ตอนที่ 21 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับ    “สหายได้ยินข่าวลือนั้นไหม ที่ว่าวันนี้เมื่อ มู่หลง เทียน ออกไปกวาดล้างรังมอนสเตอร์ เขาถูกราชันนิรนามทำร้ายอย่างโหดร้าย เขาพ่ายแพ้ย่อยยับจนเกือบจะถูกฆ่า”

“ห๊ะ? เรื่องจริงเหรอ?”

“ใช่ เป็นเรื่องจริง มีคนเห็นมากับตา ไม่เชื่อลองไปถามคนอื่นดูได้ ข่าวมันแพร่ไปทั่วแล้ว”

“ให้ฉันเป็นพยานได้! ตอนเที่ยงวันนี้ ฉันบังเอิญเจอกับ มู่หลง เทียน ตอนที่กลับมาจากข้างนอก สภาพของเขาดูเละและอับอายมาก ราวกับมีคนเขียนคำว่าไอ้กระจอกไว้ที่บนใบหน้าของเขา”

“ให้ตายเถอะ! แม่เจ้า นี้ไม่ได้หมายความว่ามู่หลง เทียนแข็งแกร่งเป็นอันดับ 4 หรอ? ใครกันที่ทำร้ายเขาจนตกต่ำแบบนี้”

“เห็นเขาบอกกันว่าเป็น...เผ่าพืช”

“เผ่าพืช? เป็นไปไม่ได้!! เผ่าพืชที่สามารถเอาชนะเผ่าเทวดาได้?”

…..

ข่าวความพ่ายแพ้ของมู่หลง เทียน แพร่กระจายไปทั่วทั้งภูมิภาคทันที ทำให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย

ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้

แม้แต่บางคนที่ไม่ได้ติดตามช่องข่าวสารก็เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าใครกันที่ทรงพลังพอจะทำให้ทตูสวรรค์ซึ่งเป็นที่รู้จักการในนามทหารของเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดพ่ายแพ้ย่อยยับได้ขนาดนี้

แน่นอนว่าหลายคนนั้นรู้สึกสะใจในความพ่ายแพ้ของมู่หลง เทียน

ท้ายที่สุด มู่หลง เทียน เคยอาศัยกองทัพเทวดาของเขาเพื่อสยบเหล่าราชันคนอื่น ในวันที่ผ่านมา และยังขู่ให้พวกเขาส่งมอบพลังเวทย์มาอีก ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดออกมา

ในที่สุดก็มีคนมาแก้แค้นแทนพวกเขา มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่สามารถบอกได้

บางคนถึงกับส่งข้อความมาเพื่อเยอะเย้ย

เจ้ามู่หลง เทียนจอมหยิ่ง โดนซะบ้างก็ดี

ทำไมไม่ส่งเสียงอะไรเลย เจ้าอ่อน

สหายกลัวที่จะถูกทุบตีอีกใช่ไหม?

ดูเหมือนจะปลดปล่อยความโอหังทั้งหมดในอนาคตออกมาหมดแล้ว!

โดยรวมแล้วมีหลายคนที่ดูมีความเกี่ยวข้องกับข่าวลือนี้ ที่พูดถึงมากที่สุดคือราชันลึกลับจากเผ่าพืช

ทุกคนล้วนต่างพากันคาดเดาว่าเขาไปอยู่ที่ไหน เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เขาสามารถเอาชนะเผ่าเทวดาด้วยพืชที่แสนอ่อนแอนั้น

แม้ว่า นิสัยของ มู่หลง เทียน จะไม่ดีแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั้นแข็งแกร่ง

เพื่อที่จะเอาชนะเขาได้อย่างขาดลอยแบบนี้ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายต้องน่ากลัวเป็นอย่างมาก

หากสามารถผูกมิตรกับบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ พวกเขาก็จะมีความปลอดภัยมากขึ้นในอนาคต ไม่ต้องพูดความกังวลที่จะถูกคนอื่นมารังแกเลย

น่าเสียดาย

คนที่นำข่าวลือนี้มากระจายไม่ได้เห็น รูปลักษณ์ของ หลิน ยู อย่างชัดเจน เขารู้เพียงว่าคนๆนั้นเป็นราชันแห่งเผ่าพืช

ผลลัพธ์ทำให้ผู้คนต่างพากันผิดหวัง

....

