ตอนที่ 451 : ศรวิญญาณ—อู๋ตู่!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่โจวโจวกำลังจะเดินออกมาจากวังของลอร์ด เขาก็เห็นร่างอันงดงามร่างหนึ่งรอเขาอยู่ที่ประตู

มันคือลู่ฉ่ายเอ๋อร์นั่นเอง

โจวโจวอึ้ง

ดวงตาของลู่ฉ่ายเอ๋อร์เปล่งประกายขึ้นมาเมื่อเธอเห็นเขา จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาหาเขาทันที

“ข้าไม่คิดเลยว่าทหารจะพูดถูก เจ้าตื่นเช้าจริงๆ ข้าคิดว่าข้าจะต้องรอไปอีกสักพักแล้ว”

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

โจวโจวถาม

ลู่ฉ่ายเอ๋อร์พยักหน้าและบอกเขาเกี่ยวกับการทะลวงระดับอย่างกะทันหันของเธอ นอกจากนี้เธอยังถามโจวโจวว่ามันเป็นเพราะดินแดนของเขาหรือไม่

โจวโจวคิดอยู่ชั่วขณะและคาดเดา

“ข้าว่าข้าพอจะรู้แล้ว ลองไปดูที่วัดบรรพบุรุษจักรพรรดิในดินแดนของข้าดู มันมีรูปปั้นบรรพบุรุษของพวกเราชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินตั้งอยู่ในนั้น และบรรพบุรุษคนหนึ่งของพวกเราก็มีชื่อว่าซุนซือเหมี่ยว”

“บัฟบรรพบุรุษของเขาคือการช่วยเหลือหมอในดินแดนของพวกเรา เมื่อทำการรักษาอาการเจ็บป่วยและช่วยเหลือผู้คน มันมีโอกาสที่พวกเขาจะเข้าใจทฤษฎีทางการแพทย์มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทะลวงระดับถึง 10% เหตุผลที่จู่ๆ เจ้าก็สามารถเข้าใจความรู้ทางการแพทย์และทะลวงระดับได้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษผู้นี้แหละ”

โจวโจวอธิบายอย่างใจเย็น

พวกเขาสองคนเพิ่งตื่นขึ้นและยังควรทำความคุ้นเคยกับความสามารถผู้กล้าของพวกเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรีบนัก เขาสามารถไขข้อสงสัยของลู่ฉ่ายเอ๋อร์ให้เธอฟังก่อนได้

“เข้าใจแล้ว ข้าคิดว่ามันมีอะไรผิดปกติกับการทะลวงระดับของข้าซะอีก…”

ลู่ฉ่ายเอ๋อร์พูดออกมา

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำความเคารพกับบรรพบุรุษซุนซือเหมี่ยวดู

แม้ว่าบรรพบุรุษมนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะไม่ใช่บรรพบุรุษของเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเธอและช่วยคลายข้อสงสัยบางอย่างให้กับเธอได้ เขาอาจเรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ของเธอเลยก็ได้

แม้ว่าลู่ฉ่ายเอ๋อร์จะมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่เธอก็ได้รับการสอนตั้งแต่ยังเด็กให้เคารพอาจารย์ของเธอ ซึ่งเธอก็ยังคงปฏิบัติตามมารยาทพื้นฐานนี้อยู่เสมอ

“เจ้าจะไปไหนเหรอ?”

จากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันต่อสักพัก และลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

โจวโจวไม่ได้ปิดบังอะไรเธอที่ในตอนนี้เป็นลูกน้องของเขาแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องอู๋ตู่และลั่วเซิงให้เธอฟัง

ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ตกใจ

“ผู้กล้าสองคนเหรอ?!”

สถานะของอาจารย์ของเธอไม่ได้ต่ำต้อยเลยในเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงเคยเจอกับผู้กล้ามากมายหลายคนนับตั้งแต่เธอยังเด็ก และเธอก็กลายเป็นผู้กล้าด้วยเมื่อเธอเติบโตขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าผู้กล้านั้นเหมือนกับคนธรรมดาเลย

ในทางตรงกันข้าม ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เธอเข้าใจความหมายของการมีผู้กล้าคนใหม่อีกสองคนมากยิ่งขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ เท่าที่เธอรู้ มันยังมีผู้กล้าอีกมากกว่า 2 คนในดินแดนแห่งนี้

และตอนนี้ก็มีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คนเหรอ?!

