บทที่ 327: ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะแห่งโลกเซียนราชันสุริยัน
สถานที่ที่ซุยเฮ็งทิ้งเครื่องหมายวิญญาณของเขาเอาไว้นั้นคือในเมืองเฉิงเฟิง
เขากลับมาด้วยคาถาเซียนเคลื่อนย้ายหมื่นสวรรค์
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 200 ปี สถานที่แห่งนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สิ่งที่ควรจะเป็นสำนักงานว่าการได้เปลี่ยนกลายเป็นห้องโถงใหญ่
และเค้าโครงของฐานเดิมก็แถบไม่มีร่องรอยหลงเหลือ
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยจัดการเรื่องทางการเมืองและเรื่องต่างๆ อีกต่อไป
“ มันมีผ้าไหมสีแดงแขวนอยู่ที่กรอบประตู ธงหลากสีลอยอยู่บนเสาธง และประทัดก็เพิ่งจุดขึ้น แถมข้างนอกยังมีเสียงแตร ดูเหมือนว่ามันจะมีพิธีฉลองอะไรเกิดขึ้นนะ?”
ซุยเฮ็งสังเกตสถานการณ์โดยรอบและยิ้ม “ พวกเขามีอารมณ์ในการจัดพิธีฉลองเช่นนี้ งั้นก็แสดงว่าชีวิตของผู้คนที่นี่ไม่ได้เลวร้าย ที่นี่จะยังคงเป็นราชวงศ์ต้าเว่ยอยู่รึเปล่านะ”
เมื่อ 200 ปีก่อน ในตอนที่เขาได้ออกจากดาวเต๋าโจว ราชวงศ์ต้าเว่ยของตระกูลหวังก็ยังคงปกครองดินแดนนี้
หากราชวงศ์ต้าเว่ยยังอยู่ มันก็จะมีอายุครบ 280 ปีแล้ว
นี่มันไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ
“ เอ๊ะ? พ่อหนุ่ม ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่? ชุมนุมดอกบัวศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะ”
ในขณะนี้ ชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องโถงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ถ้าเจ้ามาสาย เจ้าก็จะไปไม่ทันอาหารที่ท่านนักบุญหญิงมอบให้นะ”
ชุมนุมดอกบัวศักดิ์สิทธิ์?
ซุยเฮ็งตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และมองไปที่ชายชรา
ภายใต้ดวงตาแห่งธรรมของเขา เขาก็ค้นพบความผิดปกติของชายชราได้ในทันที แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากลับยิ้มและพูดว่า “ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ท่านผู้เฒ่า ท่านจะไม่ไปด้วยไหม?”
“ ไม่ไม่ ข้าแก่แล้ว” ชายชราโบกมือเบาๆ และยิ้ม “ อาหารที่ท่านนักบุญหญิงมอบให้นั้นดีสำหรับคนหนุ่มสาว มันมีการจำกัดจำนวน และข้าก็ไม่อยากจะต่อสู้กับพวกเจ้าเพื่อแย่งมัน
“ แต่ข้าเห็นว่าท่านมีโลหิตเทวาไหลเวียนอยู่ในร่างของท่านด้วยนี่ แถมมันก็ยังมีเทวรูปธรรมอยู่ในตำหนักหนี่วานของท่านด้วย ท่านมีรูปลักษณ์ดูสมกับเป็นเซียนสวรรค์อย่างชัดเจน” ซุยเฮ็งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ทำไมท่านถึงบอกว่าท่านแก่แล้วล่ะ?”
“ นี่เจ้า?!” ดวงตาของชายชราเบิกกว้างในขณะที่เขามองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อ เขาตกใจมาก “ เจ้าเป็นใครกัน…”
“ จุ๊!” ซุยเฮ็งส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ อย่าเพิ่งส่งเสียงดัง ตามข้าออกไปดูข่างนอกก่อน”
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากของเขาลง จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้สูญเสียความสามารถในการพูดไปแล้ว
ไม่เพียงแต่เขาจะพูดไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงได้
ไม่ว่าจะตะโกน ตบมือ หรือกระทืบเท้า เขาก็ไม่สามารถส่งเสียงได้แม้แต่นิดเดียว
ดูเหมือนว่าเขาจะถูกแยกออกจากโลกปกติและไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้เลย
นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน และมันก็เป็นความน่ากลัวอย่างสุดขีดที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ เขาเป็นใครกัน?! เขาสามารถทำให้เซียนสวรรค์อย่างข้าไม่สามารถส่งเสียงได้จริงๆ หรอ?!”
