ตอนที่ 107

บทที่ 107 ภายใต้ภูเขาแสงทอง พระผู้นุ่งขาวห่มขาว (2)

ในส่วนสำนักงานเทศมณฑล

อู๋หยินกำลังจัดการเอกสารจากมณฑลต่างๆ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานราชการของมณฑลต่างๆ และการกระจายทรัพยากรบางส่วนเพื่อที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ดี เขาจึงมักจะยุ่งมาก

“ นายท่าน มีคนมาขอเข้าเฝ้า” ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยื่นจดหมายให้

อู๋หยินให้ความสำคัญกับผู้คนที่มาเยี่ยมและมักจะไม่ทอดทิ้งใคร

ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้เขาจะยุ่งมาก แต่เขาก็ยังตอบรับคำร้อง

อย่างไรก็ตาม หลังจากมองดูแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนในทันที ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ แท้จริงแล้วมันก็คือทูตของผู้ว่าการซุยนี่เอง เชิญเขาเข้ามาเร็ว!”

….

ในสำนักงานเทศมณฑลมณฑลลู่

ดวงตาของซุยเฮ็งปิดลงเล็กน้อยในขณะที่เขามองเข้าไปในจุดตันเถียนของเขาเพื่อสังเกตสถานะของแก่นแท้ทองคำและทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในพลังของอารมณ์ทั้งเจ็ด

ความสว่างของแสงสีแดงและแสงสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุขและความรักนั้นสูงที่สุด พวกมันทั้งหมดสว่างกว่า 1.3 ฟุตและเป็นแสงที่สูงที่สุดสองดวงในบรรดาแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด

นี่เป็นความรู้สึกขอบคุณและความรักของผู้คนในมณฑลลู่รวมถึงการสนับสนุนจากมณฑลต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา

ถัดไปคือแสงสีดำที่เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ภายใต้ความพยายามอย่างไม่ลดละของฮุ่ยฉี ขุนนางจากมณฑลต่างๆ จึงพากันเกลียดชังซุยเฮ็งจนถึงแก่น และความรู้สึกนี้ก็ทำให้ความสว่างของแสงสีดำสว่างมากถึง 1.3 ฟุต

จากนั้นก็มีแสงสีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์ของความกลัว ในตอนที่เขาทำลายกองกำลังพันธมิตรของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยเสร็จ เขาก็ได้รับอารมณ์แห่งความกลัวมาเป็นจำนวนมาก แสงสีเขียวสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงถึงหนึ่งฟุต

ต่อมาคือสีเทาที่สื่อถึงความเศร้าโศก แม้ว่ามันจะสว่างไม่ถึงหนึ่งฟุต แต่มันก็สูงถึงเก้านิ้วแล้ว

แสงสีม่วงที่แสดงถึงความโกรธและแสงสีเหลืองที่แสดงถึงความปรารถนานั้นริบหรี่มาก

“ หืม?” ในขณะนี้ จู่ๆ ซุยเฮ็งก็อุทานออกมา

ด้วยความคิด ลูกบอลแสงเจ็ดสีก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

นี่คืออัญมณีเจ็ดอารมณ์ที่เขามอบให้กับฮุ่ยฉี

ในขณะนี้ ลูกบอลแสงสีดำและสีม่วงก็กำลังหมุนวนอยู่ตรงกลางของแสงเจ็ดสีนี้

มันเป็นความโกรธและความรังเกียจที่ฮุ่ยฉีได้รวบรวมมาในระหว่างการทำภารกิจ

“ เยอะจริงๆ!” ซุยเฮ็งกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เขารู้สึกว่าแสงสีม่วงเพิ่มขึ้นมาถึง 50% และแสงสีดำก็เพิ่มขึ้นมาถึง 80% มันกำลังจะสว่างถึง 1.2 ฟุตแล้ว

“ เมื่อฉันได้กลายเป็นผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวและเริ่มดำเนินการตามแผนใหม่ ถึงเวลานั้นแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดก็คงจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน”

“ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็มีความรู้สึกว่าเมื่อแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดรอบแกนทองคำสูงถึงสามฟุต มันก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น”

ซุยเฮ็งตั้งตารอสิ่งนี้ แต่เขาก็ยังมีปัญหาอยู่ “ แล้วฉันจะรับแสงสีเหลืองให้มากขึ้นได้ยังไงล่ะเนี่ย”

ตามประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ความปรารถนาที่มีต่อเขาเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างเป็นแสงสีเหลืองได้

