อัญมณีธาตุพื้นฐานเป็นทรัพยากรแร่ระดับสูงสุดที่เขาเคยสัมผัสมาในตอนนี้
ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้แกนหมอกไปเป็นจำนวนมากเพื่อรวบรวมอัญมณีธาตุพื้นฐาน 40,000 หน่วยเพื่อมาสร้างสิ่งปลูกสร้างพิเศษระดับเพชรขั้นกลางอย่างรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิต
แต่การ์ดใบนี้สามารถมอบอัญมณีธาตุระดับพื้นฐานให้กับเขาได้ถึง 5 ล้านหน่วยทันที
เมื่อรวมกับทรัพยากรการก่อสร้างที่สอดคล้องกันและพิมพ์เขียวรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิต เขาก็สามารถสร้างรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิตได้ถึง 125 อันเลย!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้
สมรภูมิสุดท้ายช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและโอกาสจริงๆ
เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน แต่เขากลับได้รับโอกาสครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับตำแหน่งลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การเดินทางมายังสมรภูมิสุดท้ายก็คุ้มค่าแล้ว
เขาสงบสติอารมณ์ลงและมองไปยังคัมภีร์ระดับมหากาพย์
[คัมภีร์เวทมนตร์: พายุมรณะ]
[ระดับ: ระดับมหากาพย์ขั้นสูง]
[เอฟเฟกต์: อัดพลังงานเข้าไปในคัมภีร์และอัญเชิญพายุมรณะออกมา พายุมรณะจะทำให้เกิดการกลืนกินอย่างบ้าคลั่งต่อทุกสิ่งในระยะหนึ่งกิโลเมตร มันสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับตำนานได้ มันจะพเนจรไปตามความปรารถนาของผู้ใช้จนกว่าพลังงานในพายุมรณะจะหมดลง]
[รายละเอียด: สร้างขึ้นจากนักเวทระดับตำนาน ในภายหลัง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับอีกฝ่าย ถุงมิติของอีกฝ่ายก็ได้กระจัดกระจายออกไปก่อนที่เขาจะตาย สมบัติและไอเท็มภายในนั้นได้กระจัดกระจายไปทั่วด้วยความปั่นป่วนของมิติ มันมีสมบัติจำนวนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงหลังจากผ่านไปนาน แต่ก็มีเป็นจำนวนมากที่ยังล่องลอยอยู่ในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดของความว่างเปล่า]
“มันบันทึกคาถาระดับมหากาพย์ขั้นสูงไว้งั้นเหรอ?”
โจวโจวมองดูคัมภีร์เวทมนตร์นี้ด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเขาอ่านจบ เขาก็ต้องขมวดคิ้ว
มันเป็นเวทมนตร์ที่โจมตีอย่างไม่เลือกหน้า งั้นเวทมนตร์นี้ก็เหมือนดาบสองคม ถ้าเขาใช้ให้ดี เขาก็อาจจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แม้แต่ตัวเองยังต้องตกตะลึงได้
แต่ถ้าเขาใช้มันแบบผิดๆ บางทีแม้แต่เขาเองก็อาจจะย่อยยับไปด้วย
หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็เก็บมันไป
“ไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน”
สุดท้ายสายตาของเขาก็มองไปยังคริสตัลสีเลือดสองอัน
เขาควบคุมหยดเลือดสีทอง 2 หยดให้หยดลงไปที่พวกมันแต่ละอัน
จากนั้นคริสตัลโลหิตสุดท้ายทั้งสองก็ค่อยๆ หลอมละลายและกลายร่างอย่างช้าๆ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นเครื่องรางทองคำและตราสีเลือด
โจวโจวมองไปยังเครื่องรางทองคำก่อน
[ไอเท็มสุดท้าย: เครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้น]
[เอฟเฟกต์: เมื่อสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้นตายในสมรภูมิสุดท้าย ผู้ถือครองจะฟื้นคืนชีพในทันที]
[รายละเอียด: ไอเท็มชุบชีวิตที่หาได้ยากยิ่งบนสมรภูมิสุดท้าย มันเป็นที่ต้องการของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในสมรภูมิสุดท้าย]
[หมายเหตุ: ไอเท็มนี้สามารถใช้ได้บนสมรภูมิสุดท้ายเท่านั้น หลังจากออกจากสมรภูมิสุดท้าย ไอเท็มชิ้นนี้จะสูญเสียความสามารถไปในทันที]
“โคตรดี!”
โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะมีแครอลและสาวกคนอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญในคาถาชุบชีวิตขั้นต้นและขั้นสูง แต่ใครจะบ่นล่ะถ้าจะมีวิธีการรักษาชีวิตเพิ่ม?
แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้มัน แต่เขาก็สามารถใช้มันแลกเปลี่ยนหรือมอบมันให้กับสหายของเขาได้
นอกจากนี้ เขายังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาด้วยว่าพรสวรรค์แห่งลอร์ดนั้นเกิดขึ้นมาเพราะลอร์ด ดังนั้นเมื่อลอร์ดตาย พรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขาก็อาจจะหายไปด้วย
โจวโจวไม่อาจรับประกันมันได้ว่าถ้าวันหนึ่ง จู่ๆ เขาถูกลอบสังหาร แครอลและสาวกของที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตจะหายไปพร้อมกันไหม?
เพราะยังไงเขาก็ไม่เคยลองและไม่กล้าลองด้วย
แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้นนี้ก็จะสำคัญมาก
นอกจากนี้ เขาก็ต้องให้ความสนใจกับการหาวิธีชุบชีวิตอื่นๆ ในอนาคตเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเอาไว้
ยกตัวอย่างเช่นคัมภีร์ต้านมรณะ
จากนั้นเขาก็มองไปยังไอเท็มชิ้นสุดท้าย
[ไอเท็มสุดท้าย: ตราตำแหน่งชีวิต]
[เอฟเฟกต์: เมื่อใช้เลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิตเป็นสื่อกลาง ท่านจะสามารถทราบตำแหน่งปัจจุบันของสิ่งมีชีวิตนั้นได้ไม่ว่ามันจะอยู่ห่างออกไปแค่ไหนก็ตาม ท่านยังสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อค้นหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ด้วย]
[รายละเอียด: เครื่องมือติดตามที่มีเอฟเฟกต์อันโดดเด่น มันจะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจินตนาการและความแข็งแกร่งของผู้ใช้]
“นี่ก็ดีเหมือนกัน”
โจวโจวมองดูรายละเอียดของมันอย่างใช้ความคิด
เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับมันและเก็บมันไป
สิ่งนี้คงจะเป็นประโยชน์มากๆ ในอนาคต
จากนั้นเขาก็เปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นมา และส่งข้อความไปหาหลิงเอ๋อร์
[เจ้าตะวันสาดแสง: เธออยู่ในสมรภูมิสุดท้ายหรือยัง? เธอเจออันตรายอะไรไหม?]
ในไม่ช้าหลิงเอ๋อร์ก็ตอบกลับมา
[เจ้าโอสถวิญญาณ: เข้ามาแล้วค่ะพี่ ฮี่ๆ หนูยังไม่เจออันตรายอะไรเลย ตอนนี้หนูกำลังเดินทัพไปเรื่อยๆ อยู่]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: ไม่ต้องห่วงนะพี่ หลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ไม่ใช่หลิงเอ๋อร์ในอดีตแล้ว ตราบใดที่หนูไม่เจอลอร์ดที่ทรงพลัง หนูก็สามารถรับมือได้แน่ๆ]
โจวโจวพยักหน้าและผ่อนคลายลงเล็กน้อย
อืม เขาได้มอบใบเปลี่ยนอาชีพวิญญาณวายุคลั่งให้กับอีกฝ่ายไปแล้ว
หลิงเอ๋อร์ยังได้ใช้โอกาสนี้เพื่อบ่มเพาะกองทัพวิญญาณวายุคลั่งนับพันคน เธอกระทั่งใช้กองทัพวิญญาณวายุคลั่งนี้เพื่อไต่อันดับบนสมรภูมิแห่งลอร์ดขึ้นมาจนถึงอันดับแพลตตินั่มขาวแล้วด้วย
ระดับนี้ถือได้ว่าทรงพลังมากแล้วในบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์!
