ตอนที่ 286

บทที่ 286: ผิดหวัง

หมิงเจิน อารมณ์ดีหลังจากรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของ ดาวชงหยางเขาเดินออกจากแกนกลางของดาวเคราะห์และบินขึ้นไปบนท้องฟ้าของ ดาวซานโชว

เขามองลงไปที่ดาวเคราะห์ที่วุ่นวายนี้ซึ่งเต็มไปด้วยภัยพิบัติและความชั่วร้าย มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ และแสดงสีหน้าพึงพอใจ

ในขณะนี้ ราวกับว่ากระแสพลังงานแห่งความหายนะได้เปลี่ยนกลายเป็นพลังปราณลึกลับซึ่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและหลอมรวมเข้ากับ “หัวใจเต๋า” ในหน้าอกของเขา

“ ไม่เสียแรงที่ข้าทำงานหนักมาหลายร้อยปีเพื่อสร้างดาวเคราะห์ดวงนี้ขึ้นมา” หมิงเจินค่อนข้างภูมิใจ เขายิ้มและพูดว่า “ มันเยี่ยมมาก!”

“ในอีก 300 ถึง 500 ปี ข้าก็จะสามารถเก็บเกี่ยวดาวชงหยางได้อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ และภายในหนึ่งพันปี กายาเต๋าภัยพิบัติของข้าก็จะได้รับการขัดเกลา ในเวลานั้น ข้าก็จะเป็นผู้สร้างขอบเขตที่เจ็ด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”

วิธีการฝึกฝนของอาณาจักรราชันสุริยันนั้นแตกต่างจากเส้นทางการฝึกตนที่นี่ มันเริ่มต้นจากขอบเขตเทพลึกลับ

วิธีการที่เทพลึกลับจะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนทองนั้นแตกต่างออกไปจากคนปกติมาก

พวกเขาไม่ต้องการแก่นแท้เซียน

พวกเขาแค่นำเทวรูปธรรมมาหลอมรวมเข้ากับตัวพวกเขาแทน ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อทำให้เจตจำนงวิญญาณในร่างกายของพวกเขาตอบสนองกับพลังปราณบางอย่างของโลกภายนอกเพื่อประสานรูนเต๋าและปรับแต่งเมล็ดเต๋า

จากจุดนี้ คนๆ หนึ่งก็จะสามารถกลายเป็นเซียนทองได้

และชื่อที่ถูกต้องสำหรับขอบเขตที่ห้าก็คือ “กายาทองไร้เทียมทาน”

หลังจากฝึกตนสู่ขอบเขตเซียนทองแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือปล่อยให้เมล็ดเต๋านี้เติบโตขึ้นเป็นหัวใจเต๋า หัวใจเต๋านี้จะประกอบไปด้วยเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ มันทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเซียนอนันต์ทอง

เมื่อหัวใจเต๋าบรรลุความสมบูรณ์แบบและเปล่งแสงวิญญาณออกมา พวกเขาก็จะสามารถใช้รูนเต๋าที่มีอยู่ในหัวใจเต๋าเพื่อกลายเป็นปราชญ์ได้

“หนึ่งเดียว” นี่คือหัวใจเต๋า

แม้ว่าขอบเขตนี้จะได้เพิ่มแก่นแท้ชีวิตและความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมาอย่างมาก แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่ปัญหาจะเกิดขึ้นหากสะสมพลังไว้ในหัวใจเต๋าของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อไปจึงเป็นการชำระล้างหัวใจเต๋าของพวกเขา

ในเวลานี้ เคล็ดวิชาการฝึกตนที่แตกต่างกันก็จะต้องใช้วิธีการลับที่แตกต่างกัน

ตามข้อกำหนดเฉพาะของการฝึกตนของเขา เขาก็จะต้องกำจัดพลังในหัวใจเต๋าของเขาออกไปและปล่อยให้พลังปราณหลอมรวมเข้ากับหัวใจเต๋าของเขาอย่างแท้จริง นั่นจะเป็นจุดสูงสุดของขอบเขตที่หก

พวกเขาจะถูกเรียกว่าราชาปราชญ์หรือการดำรงอยู่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันก็คือขอบเขตในปัจจุบันของหมิงเจิน