ชายชราคำรามในใจด้วยความหวาดกลัว “ เทพลึกลับ? เซียนทอง?! ในที่สุดยอดฝีมือที่แท้จริงของดาวจุยโชวก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วหรอ? ตัวตนของเราถูกเปิดเผยแล้ว?”
ความสงสัยผุดขึ้นในใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาต้องการที่จะหลบหนี แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถทำมันได้เลย เมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ เขาก็ไม่สามารถคิดที่จะหลบหนีได้
ทั้งร่างกายและความตั้งใจของเขากำลังบอกเขาว่า—
เจ้าไม่ควรหนี และเจ้าก็ไม่สามารถหนีได้ หากเจ้าพยายามหนี เจ้าก็จะต้องเผชิญกับความตาย
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงทำได้เพียงเดินตามหลังซุยเฮ็ง
หลังจากที่ซุยเฮ็งเดินออกมาจากห้องโถง เขาก็เห็นถนนที่กว้างขวางมากด้านนอก
ร้านอาหารที่เปิดอยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อ 200 ปีก่อนได้หายไปนานแล้ว และตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่
ในขณะนี้ ฝูงชนก็รวมตัวกันหนาแน่นในจัตุรัส ดูเหมือนว่ามันจะมีสองถึงสามพันคน มันมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง และพวกเขาทั้งหมดก็กำลังรวมตัวกันล้อมรอบเวทีกลาง
บนเวทีสูงมีดอกบัวแกะสลักจากหยกขาวตั้งอยู่ มันมีเด็กสาวในชุดสีสันสดใสนั่งอยู่บนนั้น
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะมีอายุเพียง 15 ถึง 16 ปีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเธอยังดูเป็นเด็กอยู่
อย่างไรก็ตาม ออร่าของเธอก็เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ความรู้สึกเหล่านี้แปลกมากเมื่อผสมรวมกัน แต่มันก็ง่ายมากที่จะทำให้ผู้คนจ้องมองเธอ และจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถละสายตาไปได้อีกต่อไป
“ เซียนอนันต์ทอง” ซุยเฮ็งสามารถบอกขอบเขตการฝึกตนของหญิงสาวคนนี้ได้อย่างรวดเร็วและอดไม่ได้ที่จะงงงวย เขาคิดกับตัวเองว่า “ เป็นไปไม่ได้ที่ฮั่วซานและเทพวารีหงจะตรวจไม่พบเธอ แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สนใจเธอ มันเป็นเพราะเธอไม่ได้มีเจตจำนงร้ายจริงๆ หรอ?”
ในขณะนี้ เด็กสาวคนนี้ก็กำลังมอบอาหารให้แก่ผู้คนที่มารวมตัวกันที่นี่
อาหารเหล่านี้ดูธรรมดามาก มันมีเต้าหู้แห้งไม่กี่ชิ้นและผลไม้ไม่กี่ชิ้น อย่างไรก็ตาม วิธีที่เธอนำเสนออาหารเหล่านี้ออกมานั้นก็พิเศษมาก
ผู้คนที่มารวมกันที่นี่จะก้มกราบใต้แท่นดอกบัวหยกขาวด้วยความเคารพ
จากนั้นหญิงสาวก็จะยื่นมือขวาสีขาวนวลของเธอออกไปจับท้องฟ้าอย่างแผ่วเบา และจากนั้นอาหารก็จะปรากฏขึ้นในมือของเธอจากอากาศเปล่า
“ นี่คือนักบุญหญิงแห่งสำนักดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าใช่ไหม?” ซุยเฮ็งมองไปที่ชายชราข้างๆ เขาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ สถานการณ์นี้ดำเนินมานานขนาดไหนแล้ว?”
“ มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา และนี่ก็ครั้งที่สามแล้ว… นี่ข้าพูดได้แล้วหรอ!” ชายชราเอามือแตะปากด้วยความตกใจสุดขีด จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับตะโกนว่า “ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เสียงของเขาดังมาก ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินเสียงของเขา
อย่างไรก็ตาม คนรอบข้างก็ทำราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลยและไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย
“ ไม่จำเป็นต้องเล่นตุกติก ไม่มีใครเห็นเราและไม่มีใครได้ยินเรา” ซุยเฮ็งมองไปที่ชายชราด้วยรอยยิ้มจางๆ และหัวเราะเบาๆ “ ถ้าข้าถามแล้วเจ้าตอบ เจ้าก็อาจจะยังมีชีวิตรอดไปได้ เจ้าคิดว่าดีไหม?”
“ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณท่านเซียนผู้สูงส่ง!” ชายชราพูดด้วยเสียงสั่น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
คนผู้นี้สามารถซ่อนตัวจากเซียนอนันต์ทองได้!
เขาเป็นปราชญ์หรอ?!
มันมีปราชญ์อยู่ในดาวจุยโชวด้วยหรอ!
เป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย?!
“ เจ้ามาจากไหนและมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” ซุยเฮ็งถามด้วยเสียงต่ำ
“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง เราเป็นศิษย์ของสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาบนดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะแห่งโลกเซียนราชันสุริยัน” จู่ๆ ลมหายใจของชายชราก็สงบลงมาก และเขาสามารถพูดได้อย่างราบรื่น
“ เรามาถึงที่นี่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว...”
….
จงจิง พระราชวังจักรพรรดิต้าเว่ย
เมื่อ 40 ปีก่อน พระราชวังจักรพรรดิต้าเว่ยได้ปรับเปลี่ยนเขตการปกครองของประเทศ
ในขณะเดียวกัน มันก็เปลี่ยนระบบราชการและแบ่งอำนาจเป็นตามแต่ละสถานที่
ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐซึ่งแต่เดิมจะควบคุมกิจการของรัฐก็ถูกยกเลิกลง
มันกลับตั้งทูตทางการเมือง ทูตตรวจการ และผู้บัญชาการทหารในแต่ละรัฐขึ้นมาเพื่อแยกตำแหน่งทหารและผู้บังคับบัญชาออกจากกัน
ที่ดิน 100 ลี้ในเมืองหลวงถูกกำหนดให้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ส่วนที่เหลือของทวีปตอนกลางถูกแบ่งออกเป็นรัฐต่างๆ พวกเขาถูกเรียกว่าเมืองหลวงกลางจื่อหลี่ หรือเรียกสั้นๆ ว่าจื่อหลี่
สำหรับต้าเว่ยทั้งหมดแล้ว มันก็อาจกล่าวได้ว่าพระราชกฤษฎีกานี้ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ไปอย่างมาก มันเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์
นอกจากนี้มันก็ยังทำในปีที่ 240 ของการก่อตั้งต้าเว่ย
แต่เดิมมันเป็นคำสั่งที่เป็นไปไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้ว รากฐานการปกครองนี้ก็ได้ฝังรากแน่นมานานเกือบ 200 ปี
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิชางหวู่หวังเฉินผู้ซึ่งครองบัลลังก์มาเพียง 12 ปีก็กลับทำอย่างนั้นได้จริงๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ต้าเว่ยจึงมีอำนาจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มันเป็นเรื่องยากที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะกลับมามีอำนาจได้อีกครั้ง และมันก็ทำให้ราชวงศ์นี้เริ่มฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาได้
ในปีที่ 52 ของชางหวู่ ราชวงศ์ต้าเว่ยก็ยังคงเบ่งบาน และความเจริญรุ่งเรืองของยุคนี้ก็ล้ำหน้ายุคจักรพรรดิองค์ก่อนๆ ไปมาก
ในขณะนี้ หวังเฉินก็อายุ 85 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้รับการฝึกตนอย่างขยันขันแข็งและได้กลายเป็นเซียนมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังดูเหมือนกับอยู่ในวัยสามสิบอยู่
อย่างไรก็ตาม ตามกฎที่กำหนดโดยจักรพรรดิไท่ซู ราชบัลลังก์ก็จะดำรงอยู่ได้สูงสุดเพียง 60 ปีเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเหลือเวลาอีกเพียงแปดปีก่อนที่เขาจะต้องสละราชสมบัติ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หวังเฉินก็ไม่ได้สนใจเรื่องงานราชการอีกต่อไป ส่วนใหญ่เขาจะปล่อยให้ลูกๆ ของเขาคอยปกครองประเทศ
เขาได้สร้างวัดขึ้นมาในส่วนลึกของพระราชวังและตั้งชื่อว่า “ตำหนักขาวศักดิ์สิทธิ์”
เขายังเชิญนักบวชนักพรตมาเทศนา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ขอคำแนะนำเกี่ยวกับเต๋ายุทธ์
วันนี้เป็นวันที่หวังเฉินจะไปฟังพระคัมภีร์
เขามาถึงตำหนักขาวศักดิ์สิทธิ์ในชุดคลุมนักพรตตามปกติ แต่กระนั้นเขาก็กลับไม่เห็นนักพรตนั่งอยู่บนเบาะทำสมาธิ
นักพรตกลับกำลังยืนอยู่นอกพระราชวัง สายตาของเขาดูเหมือนจะมองออกไปในระยะไกล
“ นักพรตเซิน ท่านกำลังดูอะไรอยู่?” หวังเฉินเอนตัวเข้าไปและถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ ข้ากำลังมองดูอนาคตของสำนักดอกบัวศักดิ์สิทธิ์” เซินไป่เซิงหันกลับมาและกุมมือของเขา เขายิ้มและพูดว่า “ คารวะฝ่าบาท วันนี้ท่านยังอยากฟังพระผู้นี้เทศนาพระคัมภีร์อีกหรอ?”
