ตอนที่ 386 : เครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้นและตราตำแหน่งชีวิต!

อัญมณีธาตุพื้นฐานเป็นทรัพยากรแร่ระดับสูงสุดที่เขาเคยสัมผัสมาในตอนนี้

ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้แกนหมอกไปเป็นจำนวนมากเพื่อรวบรวมอัญมณีธาตุพื้นฐาน 40,000 หน่วยเพื่อมาสร้างสิ่งปลูกสร้างพิเศษระดับเพชรขั้นกลางอย่างรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิต

แต่การ์ดใบนี้สามารถมอบอัญมณีธาตุระดับพื้นฐานให้กับเขาได้ถึง 5 ล้านหน่วยทันที

เมื่อรวมกับทรัพยากรการก่อสร้างที่สอดคล้องกันและพิมพ์เขียวรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิต เขาก็สามารถสร้างรังจักรพรรดิต่อหยกโลหิตได้ถึง 125 อันเลย!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้

สมรภูมิสุดท้ายช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและโอกาสจริงๆ

เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน แต่เขากลับได้รับโอกาสครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว

ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับตำแหน่งลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การเดินทางมายังสมรภูมิสุดท้ายก็คุ้มค่าแล้ว

เขาสงบสติอารมณ์ลงและมองไปยังคัมภีร์ระดับมหากาพย์

[คัมภีร์เวทมนตร์: พายุมรณะ]

[ระดับ: ระดับมหากาพย์ขั้นสูง]

[เอฟเฟกต์: อัดพลังงานเข้าไปในคัมภีร์และอัญเชิญพายุมรณะออกมา พายุมรณะจะทำให้เกิดการกลืนกินอย่างบ้าคลั่งต่อทุกสิ่งในระยะหนึ่งกิโลเมตร มันสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับตำนานได้ มันจะพเนจรไปตามความปรารถนาของผู้ใช้จนกว่าพลังงานในพายุมรณะจะหมดลง]

[รายละเอียด: สร้างขึ้นจากนักเวทระดับตำนาน ในภายหลัง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับอีกฝ่าย ถุงมิติของอีกฝ่ายก็ได้กระจัดกระจายออกไปก่อนที่เขาจะตาย สมบัติและไอเท็มภายในนั้นได้กระจัดกระจายไปทั่วด้วยความปั่นป่วนของมิติ มันมีสมบัติจำนวนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงหลังจากผ่านไปนาน แต่ก็มีเป็นจำนวนมากที่ยังล่องลอยอยู่ในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดของความว่างเปล่า]

“มันบันทึกคาถาระดับมหากาพย์ขั้นสูงไว้งั้นเหรอ?”

โจวโจวมองดูคัมภีร์เวทมนตร์นี้ด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเขาอ่านจบ เขาก็ต้องขมวดคิ้ว

มันเป็นเวทมนตร์ที่โจมตีอย่างไม่เลือกหน้า งั้นเวทมนตร์นี้ก็เหมือนดาบสองคม ถ้าเขาใช้ให้ดี เขาก็อาจจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แม้แต่ตัวเองยังต้องตกตะลึงได้

แต่ถ้าเขาใช้มันแบบผิดๆ บางทีแม้แต่เขาเองก็อาจจะย่อยยับไปด้วย

หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็เก็บมันไป

“ไว้ค่อยคิดทีหลังละกัน”

สุดท้ายสายตาของเขาก็มองไปยังคริสตัลสีเลือดสองอัน

เขาควบคุมหยดเลือดสีทอง 2 หยดให้หยดลงไปที่พวกมันแต่ละอัน

จากนั้นคริสตัลโลหิตสุดท้ายทั้งสองก็ค่อยๆ หลอมละลายและกลายร่างอย่างช้าๆ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นเครื่องรางทองคำและตราสีเลือด

โจวโจวมองไปยังเครื่องรางทองคำก่อน

[ไอเท็มสุดท้าย: เครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้น]

[เอฟเฟกต์: เมื่อสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้นตายในสมรภูมิสุดท้าย ผู้ถือครองจะฟื้นคืนชีพในทันที]

[รายละเอียด: ไอเท็มชุบชีวิตที่หาได้ยากยิ่งบนสมรภูมิสุดท้าย มันเป็นที่ต้องการของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในสมรภูมิสุดท้าย]

[หมายเหตุ: ไอเท็มนี้สามารถใช้ได้บนสมรภูมิสุดท้ายเท่านั้น หลังจากออกจากสมรภูมิสุดท้าย ไอเท็มชิ้นนี้จะสูญเสียความสามารถไปในทันที]

“โคตรดี!”

โจวโจวพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะมีแครอลและสาวกคนอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญในคาถาชุบชีวิตขั้นต้นและขั้นสูง แต่ใครจะบ่นล่ะถ้าจะมีวิธีการรักษาชีวิตเพิ่ม?

แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้มัน แต่เขาก็สามารถใช้มันแลกเปลี่ยนหรือมอบมันให้กับสหายของเขาได้

นอกจากนี้ เขายังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาด้วยว่าพรสวรรค์แห่งลอร์ดนั้นเกิดขึ้นมาเพราะลอร์ด ดังนั้นเมื่อลอร์ดตาย พรสวรรค์แห่งลอร์ดของเขาก็อาจจะหายไปด้วย

โจวโจวไม่อาจรับประกันมันได้ว่าถ้าวันหนึ่ง จู่ๆ เขาถูกลอบสังหาร แครอลและสาวกของที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตจะหายไปพร้อมกันไหม?

เพราะยังไงเขาก็ไม่เคยลองและไม่กล้าลองด้วย

แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เครื่องรางคุ้มภัยขั้นต้นนี้ก็จะสำคัญมาก

นอกจากนี้ เขาก็ต้องให้ความสนใจกับการหาวิธีชุบชีวิตอื่นๆ ในอนาคตเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเอาไว้

ยกตัวอย่างเช่นคัมภีร์ต้านมรณะ

จากนั้นเขาก็มองไปยังไอเท็มชิ้นสุดท้าย

[ไอเท็มสุดท้าย: ตราตำแหน่งชีวิต]

[เอฟเฟกต์: เมื่อใช้เลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิตเป็นสื่อกลาง ท่านจะสามารถทราบตำแหน่งปัจจุบันของสิ่งมีชีวิตนั้นได้ไม่ว่ามันจะอยู่ห่างออกไปแค่ไหนก็ตาม ท่านยังสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อค้นหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ด้วย]

[รายละเอียด: เครื่องมือติดตามที่มีเอฟเฟกต์อันโดดเด่น มันจะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจินตนาการและความแข็งแกร่งของผู้ใช้]

“นี่ก็ดีเหมือนกัน”

โจวโจวมองดูรายละเอียดของมันอย่างใช้ความคิด

เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับมันและเก็บมันไป

สิ่งนี้คงจะเป็นประโยชน์มากๆ ในอนาคต

จากนั้นเขาก็เปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นมา และส่งข้อความไปหาหลิงเอ๋อร์

[เจ้าตะวันสาดแสง: เธออยู่ในสมรภูมิสุดท้ายหรือยัง? เธอเจออันตรายอะไรไหม?]

ในไม่ช้าหลิงเอ๋อร์ก็ตอบกลับมา

[เจ้าโอสถวิญญาณ: เข้ามาแล้วค่ะพี่ ฮี่ๆ หนูยังไม่เจออันตรายอะไรเลย ตอนนี้หนูกำลังเดินทัพไปเรื่อยๆ อยู่]

[เจ้าโอสถวิญญาณ: ไม่ต้องห่วงนะพี่ หลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ไม่ใช่หลิงเอ๋อร์ในอดีตแล้ว ตราบใดที่หนูไม่เจอลอร์ดที่ทรงพลัง หนูก็สามารถรับมือได้แน่ๆ]

โจวโจวพยักหน้าและผ่อนคลายลงเล็กน้อย

อืม เขาได้มอบใบเปลี่ยนอาชีพวิญญาณวายุคลั่งให้กับอีกฝ่ายไปแล้ว

หลิงเอ๋อร์ยังได้ใช้โอกาสนี้เพื่อบ่มเพาะกองทัพวิญญาณวายุคลั่งนับพันคน เธอกระทั่งใช้กองทัพวิญญาณวายุคลั่งนี้เพื่อไต่อันดับบนสมรภูมิแห่งลอร์ดขึ้นมาจนถึงอันดับแพลตตินั่มขาวแล้วด้วย

ระดับนี้ถือได้ว่าทรงพลังมากแล้วในบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์!