นอกจากนี้ เขาก็ยังมาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตนี้แล้ว และหัวใจเต๋าของเขาก็สมบูรณ์แบบอย่างถึงที่สุดแล้ว

ต่อไปเขาก็แค่ต้องใช้หัวใจเต๋าเป็นรากฐานในการปรับแต่งกายาเต๋า จากนั้นเขาก็จะสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตที่เจ็ดของโลกเซียนและกลายเป็นผู้สร้างได้

เขาออกจากอาณาจักรราชันสุริยันและเดินทางผ่านโลกนับไม่ถ้วนมาเป็นเวลาเกือบ 2,000 ปีแล้ว เป้าหมายของเขาคือการรวบรวมปราณภัยพิบัติให้เพียงพอเพื่อปรับแต่งกายาเต๋าภัยพิบัติ

“ ดาวชงหยางไกลมากกว่าดาวซานโชว แต่ด้วยทั้งขนาดและความแข็งแกร่งของมัน มันก็จะทำให้ข้าได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน!” หมิงเจินบินออกมาจากดาวซานโชวอย่างมีความสุข

จากนั้นเขาก็ขับเรือเหาะของเขาตรงไปยังดาวชงหยาง

….

สถานการณ์ในสำนักมรณาเก้าสวรรค์นั้นวุ่นวายเล็กน้อย

ปรากฏการณ์เต๋าครั้งยิ่งใหญ่ได้จางหายไปแล้ว และการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนโลกก็ได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เจ้าสำนักของพวกเขาก็ยังไม่กลับมา

นอกจากนี้รูปปั้นในโถงบรรพชนก็เพิ่งจะแตกออกอย่างกะทันหัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกุคงลางไม่ดี

ในขณะนี้ เซียนอนันต์ทองที่เหลืออีก 20 คนของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็ได้มารวมตัวกันที่โถงบรรพชนพร้อมกับหัวหน้าสาขาต่างๆ อีก 11 คน

พวกเขามองไปที่รูปปั้นที่แตกร้าวและรู้สึกไม่ดี

“ ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะ…” ทันใดนั้นเซียนทองผู้อายุน้อยสุดก็พูดขึ้น

เขาเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักและยังอายุน้อยที่สุดในบรรดาทุกคนในปัจจุบัน เขาไม่เคยมีประสบการณ์กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน

“ หุบปาก!” เจ้าสำนักเซินถงตำหนิเขาอย่างรุนแรง “ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นไม่มีใครเทียบได้ และเขาก็ยังเป็นปราชญ์อีกด้วย เขาเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่และมีร่างกายที่ไม่มีวันตายและไม่สามารถทำลายได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่อะไรจะเกิดขึ้นกับเขา”

“ ศิษย์น้องอู๋ได้ไปที่เมืองลู่หลิงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์แล้ว เขาเคลื่อนไหวได้เร็วที่สุด และเขาก็น่าจะสามารถนำข้อมูลกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็จงอย่าตื่นตระหนก”

“ ถูกต้อง เราไม่ควรจะตื่นตระหนก!” เซียนอนันต์ทองอีกคนพยักหน้าและกล่าวเสริมว่า “ ท่านเจ้าสำนักพูดถูก พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นหาตัวจับได้ยาก แม้ว่าจะมีปราชญ์คนใหม่จริงๆ แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำอะไรกับผู้อาวุโสสูงสุดได้..”

บู้มมมม!

ในขณะนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกห้องโถงบรรพชน

ในเวลาเดียวกัน แสงสีเขียวก็พุ่งเข้าสู่โถงบรรพชนเหมือนสายฟ้า

จากนั้นแสงก็หายลับไปและร่างผอมบางก็ปรากฏขึ้น มันคือศิษย์น้องอู๋ที่ทุกคนกำลังรอคอย

“ ศิษย์น้องอู๋ เป็นอย่างไรบ้าง!”

“ ศิษย์น้องอู๋ สถานการณ์ในเมืองลู่หลิงเป็นอย่างไร? ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ที่ไหน?”

“ ศิษย์น้องอู๋ เกิดอะไรขึ้น? พูดอะไรสักอย่างสิ!”

