หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดโจวโจวและคนอื่นๆ ก็มาถึงเมืองตะวันสาดแสง
เมื่อเขาลงมาจากยานบิน เขาก็เห็นกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของมอนสเตอร์แห่งหมอกลอยลงมาจากยานบิน จากนั้นอู๋ซินก็ส่งคนมาพาพวกมันไปยังค่ายของกองทัพมอนสเตอร์ในเมือง
โจวโจวมองไปยังมอนสเตอร์แห่งหมอกจำนวนมากและมองไปยังภูตทมิฬบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเขาพบปัญหาบางอย่าง
ภูตทมิฬเล็กเกินไปหน่อย…
เขาคิด
ขีดจำกัดของภูตทมิฬคือสามารถรองรับผู้คนได้ 200,000 คนเพื่อใช้ชีวิตและอยู่รอดในยานบินเป็นเวลาหนึ่งปี
เมื่อครู่ เขาได้ใส่มอนสเตอร์แห่งหมอกเข้าไป 240,000 ตัวและทำให้มันเต็มแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่ามันยังมีทหารอีกกว่า 200,000 คนในดินแดนของเขา
เห็นได้ชัดว่าภูตทมิฬในตอนนี้เริ่มไม่สามารถรองรับความต้องการของกองทัพของเขาได้แล้ว
“หรือว่าฉันควรอัพเกรดมัน?”
เขาอดคิดไม่ได้
ภูตทมิฬเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยภูตทมิฬลำนี้ ประสิทธิภาพในการพิชิตดินแดนอื่นๆ ของเขาจึงเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบเท่า
ดังนั้นมันจึงควรต้องอัพเกรดมัน
อีกทั้งมันยังเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียว บรรณาการจักรกลเท่านั้น
มันคงจะใช้ชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดไม่มากเท่าไรในการอัพเกรดมันเป็นระดับเงินขาว
จากนั้นเขาก็หยิบเอาชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดออกมาและพบว่าเขามีชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียว 157 อัน เขาจึงผสานพวกมันเป็นลูกแก้วพรสวรรค์แห่งลอร์ดเทวะแรกกำเนิดระดับเงินขาว 1 อันทันที
เมื่อโจวโจวเห็นเช่นนี้ เขาก็บอกให้อู๋ซินจัดการเรื่องของลูกน้องใหม่พวกนี้ก่อน จากนั้นเขาก็เรียกในใจ
“เหวินหยา”
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด”
เหวินหยาตอบกลับในทันที
โจวโจวเงียบไปชั่วขณะเพราะเขาไม่รู้จะพูดยังไงดี หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดออกมาว่า
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้ามีตัวตนอยู่เพราะพรสวรรค์แห่งลอร์ดของข้า? ตอนนี้ข้ามีโอกาสที่จะเลื่อนระดับพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เกี่ยวกับภูตทมิฬได้ แต่เจ้าจะยังคงอยู่ไหมหลังจากข้าเลื่อนระดับของมันแล้ว?”
เขาได้ใช้เวลาร่วมกันกับเหวินหยามาสักพักแล้วและพวกเขาก็พอจะมีมิตรภาพระหว่างกันอยู่บ้าง
ถ้าเหวินหยาต้องหายไปจริงๆ เพราะการอัพเกรดพรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขา โจวโจวก็อาจจะไม่อัพเกรดมันก็ได้ เพราะเขาแค่ต้องการการขนส่งที่ดีขึ้นเท่านั้น
คำถามประเภทนี้ไม่ใช่คำถามตัดสินที่มีเพียงตัวเลือกเดียว
ยกตัวอย่างเช่นบนกระดานสนทนา
โจวโจวจำได้ว่ามีลอร์ดคนหนึ่งกล่าวว่าอาณาจักรเพื่อนบ้านของเขาที่ดินแดนของเขาตั้งอยู่นั้นคืออาณาจักรที่ถูกก่อตั้งขึ้นจากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิอย่างเผ่าพันธุ์จักรกล
เขาอาจจะสามารถหาวิธีอื่นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ถ้าเขาลองคิดดู
ดังนั้น ถ้ามันเป็นแบบนั้น งั้นทำไมเขาจะต้องทำให้เหวินหยาหายไปด้วย?