“ ท่านนักพรต ตอนนี้ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของสำนักอยู่ แล้วข้าจะให้ท่านสั่งสอนพระคัมภีร์ได้อย่างไร” หวังเฉินส่ายหัวเบาๆ และพูดด้วยความกังวลว่า “ ข้าขอทราบได้ไหมว่าทำไมท่านถึงกังวล”
“ ฝ่าบาท มณฑลใดอยู่ห่างจากที่นี่มากที่สุด” เซินไป่เซิงชี้ไปในทิศทางที่เขาเพิ่งมองไป
“ นั่นคือมณฑลบาฉวน…” ทันทีที่หวังเฉินพูดเช่นนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นในทันทีและพูดว่า “ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าคงจะคิดมากเกินไปเอง”
“ จริงๆ มันก็เป็นเพราะสำนักเซียนอรุณที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งของโลกและมีตัวตนที่ทรงพลังมากมาย ข้ารู้ว่าพวกเขาใจดีกับผู้อื่นเสมอและจะไม่มีวันปราบปรามสำนักใหม่ๆ”
“ อย่างไรก็ดี ข้าก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ยังเป็นคนนอก” เซินไป่เซิงมีท่าทีดูกังวลและถอนหายใจ “ เรายังไม่ได้โต้ตอบกับสำนักเซียนอรุณเลย ดังนั้นข้าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล”
“ เทพมังกรแห่งเฟิงโจวและเทพวารีแห่งแม่น้ำหงก็ไม่ได้ห้ามท่านจากการเทศนานี่?” หวังเฉินพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น “ด้วยการสนับสนุนของสองคนนี้ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใช่ไหม”
“ ผู้อาวุโสสองคนนั้นเลิกสนใจเรื่องทางโลกไปนานแล้ว พวกเขาแค่เห็นว่าสำนักของข้าไม่ได้เลวร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หยุดเรา อย่างไรก็ตาม สำหรับสำนักเซียนอรุณแล้ว…” เซินไป่เซิงส่ายหัวและพูดว่า “ มันคงจะไม่ดีแน่หากพวกเขาบอกว่าสำนักของข้าทำให้ศิษย์ของพวกเขาขุ่นเคืองโดยไม่ตั้งใจ ”
“ นั่นก็จริง” หวังเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง? ต้าเว่ยของเรามีความเชื่อมโยงกับสำนักเซียนอรุณ”
“ ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเว่ย ข้าจะส่งคำเชิญเพื่อเชิญเซียนทองจากสำนักเซียนอรุณมายังเมืองหลวงเพื่อจัดงานเลี้ยงพูดคุย และข้าก็จะให้ท่านใช้โอกาสนี้เพื่อพบปะและพูดคุยกับพวกเขาเป็นไง?”
“ ขอบพระคุณฝ่าบาท!” เซินไป่เซิงป้องมือของเขาในทันทีและโค้งคำนับ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุขอย่างยิ่ง
ในที่สุดเขาก็มีโอกาสทำภารกิจบนดาวเต๋าโจวให้สำเร็จ!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved