่งนี้เป็นเงื่อนไขในการเจรจากับวิหารอัศวิน เขาก็จะต้องแลกเปลี่ยนเป็นไอเท็มดีๆ ได้แน่!

ยกตัวอย่างเช่น ใบเปลี่ยนอาชีพอัศวินระดับอาณาจักรหรือเหนือกว่า!

มันอาจจะทำให้ลูกน้องเขามีโอกาสได้เข้าสู่โถงวิญญาณผู้กล้าและได้รับมรดกผู้กล้า! หรืออาจจะเป็นโอกาสอื่นๆ!

วิหารอัศวินนี้ถือได้ว่าเป็นฝ่ายระดับสูงในทวีปจื้อเกา!

มันต้องมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่แน่ๆ!

พระเจ้าช่วย เขาไม่คาดคิดเลย

ที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตและวิหารอัศวิน พรสวรรค์แห่งลอร์ดทั้งสองอันนี้สามารถสร้างเอฟเฟกต์การเชื่อมโยงที่น่าตกตะลึงได้จริงๆ!

เขาไม่ต้องการมรดกผู้กล้าในช่วงเวลานี้หลังจากได้ยินสิ่งที่ร็อบพูด

แต่ตอนนี้เขาต้องการมากกว่านั้น!

“เจ้าชอบมรดกผู้กล้าของชางชิงเหรอ?”

ร็อบเดินเข้ามาด้านข้างและพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เขาเห็นโจวโจวยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว

“ไม่ มันแค่น่าเสียดายที่ผู้กล้าคนนี้ตายไวเหลือเกิน”

โจวโจวกล่าว

เขาไม่ได้คิดที่จะพูดถึงแผนการคืนชีพผู้กล้าในตอนนี้

เพราะเขายังไม่มีคริสตัลเทวะศรัทธาเลย

มันคงไม่สายเกินไปเมื่อเขามีมัน

“ก็จริง ชางชิงเองก็เป็นคนที่เดินบนเส้นทางของผู้กล้าด้วยตัวเอง มันน่าเสียดายที่เขาถูกสังหารไวขนาดนั้น แต่นี่ก็เป็นความน่ากลัวของสงครามแห่งเผ่าพันธุ์ ท่านเองก็เป็นลอร์ดแล้ว สงครามแห่งเผ่าพันธุ์คงใกล้เข้ามาแล้วสำหรับท่าน ท่านต้องจำใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ไว้ในอนาคต”

ร็อบพูดอย่างจริงจัง

มนุษย์ที่ถูกเลือกโดยผู้กล้า 312 คนพร้อมกัน

เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าความสำเร็จในอนาคตของอีกฝ่ายจะสูงเพียงใดหากเขาเติบโตเต็มที่

ดังนั้นเขาในตอนนี้เขาจึงชื่นชมพรสวรรค์ของโจวโจว

น่าเสียดายที่เขาไม่อาจแทรกแซงเรื่องของโจวโจวได้เพราะพรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขา มิฉะนั้นเขาคงจะต้องช่วยอีกฝ่ายแน่ๆ

“ข้าจะระวังตัว”

โจวโจวพยักหน้าอย่างจริงจัง

“โอ้ใช่ ข้าได้ยินมาว่าผู้กล้าสามารถชุบชีวิตได้ ทำไมพวกเราไม่ชุบชีวิตผู้กล้าเหล่านี้ล่ะ?”

โจวโจวถามด้วยความสงสัย

“เหล่าผู้กล้าสามารถคืนชีพได้จริงๆ แม้แต่จิตวิญญาณเทพเจ้าก็สามารถคืนชีพได้ด้วย แต่ส่วนใหญ่ตัวตนที่สามารถชุบชีวิตตัวตนเช่นนี้ได้ก็ต้องอยู่ในระดับเทพแท้จริงหรือกระทั่งเทพอาวุโสที่มีกฎเกณฑ์แห่งเวลาและกฎเกณฑ์แห่งชีวิต!”