“มันมีโอกาส 80% ที่เหวินหยาจะมีตัวตนอยู่ต่อไป แต่ก็ยังมีโอกาส 20% ที่เหวินหยาจะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ในระดับสูงขึ้น”
หลังจากเหวินหยาทราบเรื่องแล้ว เธอก็ตอบกลับมาทันที
“เจ้าเองก็ไม่แน่ใจเหรอ?”
โจวโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านลอร์ดเป็นกังวลเกี่ยวกับข้าเหรอเจ้าคะ?”
เหวินหยาถามออกมาในทันใด
“ใช่ ทำไม?”
โจวโจวอึ้งไปก่อนที่จะตอบกลับมา
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เหวินหยาแค่รู้สึกมีความสุขมาก”
มันมีความดีใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเหวินหยา
จากนั้นเธอก็กล่าวว่า
“เหวินหยาขอแนะนำให้ท่านลอร์ดอัพเกรดพรสวรรค์แห่งลอร์ดของท่านเจ้าค่ะ เพราะโอกาส 80% เป็นแค่การประเมินขั้นต่ำของเหวินหยา โอกาสสำเร็จนี้อาจจะสูงกว่านี้ก็ได้เจ้าค่ะ”
“...ตกลง”
เมื่อเหวินหยาพูดเช่นนี้ โจวโจวก็ไม่ลังเลอีก จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่ปราสาทของลอร์ด
…
ณ ปราสาทของลอร์ด ในห้องหนังสือ
โจวโจวหยิบเอาชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียว 100 อันออกมา จากนั้นเขาก็ผสานมันเป็นลูกแก้วพรสวรรค์แห่งลอร์ดเทวะแรกกำเนิดระดับเงินขาว 1 อัน
จากนั้นเขาก็เลือกใช้มัน และก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา
[โปรดเลือกพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่ต้องการอัพเกรด]
“ฉันเลือกบรรณาการจักรกล!”
สายตาของโจวโจวหยุดอยู่ที่พรสวรรค์แห่งลอร์ด—เทพยุทธ์เต็มตัวอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจ
แม้ว่าเทพยุทธ์เต็มตัวจะเป็นพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่ดี แต่โจวโจวก็ยังไม่ได้ใช้ช่องว่างสองอันที่มีอยู่เลย ดังนั้นเขาจึงยังไม่จำเป็นต้องเลื่อนระดับมันในตอนนี้
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว พรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้ก็เลือกได้ยากจริงๆ
ถ้ามันสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ตามใจชอบล่ะก็ โจวโจวคงเลือกอาชีพอีกสองอาชีพไปแล้ว
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะมันมีข้อจำกัดเช่นนี้อยู่
โจวโจวยังไม่ได้เลือกอาชีพอีกสองอาชีพ เขาจะคิดถึงมันเมื่อเขาเจอกับอาชีพที่เหมาะสมในอนาคต
ในขณะที่โจวโจวกำลังคิด ข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
[พรสวรรค์แห่งลอร์ดถูกเลือกแล้ว!]
[กำลังดำเนินการอัพเกรด…]
อึดใจต่อมา ความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยก็บังเกิดขึ้นระหว่างคิ้วของเขา
จากนั้นความอบอุ่นนี้ก็จางหายไป และก็มีข้อความแจ้งเตือนใหม่ปรากฏขึ้น
[การอัพเกรดพรสวรรค์แห่งลอร์ดเสร็จสมบูรณ์!]
[ขอแสดงความยินดีด้วย พรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียวของท่าน บรรณาการจักรกล ได้ถูกอัพเกรดเป็นพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเงินขาว!]