กลุ่มของเซียนอนันต์ทองล้อมรอบเขาในทันทีและถามคำถามรัวๆ

อย่างไรก็ตาม ศิษย์น้องอู๋ก็ทำเพียงยืนอยู่บนจุดนั้นและตัวสั่น ใบหน้าของเขาซีดมาก และพลังปราณกับเลือดในร่างกายของเขาก็อ่อนแอมาก สถานะทั้งหมดของเขาดูผิดไปจากปกติมากและเขาก็ไม่สามารถตอบได้แม้แต่คำเดียว

“ หุบปาก!” เซินถงทนดูไม่ได้อีกต่อไปและหยุดทุกคน เขาเดินเข้ามาหาศิษย์น้องอู๋และตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เพื่อให้เขาสงบลง เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ ศิษย์น้องอู๋ เจ้ารู้เรื่องสถานการณ์ของผู้อาวุโสสูงสุดไหม?”

“ อ้ากก!” ศิษย์น้องอู๋กรีดลั่นในทันที ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นราวกับว่าเขาเปียกโชกไปด้วยสายฝน เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ ท่านเจ้าสำนัก… ข้า ข้าเพิ่งได้ยินข่าวนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดตายแล้ว!”

ทันทีที่เขาพูดมันออกมา ทุกอย่างก็เงียบลง

ในขณะนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงราวกับว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่า หลายคนถึงกับทรุดลงกับพื้นหลังจากได้ยินข่าวนี้ พวกเขาไม่มีท่าทางของเซียนอนันต์ทองเลย

แม้แต่เซินถงซึ่งดูสงบที่สุดในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขากลายเป็นสีซีด และดวงตาของเขาก็สั่นไหวด้วยความกลัวที่ไม่อาจปกปิดได

เว่ยเฉิงเป็นทุกอย่างของสำนักมรณาเก้าสวรรค์!

มันไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น

เพราะเว่ยเฉิง สำนักมรณาเก้าสวรรค์จึงเป็นสำนักที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอาณาจักรห้าทัศนะและเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในดาวชงหยาง

แต่กระนั้นสำนักมรณาเก้าสวรรค์ที่ไม่มีเว่ยเฉิงก็เป็ฯเหมือนกับสำนักทั่วไป

มันเป็นไปไม่ได้ที่เซียนอนันต์ทองจะรักษาสถานะในปัจจุบันของของสำนักเอาไว้ได้

ไม่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้เท่านั้น แต่พวกเขายังจะกลายเป็นเป้าหมายตัวอ้วนที่รอถูกแก้แค้นอีก!

เราเสร็จแล้ว!

ทุกอย่างจบลงแล้ว!

“ ทำไม.. ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น? ทำไมผู้อาวุโสสูงสุดถึงตายได้? นี่มันเป็นไปได้ยังไง!” เซินถงพึมพำกับตัวเอง “ เขาเป็นปราชญ์นะ เขาจะตายได้ยังไง?”

“ ท่านเจ้าสำนัก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเศร้าแล้ว ท่านเจ้าสำนักโปรดตัดสินใจตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย” ศิษย์น้องอู๋สงบลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ระบายอารมณ์ออกมา “ ผู้อาวุโสสูงสุดถูกสังหารลงโดยใครบางคน ท่านเข้าใจความหมายนี้ใช่ไหม?”

“ ถูกสังหาร…” เซินถงสะดุ้งตื่นในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ร่างกายของเขาสั่นเทาขณะที่เขาพูดด้วยเสียงสั่น “ นี่หมายความว่าสำนักมรณาเก้าสวรรค์จะต้องเผชิญหน้ากับหายนะเป็นลำดับต่อไป!”

อีกฝ่ายถึงกับฆ่าปราชญ์อย่างเว่ยเฉิงได้ แบบนี้แล้วเขาจะปล่อยสำนักมรณาเก้าสวรรค์รอดหลุดมือไปหรือไม่?

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!

“ ไม่ ไม่ เราจะไม่รอความตายอยู่ที่นี่” เซินถงมีความคิด เขามองไปรอบๆ และพูดว่า “ ทุกคน ลองคิดดูให้ดี บางทียอดฝีมือคนนั้นอาจจะมีความแค้นแค่ต่อผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น?”

“ และถ้านั่นคือทั้งหมด เราก็อาจยังพอมีทางออก ข้าวางแผนที่จะยอมจำนนและมอบทุกสิ่งของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ให้กับยอดฝีมือคนนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของพวกเรา พวกเจ้าว่ายังไง?”

หลังจากพูดจบ เขาก็เตรียมพร้อมที่จะถูกด่าทอ ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก เขาก็กลับแนะนำให้พวกเขายอมจำนนและเอาชีวิตรอด แต่ถึงอย่างนั้น...

“ เราเห็นด้วย”

“ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น”

“ มันควรจะเป็นแบบนั้นจริงๆ…”

ในความเป็นจริงแล้ว เสียงของพวกเขาสอดคล้องกับเซินถง

สถานการณ์นี้ทำให้เซินถงตกตะลึง ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

มันไร้สาระเกินไป!

ในท้ายที่สุด เซินถงก็พูดต่อว่า “ นั่นคือทั้งหมด ตราบใดที่ยอดฝีมือคนนั้นส่งคนมา ไม่ว่าทัศนคติของพวกเขาจะเป็นอย่างไรหรือเป้าหมายของพวกเขาจะคืออะไร เราก็จะให้ทุกคนคุกเข่าต้อนรับพวกเขาในทันที!”

….

เป่ยฉิงซูมีความสุขมาก

ก่อนที่เขาจะมา เขาก็ได้ค้นพบแล้วว่าสำนักมรณาเก้าสวรรค์นั้นทรงพลังอย่างมาก มันมีเซียนอนันต์ทองมากกว่ายี่สิบคน

“ เห้อ ในที่สุดข้าก็จะได้สู้สมใจแล้ว” เป่ยฉิงซูเหยียดนิ้วทั้งสิบของเขาในขณะที่เขาบินและมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง

หลังจากฝึกฝนกายาเต๋ายุทธ์ เขาก็กลายเป็นคนคลั่งการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากดาวเทียนจู เขาก็ไม่ได้ต่อสู้อะไรอีกเลย และในครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็ได้คว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเป่ยฉิงซูมาถึงหน้าสำนักมรณาเก้าสวรรค์และกำลังจะแสดงทักษะของเขาเพื่อยืดคลายกล้ามเนื้อ เขาก็เห็นชายวัยกลางคนนำศิษย์หลายคนออกมาต้อนรับเขา

พวกเขาถึงกับคุกเข่ารอต้อนรับเขา!

เซินถงคุกเข่าลงต่อหน้าเป่ยฉิงซูด้วยความเคารพอย่างสูงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัด “ เจ้าสำนักเซินถงแห่งสำนักมรณาเก้าสวรรค์ขอน้อมคารวะท่านทูตขององค์ประมุขเซียนผู้สูงส่ง เราไม่มีเจตนาที่จะไม่เคารพต่อท่านประมุขเซียนผู้สูงส่ง เรายินดีที่จะยอมจำนนเพื่อขอการให้อภัยจากท่าน!”

“ นี่…” เป่ยฉิงซูตกตะลึง0

เขามองลงไปที่กลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขาด้วยความงุนงง เขาโกรธจนตัวสั่นไปหมด ความคาดหวังของเขากลายเป็นความว่างเปล่าในทันที

ห่าเหวอะไรวะเนี่ย?

พวกเขาคุกเข่าลงรอเลยอย่างงั้นหรอ?!

สู้ก่อนไม่ได้รึไง!

….

ในเมืองลู่หลิง

ซุยเฮ็งไม่รู้เกี่ยวกับประสบการณ์อัน “น่าเศร้า” ของเป่ยฉิงซู

หลังจากสถานการณ์ในเมืองสงบลง เขาก็สั่งให้จูคังเซิงมาที่บ้านของเขา

มันมีข้อมูลมากมายในสมองของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยอีกฝ่ายไปได้

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร?” จูคังเซิงให้ความเคารพเป็นอย่างมาก

“ เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่?” ซุยเฮ็งถามโดยตรงและหยิบกุญแจแปลกๆ ออกมา “ สิ่งนี้ปรากฎออกมาในตอนที่ข้าทำลายร่มพันกาฬโรคลง”