“สถานะของพวกเราในสรรพเผ่าพันธุ์ไม่ได้สูงนัก มันจึงยากมากๆ สำหรับพวกเราที่จะติดต่อกับคนในระดับนั้น แม้ว่าพวกเราจะโชคดีติดต่อได้ แต่พวกเราก็คงไม่มีสมบัติที่ตัวตนเหล่านั้นต้องการ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถคืนชีพได้”

ร็อบส่ายหัว

ถ้าพวกเขาสามารถคืนชีพผู้กล้าเหล่านี้ได้ พวกเขาย่อมยินดีที่จะจ่ายค่าคืนชีพแน่ๆ

กุญแจสำคัญคือพวกเขาไม่มีเส้นสายหรือช่องทาง และพวกเขาก็ไม่มีความมั่งคั่งมาใช้หลอกล่ออีกฝ่ายด้วย

เมื่อโจวโจวได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดเสียใจไม่ได้

งั้นมูลค่าของคริสตัลเทวะศรัทธาระดับจิตบริสุทธิ์นั้นก็สูงมากจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาจะขาดทุนสินะในการใช้คริสตัลเทวะศรัทธาระดับจิตบริสุทธิ์แลกเปลี่ยนกับไอเท็มระดับมหากาพย์!

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วที่จะมาเสียใจตอนนี้

โชคดีที่ไอเท็มนั้นมีประโยชน์กับเขามาก มิฉะนั้นเขาก็คงจะต้องเสียใจจนตายแน่ๆ

ครู่ต่อมา ร็อบและโจวโจวก็เดินออกมาจากโถงวิญญาณผู้กล้าทีละคน

“ข้าได้แสดงให้ท่านเห็นสองสถานที่ที่สำคัญที่สุดแล้ว ถ้าท่านเปลี่ยนใจในอนาคต ท่านก็สามารถมาที่นี่ได้อีกครั้งเพื่อเลือกมรดกผู้กล้า อย่างไรก็ตาม มันก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะสืบทอดมรดกผู้กล้าซึ่งเป็นของท่านและไม่อาจส่งให้ผู้อื่นได้ ดังนั้นจงอย่าคิดเรื่องการมอบมรดกผู้กล้าให้กับผู้อื่น”

ร็อบกล่าว

เขารู้แล้วว่าโจวโจวไม่ต้องการมรดกผู้กล้าในตอนนี้

สิ่งนี้อยู่ในความคาดหมายของเขาอย่างสมบูรณ์

เขาคงไม่อยากจะได้มันเหมือนกันถ้ามันเป็นเขา!

โจวโจวพยักหน้ารับ

จากนั้นทั้งสองก็คุยกันต่อสักพักก่อนที่โจวโจวจะจากไป

“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น? ทำไมเขาถึงอยากจะมอบมรดกผู้กล้าให้กับคนอื่น? เขาไม่ได้ถูกเลือกโดยวิญญาณผู้กล้าเลยเหรอ?”

ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับเดินเข้ามาและถาม

เขาได้เห็นผู้คนมากมายจากไปอย่างน่าสลดใจเพราะพวกเขาไม่ได้รับความสนใจจากวิญญาณผู้กล้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ประหลาดใจกับสถานการณ์นี้

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

ร็อบมองดูแผ่นหลังของโจวโจวที่กำลังเดินจากไปและนึกถึงฉากที่เหล่าวิญญาณผู้กล้าลืมตามองมาที่เขา

“มันมีวิญญาณผู้กล้าเลือกเขาด้วยเหรอ? กี่คนกัน? สามคน? ห้าคน?”

เขาถามด้วยความสงสัย

“ทุกคน!”

ร็อบหันไปมองและพูดอย่างจริงจัง

“วิญญาณผู้กล้าทุกคนลืมตามองเจ้าตะวันสาดแสงผู้นั้น! อย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ แม้แต่คนในวิหารอัศวินก็ตาม ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่ท่านอาจารย์และให้ท่านตัดสินใจด้วยตัวเอง ท่านผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับ ข้าขอตัวก่อน”

ด้วยเหตุนั้น ร็อบก็จากไป โดยทิ้งให้ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับยืนอึ้งอยู่กับที่