ณ จุดสิ้นสุดของดินแดนรกร้าง

ภายในป่า

คน 2 คนที่เคยผ่านไปเจออาณาเขตของ หลิน ยู มาก่อน ยืนอยู่ตรงนั้นดูข่าวในช่องแชทภูมิภาค พวกเขากระพริบตาด้วยความประหลาดใจ

“พี่ใหญ่ นี้ท่านกำลังจะบอกว่าคนที่เอาชนะมู่หลง เทียนได้คือคนๆนั้นที่เราบังเอิญเจอเมื่อเช้าใช่ไหม”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายด้วยริมฝีปากที่แห้งผาก

เมื่อนึกถึงอาณาเขตเผ่าพืชที่เขาได้พบเมื่อเช้านี้ มันอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุในข่าวลือมาก

เป็นไปได้ไหมว่า คนๆนั้นคือคนในข่าวลือ

“มันมีความเป็นไปได้” การแสดงออกของชายหนุ่มกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “อย่าพูดถึงความใกล้เคียงเลย แค่ขนาดของอาณาเขตของเขาก็ดูไม่เหมือนระดับ 3 แล้ว”

“พี่ใหญ่หมายความว่า...ระ ดับ 4?”

เด็กหนุ่มเต็มไปความประหลาดใจ

“มันไม่น่าจะผิด มีเพียงดินแดนระดับ 4 เท่านั้นที่จะมีขนาดกว้างใหญ่ขนาดนั้นได้ นี้มันสมเหตสมผลแล้ว ว่าทำไมเขาถึงได้ดูสงบขนาดนี้ เพราะเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับกระแสสัตว์ร้ายเลย!”

ตุบ!

เด็กหนุ่ม เข่าอ่อนล้มทรุดลงด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างออก

เมื่อก่อนหน้านี้ เขาเคยเกือบทำให้ราชันระดับ 4 คนนี้ขุ่นเคืองมาก่อนไม่ใช่หรือ?

เมื่อนึกถึงความประมาทของตัวเองก่อนหน้านี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ จมอยู่กับความกลัวพักหนึ่ง

ดี! ดีแล้ว

โชคดีที่เขาไม่คิดไปยั่วยุอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ตายแบบไม่มีที่กลบฝัง

“แล้วเราจะทำยังไงต่อ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม

ชายคนนั้นส่ายหัว “อย่าเข้าไปยุ่งเลย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมา บุคคลเช่นนี้เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย”

“ใช่ ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะหลังจากตรวจสอบกระแสสัตว์ร้ายแล้ว ระยะเวลาปลอดภัยจะสิ้นสุดในอีก 1 วัน” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มยังคงเป็นกังวลจึงรีบพูด

“อืม ไปกันเถอะ”

หลังจากที่พูดออกไป ทั้ง 2 ก็หยุดพูดเรื่องนี้แล้วรีบวิ่งไปที่กำแพงต่อไป...

ในเวลาเดียวกัน

ในป่าอีกด้านหนึ่ง

หลิน ยู ที่เฝ้ามองการสนทนาในช่องแชทภูมิภาคก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลิน ยูไม่ได้คิดว่าระหว่างที่เขาต่อสู้กับ มู่หลง เทียน อยู่นั้นจะมีคนเห็นเหตุการณ์และกระจายข่าวลือนี้

เขาไม่รู้เลยว่าอารมณ์ของมู่หลง เทียน ตอนนี้จะเป็นอย่างไร

แทบจะรอไม่ไหวแล้ว ที่จะทำให้เขาตายทั้งเป็น

เขาจะหัวเราะเยอะเย้ย ทำไมถึงเกียจเจ้านั้นมากขนาดนี้นะ?