ความปรารถนานี้ไม่จำกัดเฉพาะตัณหา นอกจากนี้มันก็ยังมีความปรารถนาทางกายภาพ ความปรารถนาที่จะแสวงหาความรู้ ความปรารถนาที่จะแสวงหาเต๋า และอื่นๆ มันอาจเป็นเพราะความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของผู้คนนั้นเอาแต่ใจตัวเองเกินไป และในบางกรณีเท่านั้น มันถึงจะชี้มาที่เขา ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงมีสถานการณ์น้อยมากที่เขาจะสามารถรวบรวมได้

“ ถ้าฉันหน้าด้านพอ ฉันก็อาจจะไปซ่องนางโลมเพื่อเก็บเกี่ยวจากพวกเธอได้ ด้วยรูปลักษณ์และนิสัยใจคอของฉัน ฉันก็น่าจะสามารถทำให้พวกเธอพัฒนาความต้องการทางเพศได้อย่างไม่ยากนัก”

ซุยเฮ็งเริ่มคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นสมบูรณ์ รูปร่างหน้าตาและเรือนร่างของเขาก็สมบูรณ์แบบมาก เขาอยู่เหนือกว่ามาตรฐานความงามของคนส่วนใหญ่ และออร่าของเขาก็ไร้ที่ติยิ่งกว่าใคร ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเป็นตัวแทนของแรงดึงดูดที่อันตรายถึงชีวิตสำหรับหญิงสาว

หากเขาไปซ่องนางโลม เขาก็จะต้องทำให้ผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วนตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มันก็มีผู้หญิงไม่มากนักในซ่องและพวกเธอก็มักจะไม่มีวรยุทธ์ใดๆ ดังนั้นเขาจึงอาจจะต้องเก็บเกี่ยวมันจากผู้หญิงหลายล้านคนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

แล้วใครจะทนได้?

ที่จริงมันก็ยังมีอีกวิธีที่ไร้ยางอายกว่านี้

มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เพศหญิงทั่วไปจะสามารถต้านทานเสน่ห์ของผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำได้

ตราบใดที่เขาไม่ยับยั้งออร่าของเขาและปล่อยมันออกมาอย่างเต็มที่ เขาก็จะสามารถทำให้ทุกคนหลงใหลในตัวเขาได้อย่างง่ายดาย

และมันก็จะง่ายมากที่จะรวบรวมแสงสีเหลือง

“ มันง่ายมากที่จะรวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ดจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเองว่า “ ถ้าฉันใช้วิธีที่ชั่วร้ายเหล่านั้น แสงสีเหลืองก็จะง่ายที่สุดที่จะได้รับมา แต่แสงสีแดงและสีขาวก็จะยากกว่ามาก”

เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้เส้นทางนั้น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้เวลาและความพยายามมากกว่าแทน

“ ถ้าฉันตัดเรื่องวิธีการที่ชั่วร้ายออกไป วิธีที่ง่ายที่สุดในการรวบรวมแสงสีเหลืองก็น่าจะเป็นกระตุ้นความปรารถนาในความรู้และการแสวงหา”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซุยเฮ็งก็นึกถึงการแสดงออกของซูไป่ลู่และโจวหงอี้ในอดีต

“ ถ้าฉันเทศนาและแบ่งปันเคล็ดวิชายุทธ์ให้กับผู้อื่น แบบนั้นแล้วฉันจะสามารถรวบรวมแสงสีเหลืองมาจากพวกเขาได้ไหมนะ?”

เขาคิดว่าแนวคิดนี้น่าจะเป็นไปได้

ตัวเลือกแรกของเขาคือสำนักเซียนอรุณ นี่เป็นมรดกของเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นมันจึงเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับตำหนักเต๋าอี้ มันก็จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและโชคของพวกเขาเอง

“ นอกเหนือจากการถ่ายทอดเคล็ดวิชาแล้ว ถ้าฉันสามารถสร้างสมบัติหายากหรือสิ่งประดิษฐ์เซียนได้ มันก็อาจจะสามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้อื่นในการแสวงหาเต๋าได้ นอกจากนี้ มันก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือหลายคนได้ด้วย”

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของซุยเฮ็ง เขาก็ยิ้มขึ้นมาในทันที “ นี่เป็นวิธีการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว บังเอิญจริงๆ ที่ตอนนี้ฉันก็มีอีกสองอารมณ์ที่สว่างเกินฟุตแล้ว ฉันสามารถควบแน่นอัญมณีแห่งอารมณ์ได้อีกสองอัน”