เว้นเสียแต่ว่าหลิงเอ๋อร์จะโชคไม่ดีและเจอกับลอร์ดที่แข็งแกร่งมากๆ มันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรในช่วงเวลาสั้นๆ นี้

อย่างที่หลิงเอ๋อร์ได้กล่าวไป เธอไม่ใช่สาวน้อยคนเดิมที่รู้จักแค่การขายสมุนไพรอีกแล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ มันคงไม่มีปัญหาอะไรที่เธอจะบดขยี้ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินกว่า 80% ด้วยซ้ำ

ในเวลานั้นเอง เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาจึงพิมพ์บอกอีกฝ่ายไปว่า

[เจ้าตะวันสาดแสง: พาคนของเธอออกมาจากสมรภูมิสุดท้ายก่อน แล้วก็มาพบฉันที่ดินแดนของฉัน ฉันมีอะไรอยากจะยืนยันหน่อย]

[เจ้าโอสถวิญญาณ: ได้ค่ะ]

หลิงเอ๋อร์ตกลงโดยไม่ลังเลและไม่ถามเลยด้วยซ้ำ

[เจ้าตะวันสาดแสง: โอเค]

หลังจากนั้นโจวโจวก็ยังไม่ได้กลับไปทันที แต่เขาใช้เวลาอีกสองสามนาทีเพื่อจัดแจงสิ่งต่างๆ ที่นี่และให้ทหารตั้งค่ายที่นี่เพื่อรอเขากลับมา

จากนั้นเขาก็เปิดฟังก์ชั่นสมรภูมิสุดท้ายขึ้นมาและกด ‘กลับไป’ จากนั้นเขาก็เลือกกลับไปเพียงลำพัง

[กระบวนการกลับ: 60, 59, 58…]

โจวโจวหายไปในทันใดเมื่อการนับถอยหลังหมดลง

ณ ค่ายทหารเมืองตะวันสาดแสง

โจวโจวปรากฏขึ้นในทันใด

เมื่อทหารที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนเห็นลอร์ดของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาก็ตกใจมากและรีบทำความเคารพ

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ กลับกัน เขาได้ตรงไปยังค่ายกลข้ามมิติทันที

ค่ายกลข้ามมิตินี้เป็นค่ายกลข้ามมิติที่ปรากฏขึ้นหลังจากเขาทำสัญญาดินแดนบ่าวไพร่กับเมืองโอสถวิญญาณของหลิงเอ๋อร์

เมื่อโจวโจวมาถึง เขาก็เห็นหลิงเอ๋อร์และทหาร 50,000 คนที่อยู่ด้านหลังของเธอปรากฏขึ้นจากค่ายกลข้ามมิติแล้ว

“พี่!”

เมื่อเห็นโจวโจว หลิงเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันทีและกอดเอวของเขาเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองโจวโจว

“พี่ หนูคิดถึงพี่จัง”

โจวโจวยิ้มและพยักหน้า

หลังจากคุยกันสักพัก โจวโจวก็บอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเรียกเธอกลับมา

“ฉันอยากจะดูว่าลอร์ดและลูกน้องของดินแดนรองสามารถตามกองทัพของดินแดนหลักไปยังสมรภูมิสุดท้ายได้ไหม”

ถ้ามันทำได้ เขาก็อาจจะต้องเสนอการจัดตั้งพันธมิตรแห่งลอร์ดของเขาเข้าไปในวาระการประชุมโดยเร็วที่สุด