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือก็ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ เขาไม่ได้ตั้งใจที่ปล่อยมู่หลง เทียนไป

แน่นอนว่าเขาต้องขุดราก ถอนโคนเจ้าวัชพืชนี้ทิ้งซะ

แต่ปัญหาตอนนี้คือเขาไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งอาณาเขต ของ มู่หลง เทียน

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้กระแสสัตว์ร้ายกำลังมา เห็นได้ชัดว่าไม่ฉลาดนักที่จะทุ่มกำลังพลและทรัพยากรไปกับการพิชิตดินแดนอื่น หลังจากกระแสสัตว์ร้ายสิ้นสุดลงค่อยคิดก็ยังไม่สาย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน ยู เมินเฉยต่อการสนทนาเหล่านี้และเดินเข้าไปในป่าลึกพร้อมกับกองทัพพืชของเขา

ในขณะที่ค้นหารังมอนสเตอร์ กวาดล้างมอนสเตอร์ตามทาง พร้อมทั้งฝึกฝนทักษะการต่อสู้

ต้องบอกว่าผู้คนนั้นสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย

ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ทักษะการต่อสู้ของ หลิน ยู ก็พัฒนาขึ้นมากว่าก่อนหน้านี้มาก เขามีความชำนาญมากขึ้น เมื่อรวมกับร่างกายที่ทรงพลังผสานกับการตอบสนองของราชันระดับ 4 เขาแทบจะการันตีได้เลยว่าไม่แพ้มอนสเตอร์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 4 แน่นอน

เขาไม่ได้หมายความว่า เขาต้องฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นปรมาจารย์ที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้

แค่เรียนรู้วิธีพื้นฐานที่จำเป็นเอาไว้

ไม่งั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แล้วไม่มีทหารไม่ใช่เขาต้องรอความตายเหรอ?

ความสามารถในการเรียนของฉันนี้ไม่เลวเลย ก้าวหน้าไวกว่าที่คิด

หลิน ยู ในเวลาตลอดทั้งบ่ายไปในป่า

เมื่อหิวเขาจะกินเนื้อกระต่ายรมควันที่เอาติดมาด้วย

น่าเสียดายที่เขาไม่เจอรังของมอนสเตอร์เลยระหว่างทาง เขาพบกับมอนสเตอร์ระดับ 3 ที่กระจายออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับพลังเวทย์มานับ 100

เมื่อฟ้าเริ่มมืดเขา นำกองทัพพืชกลับไปยังทางเดิมและรีบกลับเข้าไปในอาณาเขต ด้วยพลังเวทย์ที่เขาได้รับมานั้น ในที่สุดเขาก็สามารถอัญเชิญทหารออกมาได้ทั้งหมด 40 ตัว

แล้วเช่ารุ่งขึ้นก็ออกเดินทางอีกครั้ง

กวาดล้างไปทั่วภูเขาและป่า เขาได้รับพลังเวทย์อย่างต่อเนื่อง

จนตะวันลับขอบฟ้าในคืนสุดท้าย

ตอนนี้พลังเวทย์ที่เขาได้รวบรวมมามีมากกว่า 1000 ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการจัดการกับกระแสสัตว์ร้าย

“ยังเหลือเวลาอีก 1 คืน”

หลิน ยู นั่งอยู่ข้างกองไฟ จ้องมองเข้าไปเปลวไฟด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นสุดของระยะปลอดภัย

ก่อนที่จะรู้ตัว เขาก็อยู่โลกนี้มาเป็นเวลา 7 วันแล้ว ความรู้สึกนี้มันเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง

เขาเปิดดูช่องแชทภูมิภาค ดูเหมือนทั้งหมดกำลังพูดคุยเกี่ยวกับกระแสสัตว์ร้ายในวันพรุ่งนี้

มีทั้งความคาดหวัง ความกลัว และความกังวล

คนที่กังวลที่สุดคือคนที่อยู่ชิดกับป่ามากที่สุดรวมถึงคนที่อ่อนแอด้วย พวกเขากังวลว่าจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากระแสสัตว์ร้ายนี้ได้

ราชันหลายคนที่มีความเย่อหยิ่งสูงลดอิโก้ของตัวเองลงเริ่มก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อความอยู่รอด ไม่มีใครกล้าออกจากอาณาเขตแม้แต่ครึ่งก้าว เพราะกลัวว่าจะกลับเข้าอาณาเขตไม่ทันเวลาและถูกกระแสสัตว์ร้ายกลืนกินไป

ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่นอนไม่หลับสำหรับพวกเขา.