“ข้าคิดว่าข้าได้เข้าร่วมดินแดนที่สุดยอดเข้าซะแล้วสิ”

ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ประหลาดใจ

“โจวโจว มันมีผู้กล้าอยู่กี่คนในดินแดนของเจ้างั้นเหรอ?”

เธออดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้

“เจ็ดคนรวมเจ้าด้วย”

โจวโจวคิดอยู่ชั่วขณะและตอบ

ราชามังกรลาวาหายนะเนซาริโอ้ เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตไป่อี้ แม่ทัพหอกอาชามังกรอู๋ซิน จักรพรรดิผู้พิชิตสิบทิศเฟิงลั่ว แพทย์โอสถเทวะอมตะลู่ฉ่ายเอ๋อร์ ศรวิญญาณอู๋ตู่ และแม่ทัพเทพภูตผีลั่วเซิง!

นี่ยังไม่รวมถึงมรดกผู้กล้าที่ยังไม่ได้ไปรับจากวิหารอัศวิน มิฉะนั้นมันก็คงจะมีผู้กล้าแปดคนแล้ว

ลู่ฉ่ายเอ๋อร์อ้าปากค้าง

ผู้กล้าเจ็ดคน?!

นี่มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าฝ่ายระดับอาณาจักรอันเก่าแก่หลายฝ่ายเลย

โจวโจวมองไปยังเด็กสาวตรงหน้าของเขาและคาดเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่บอกว่าเขากำลังจะไปหาผู้กล้าคนใหม่ทั้งสองคนนี้ก็เท่านั้น

เมื่อลู่ฉ่ายเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ เธอก็บอกว่าเธอจะไปด้วย

โจวโจวไม่ได้ปฏิเสธอะไร

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปยังที่พักของอู๋ตู่

ทหารเฝ้าสถานที่นี้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารบกวนความเป็นอยู่ภายใน

ทหารเหล่านี้คอยคุ้มกันคนที่อยู่ด้านในนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้รับคำสั่งมาเมื่อคืน

ในเวลานั้นเอง พวกเขาก็เห็นท่านลอร์ดเดินเข้ามาพร้อมกับหมอที่อยู่ข้างๆ เขาซึ่งช่วยพี่น้องของพวกเขาไปมากมายเมื่อวาน

“คาราวะท่านลอร์ด! คาราวะท่านแพทย์เทวะ!”

ทหารพูดออกมา

โจวโจวกับลู่ฉ่ายเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า

เอี๊ยด…

ประตูเปิดออกในทันใด จากนั้นอู๋ตู่และลั่วเซิงก็เดินออกมาและก้มหัวแสดงความเคารพให้กับโจวโจว

“คาราวะท่านลอร์ด!”

หลังจากทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงออร่าของท่านลอร์ด พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีก่อนที่จะมีเวลาได้ตรวจสอบความสามารถของผู้กล้าของพวกเขา

“ลุกขึ้นเถอะ”

โจวโจวยิ้มและรู้สึกได้ถึงออร่าที่แผ่ออกมาจากคนทั้งคู่

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าออร่าที่แผ่ออกมาจากคนทั้งคู่ค่อนข้างสมบูรณ์และทรงพลังมากเลย นอกจากนี้พวกเขายังแผ่แรงกดดันสะกดข่มของผู้กล้าออกมาด้วย

อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมแรงกดดันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้สัมผัสกับสิ่งนี้และไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันเท่าไร

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งคู่จะได้รับมรดกผู้กล้ามาโดยสมบูรณ์แล้วสินะ”

โจวโจวยิ้ม

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านลอร์ดขอรับ!”