หากเขาสร้างสมบัติล้ำค่าหรือสิ่งประดิษฐ์เซียนขึ้นมา เขาก็จะต้องวางอัญมณีแห่งอารมณ์เอาไว้ข้างในนั้น จากนั้นเขาก็จะสามารถรวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะทาง นี่เป็นแผนการเบื้องต้นสำหรับในตอนนี้

“ อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังคงต้องพิจารณาประเภทของสมบัติล้ำค่าหรือสิ่งประดิษฐ์เซียนที่ฉันจะสร้างอย่างรอบคอบ” ซุยเฮ็งตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งและคิดกับตัวเองว่า “ สมบัติประเภทใดที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการแข่งขันแย่งชิงกันมากที่สุด หรืออะไรที่ทำให้ผู้คนยอมที่จะต่อสู้กับเพื่อแย่งชิงมันขึ้นมา?”

แผนนี้เหมาะสำหรับการใช้หนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น เอฟเฟกต์ที่ดีที่สุดจะแสดงออกมาในครั้งแรกเท่านั้น ดังนั้นหากใช้มันหลายครั้งเกินไป มันก็คงจะไม่มีคนสนใจมันมากนักอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดเรื่องนี้ได้สักพัก ซุยเฮ็งก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับโลกนี้ยังคงน้อยเกินไป

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเรียกโจวหงอี้และซูเฟิงอันเข้ามา

ทั้งสองคนดูงงงวยเมื่อได้ยินคำถามของซุยเฮ็ง หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็ได้คำตอบ

พุทธคุณ!

ตั้งแต่สมัยโบราณ ตราบใดที่สมบัติประเภทนี้ปรากฏขึ้น มันก็จะทำให้โลกเกิดสงครามขึ้นได้ตลอด

ไม่ว่าจะเป็นสำนักยุทธ์หรือกองกำลังของราชสำนัก พวกเขาต่างก็ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มันมา

กล่าวกันว่าเมื่อ 500 ปีที่แล้ว พระธาตุของพระอรหันต์ได้ปรากฏขึ้นบนโลก มันสามารถช่วยให้วรยุทธ์ของคนๆ หนึ่งพัฒนาขึ้นได้อย่างมากและสามารถล้วงความลับของเซียนและเทพได้

และเมื่อทุกคนบนโลกได้ยินข่าว ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคน เจ้าสำนักโถงพุทธมามกะเป๋าหลินเองก็ระดมยอดฝีมือขอบเขตเทพทั้งหกเพื่อไปแย่งชิงมันมาเช่นกัน

“ แล้วถ้าพระธาตุครบชุดปรากฏขึ้นบนโลกนี้ล่ะ?” ซุยเฮ็งยิ้ม

“ ห้ะ!”

“ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?!”

โจวหงอี้และซูเฟิงอันมองหน้ากัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าซุยเฮ็งหมายถึงอะไร

“ เอาล่ะ ข้าอยากรู้แค่นี้แหละ” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

ในตอนนี้เขาได้แผนในใจแล้ว

เนื่องจากชาวพุทธต่างปรารถนาในวัตถุโบราณมาก ดังนั้นมันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะรวบรวมความปรารถนาจากพระสงฆ์เหล่านี้!

แม้ว่าซูเฟิงอันและโจวหงอี้จะสงสัยว่าเขาอยู่เบื้องหลังการปรากฏตัวของพระธาตุหรือไม่ แต่สิ่งนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการโดยรวม

….

ห้าวันต่อมา

เว่ยเซียงและเหรินหยวนคุยได้มาถึงภูเขาแสงทองในหยูโจวแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ขึ้นไปบนภูเขา พวกเขาก็ได้พบกับพระภิกษุรูปหล่อรูปหนึ่ง

“ อมิตาพุทธ” พระภิกษุหนุ่มพนมฝ่ามือไว้ด้วยกันและโค้งคำนับ

“ หลวงพี่ พวกเราคือ…” เว่ยเซียงก้าวไปข้างหน้าเพื่ออธิบายตัวตนของเขา

“ โปรดกลับไปซะ” จู่ๆ พระหนุ่มก็พูดขัดขึ้นมาในทันใด เขาส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “ อาตมารู้ว่าพวกโยมมาที่นี่ทำไม ดังนั้นแล้วกรุณากลับไปซะเถอะ”

“ นี่…”

เว่ยเซียงและเหรินหยวนคุยมองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี

คำพูดนับไม่ถ้วนที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้ติดค้างอยู่ในลำคอของพวกเขา...