[เอฟเฟกต์ต่อไปนี้ได้รับการอัพเกรดเป็นระดับเงินขาว]
[พรสวรรค์แห่งลอร์ด: บรรณาการจักรกล (ระดับเงินขาว)]
[บรรณาการจักรกล: มันจะมียานบินระดับเงินขาวขั้นสูง ราตรีประดับดาว จากเผ่าพันธุ์จักรกลอยู่ในดินแดนของท่าน มันคือของขวัญจากเผ่าพันธุ์จักรกลที่มอบให้แก่ลอร์ดที่เข้าร่วมในศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ด นอกจากนี้ยังแสดงถึงมิตรภาพระหว่างเผ่าพันธุ์จักรกลและท่านด้วย]
[เอฟเฟกต์ 1: ราตรีประดับดาวเป็นพยานถึงมิตรภาพของเผ่าพันธุ์จักรกล ความสัมพันธ์ทางการทูตของท่านกับเผ่าพันธุ์จักรกลคือ ‘เป็นมิตร’ (ฟังก์ชันนี้เปิดใช้งานหลังจากก่อตั้งอาณาจักร)]
[เอฟเฟกต์ 2: ราตรีประดับดาวคือการตกผลึกของภูมิปัญญาทางเทคโนโลยีของเผ่าพันธุ์จักรกล มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระดับเหนือสามัญขั้นสูง ‘เทพีราตรีประดับดาว’, มิติซ้อนทับระดับเงินขาวขั้นสูง, โกดังมิติระดับเงินขาวขั้นสูง, การป้องกันยานบินระดับเพชรขั้นสูง, ความเร็วในการบินระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, เครื่องตรวจจับชีวิตพร้อมเรดาร์ต่อต้านการลาดตระเวนระดับเพชรขั้นสูง, โหมดพรางตัวระดับเพชรขั้นสูง, การข้ามมิติระดับเหนือสามัญขั้นสูง, ฟังก์ชั่นสถาบันวิจัยระดับเหนือสามัญขั้นสูง และฟังก์ชันการซ่อมแซมอัตโนมัติระดับเหนือสามัญขั้นสูง]
[เอฟเฟกต์ 3: ราตรีประดับดาวใช้แกนหมอกเป็นพลังงาน แกนหมอกระดับเงินขาว 1,000 ชิ้นสามารถทำให้ราตรีประดับดาวทำงานอย่างเต็มกำลังได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง]
หลังจากอ่านมัน สายตาของโจวโจวก็มองไปยังฟังก์ชั่นต่างๆ ของราตรีประดับดาว
มันมีทุกอย่างที่ภูตทมิฬเคยมี และพวกมันก็ถูกอัพเกรดใหม่ทั้งหมด
นอกจากนี้มันยังมีสิ่งที่ภูตทมิฬไม่มีด้วย
ยกตัวอย่างเช่นโกดังมิติระดับเงินขาวขั้นสูง โหมดพรางตัวระดับเพชรขั้นสูง การข้ามมิติระดับเหนือสามัญขั้นสูง ฟังก์ชั่นสถาบันวิจัยระดับเหนือสามัญขั้นสูง และฟังก์ชั่นอื่นๆ
โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย
ไม่เลว
การเลื่อนระดับมันไม่ได้สูญเปล่าจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงความดีใจออกมาเลย
เขาเดินออกมาจากห้องหนังสือโดยไม่พูดอะไรสักคำ และเดินมากลางลาน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“เหวินหยา”
เขากล่าว
1 วินาที…
2 วินาที…
3 วินาที…
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด”
เสียงของเหวินหยาดังขึ้นในทันใด
เสียงของเธอยังคงอ่อนนุ่มเหมือนเดิม
ไม่ใช่แค่นั้น โจวโจวยังสามารถได้ยินความรู้สึกพิเศษในคำพูดง่ายๆ เหล่านี้ได้ด้วย
มันราวกับว่าเขาไม่ได้กำลังฟังเสียงของปัญญาประดิษฐ์ แต่เป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ
จากนั้นโจวโจวก็จำได้ว่าระดับปัญญาประดิษฐ์ของอีกฝ่ายที่เดิมทีอยู่ในระดับเพชรขั้นสูงได้กลายเป็นระดับเหนือสามัญขั้นสูงแล้ว
มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่แท้จริง
“เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อโจวโจวพูดเช่นนี้ออกไป ในที่สุดใบหน้าของเขาก็ยิ้มออกมาได้
เขาดีใจ
เขาดีใจที่เขาไม่ต้องสูญเสียสหายของเขาอย่างเหวินหยาไป