เว้นเสียแต่ว่าหลิงเอ๋อร์จะโชคไม่ดีและเจอกับลอร์ดที่แข็งแกร่งมากๆ มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
อย่างที่หลิงเอ๋อร์ได้กล่าวไป เธอไม่ใช่สาวน้อยคนเดิมที่รู้จักแค่การขายสมุนไพรอีกแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ มันคงไม่มีปัญหาอะไรที่เธอจะบดขยี้ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินกว่า 80% ด้วยซ้ำ
ในเวลานั้นเอง เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาจึงพิมพ์บอกอีกฝ่ายไปว่า
[เจ้าตะวันสาดแสง: พาคนของเธอออกมาจากสมรภูมิสุดท้ายก่อน แล้วก็มาพบฉันที่ดินแดนของฉัน ฉันมีอะไรอยากจะยืนยันหน่อย]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: ได้ค่ะ]
หลิงเอ๋อร์ตกลงโดยไม่ลังเลและไม่ถามเลยด้วยซ้ำ
[เจ้าตะวันสาดแสง: โอเค]
หลังจากนั้นโจวโจวก็ยังไม่ได้กลับไปทันที แต่เขาใช้เวลาอีกสองสามนาทีเพื่อจัดแจงสิ่งต่างๆ ที่นี่และให้ทหารตั้งค่ายที่นี่เพื่อรอเขากลับมา
จากนั้นเขาก็เปิดฟังก์ชั่นสมรภูมิสุดท้ายขึ้นมาและกด ‘กลับไป’ จากนั้นเขาก็เลือกกลับไปเพียงลำพัง
[กระบวนการกลับ: 60, 59, 58…]
โจวโจวหายไปในทันใดเมื่อการนับถอยหลังหมดลง
…
ณ ค่ายทหารเมืองตะวันสาดแสง
โจวโจวปรากฏขึ้นในทันใด
เมื่อทหารที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนเห็นลอร์ดของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาก็ตกใจมากและรีบทำความเคารพ
โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ กลับกัน เขาได้ตรงไปยังค่ายกลข้ามมิติทันที
ค่ายกลข้ามมิตินี้เป็นค่ายกลข้ามมิติที่ปรากฏขึ้นหลังจากเขาทำสัญญาดินแดนบ่าวไพร่กับเมืองโอสถวิญญาณของหลิงเอ๋อร์
เมื่อโจวโจวมาถึง เขาก็เห็นหลิงเอ๋อร์และทหาร 50,000 คนที่อยู่ด้านหลังของเธอปรากฏขึ้นจากค่ายกลข้ามมิติแล้ว
“พี่!”
เมื่อเห็นโจวโจว หลิงเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันทีและกอดเอวของเขาเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองโจวโจว
“พี่ หนูคิดถึงพี่จัง”
โจวโจวยิ้มและพยักหน้า
หลังจากคุยกันสักพัก โจวโจวก็บอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเรียกเธอกลับมา
“ฉันอยากจะดูว่าลอร์ดและลูกน้องของดินแดนรองสามารถตามกองทัพของดินแดนหลักไปยังสมรภูมิสุดท้ายได้ไหม”
ถ้ามันทำได้ เขาก็อาจจะต้องเสนอการจัดตั้งพันธมิตรแห่งลอร์ดของเขาเข้าไปในวาระการประชุมโดยเร็วที่สุด