ทั้งสองคนระงับความตื่นเต้นและพูดด้วยความเคารพ

เมื่อทหารที่ดูแลโดยรอบได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็มองทั้งสองคนอย่างอิจฉาทันที

พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

คนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาได้รับมรดกผู้กล้าอันล้ำค่าเพราะพวกเขาได้รับการยอมรับจากท่านลอร์ด

แต่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าอิจฉาที่สุด สิ่งที่ทำให้พวกเขาอิจฉาที่สุดก็คือพวกเขาเป็นคนที่อายุน้อยมาก คนหนึ่งได้รับมรดกผู้กล้ามาจากท่านลอร์ดเพราะเขาติดตามท่านลอร์ดมานานแล้วและได้สร้างผลงานไว้มากมาย

ส่วนอีกคนก็ได้รับมรดกผู้กล้ามาจากระบบความดีความชอบของทหาร ลั่วเซิงผู้นี้ได้รับมรดกผู้กล้าภายใต้การแข่งขันที่ยุติธรรม ซึ่งมันก็ทำให้หลายๆ คนอิจฉามาก

ชาวเมืองตะวันสาดแสงย่อมไม่คัดค้านการที่ลอร์ดแจกจ่ายมรดกผู้กล้าเช่นนี้ กลับกัน พวกเขาเคารพลอร์ดของตนมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ

ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปจื้อเกาต่างก็รู้ดีว่ามรดกผู้กล้านั้นล้ำค่าแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ลอร์ดของพวกเขาก็ยังยินดีที่จะแจกจ่ายพวกมันอย่างยุติธรรม มันจะเห็นได้ว่าท่านลอร์ดของพวกเขาปฏิบัติต่อพวกเขาดีแค่ไหน

ในเวลาเดียวกัน โจวโจวก็ยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา จากนั้นเขาก็มองดูข้อมูลของอีกฝ่าย

[ลูกน้อง: อู๋ตู่ (ผู้กล้า)]

[สมญานามผู้กล้า: ศรวิญญาณ]

[ระดับโชคชะตา: โชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์]

[ดินแดน: เมืองตะวันสาดแสง]

[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับเพชรขั้นต้น]

[ความสามารถโดยรวม: เขามีพรสวรรค์ ‘ความทรงจำแบบภาพ’ นับตั้งแต่เขายังเด็ก เขาสามารถบันทึกภาพทิวทัศน์ที่เขาเห็นด้วยพู่กันได้ เขาเริ่มเข้าร่วมกับกองทัพและกลายเป็นนักทำแผนที่ทหารเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ต่อมา เขาได้เข้าร่วมกับดินแดนตะวันสาดแสงและกลายเป็นนักทำแผนที่ที่เจ้าตะวันสาดแสงให้คุณค่า เขาได้สร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับการพิชิตดินแดนของเจ้าตะวันสาดแสงและได้รับมรดกผู้กล้า จนได้กลายเป็นศรวิญญาณในตำนาน!]

[สายเลือด: สายเลือดมนุษย์ (ระดับทองคำเหลืองขั้นกลาง) (100%)]

[ทักษะ: พรสวรรค์–ความทรงจำภาพ, ทักษะผู้กล้า–ศรหัวใจฟ้าดิน, ทักษะผู้กล้า–ศรผนึกวิญญาณ, ทักษะระดับมหากาพย์ขั้นกลางประเภทเติบโต–ศรเงาทะยานฟ้า, ทักษะการสร้างแผนที่ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, การรับรู้ภูมิประเทศระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, การรับรู้มอนสเตอร์ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, การรับรู้สมุนไพรระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง, การรับรู้เหมืองแร่ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง…]

[ความภักดี: 100 (ภักดีจนตาย)]

[ศักยภาพ: ระดับมหากาพย์ขั้นสูง]

[ประวัติผู้กล้า: 1. เขาสำรวจดินแดนของศัตรูไปมากมายและสร้างผลงานไว้นับไม่ถ้วนก่อนที่จะกลายเป็นผู้กล้า เขาเป็นดาบอันคมกริบในมือของเจ้าตะวันสาดแสง ทำให้มอนสเตอร์แห่งหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนและผู้คนจากต่างเผ่าพันธุ์ต้องเกรงกลัวเขา! ชื่อเสียงประจำตัวของผู้กล้า +1 ชื่อเสียงประจำเผ่าพันธุ์มนุษย์ +100! 2. ภายใต้ความเมตตาของเจ้าตะวันสาดแสง เขาจึงได้รับมรดกผู้กล้าของศรวิญญาณและกลายเป็นศรวิญญาณรุ่นที่สี่! ชื่อเสียงประจำตัวของผู้กล้า +1 ชื่อเสียงประจำเผ่าพันธุ์มนุษย์ +1,000 ชื่อเสียงประจำทวีปจื้อเกา +5!]