ตอนที่ 253 เรือเหาะเวทย์มนต์กับจาลึกล่องลอย

หลิน ยู ที่กลับมายังดินแดนได้ไม่นาน เขาก็ไปยังแท่นเพื่อเทเลพอร์ตไปยังเมืองหลักปีกนางฟ้า

ในเวลานี้ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์แล้วนับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่าง 2 โลก

เป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เกิดสงครามขึ้น ทำให้มีราชันระดับ 6 จำนวนมากในเมือง ซึ่งทำให้เมืองหลักมีชีวิตชีวาอย่างมาก

เดินถนนสายหลักมีเสียงพูดคุยที่คุ้นเคยดังไปทั่วทุกที่

ในบางครั้ง จะเห็นว่ามีราชันหลายคนที่วิ่งไปยังห้องโถงภารกิจหรือไม่ก็รีบออกไปยังนอกเมือง

ราวกับว่าสงครามระหว่าง 2 โลกนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากนัก

ระหว่างทาง เขายังได้ยินการสนทนามากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของโลกหยวนซา

"ข้าได้ยินมาว่าเมืองหลักแห่งใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นในโลกหยวนซา แม้แต่ด่านตรวจก็ยังได้รับซ่อมแซมขึ้นมาใหม่"

"ข้ายังได้ยินมาอีกด้วยว่าเพื่อป้องกันบุกเข้ามาพวกเขาจึงได้ให้ราชันระดับ 10 มาป้องกันด่านตรวจเป็นพิเศษเลย"

"ฮ่าๆ พวกมันคงจะหวาดกลัวที่เราทุบตีไปเมื่อครั้งที่แล้วใช่ไหม?"

"ไม่ใช่ ครั้งที่แล้วเป็นเพราะพวกเขาต้องการซื้อเวลา พวกเขาร่วมมือกับราชันแห่งโลกจิตวิญญาณแท้จริงเพื่อล่อเราให้ตกหลุมพราง โชคดีที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเราไหวตัวทัน"

เหล่าราชันที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

หลังจากถูกโลกหยวนซา โจมตีครั้งแล้วครั้งเหล่า ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้เอาคืน ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขานั้นมีความสุขแค่ไหน

หลังจากที่หัวเราะ อีกคนก็ได้พูดขึ้น "ว่ากันว่าสาเหตุที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่รู้เรื่องแผนการของโลกหยวนซานี้ เป็นเพราะมีราชันบางส่วนแอบเข้าไปในค่ายหลักของเมืองหยวนซาและได้ยินแผนนี้เข้า"

"แอบเข้าไปยังค่ายหลักของศัตรู?"

"ข้าอาจจะคิดมากเกินไป แต่ที่นั้นค่ายหลักของโลกหยวนซา ข้าว่ามันต้องมีราชันระดับ 11 ประจำการอยู่อย่างแน่นอน!"

"จุ๊ จุ๊ จุ๊ ข่าวของเจ้ามันล้าสมัยไปแล้ว ราชันคนนั้นแอบเข้าไปที่ไหนกัน เขาสังหารเข้าไปยังค่ายหลักของโลกหยวนซาโดยตรงเลยต่างหาก!"

"เขาสังหารอย่างดุเดือด ว่ากันว่ามีราชันระดับ 11 2 คนของโลกหยวนซาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะตายเพราะเขา"

การสนทนาของราชันเหล่านั้นดังขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มที่ค่อยๆพัฒนาไปสู่การทะเลาะกัน

อีกด้านหนึ่ง หลิน ยู ที่ได้ฟังโดยบังเอิญไม่ต้องบอกว่าการแสดงออกของเขาแปลกประหลาดแค่ไหน

คนที่แอบเข้าไปยังค่ายหลักของโลกหยวนซาและนำข่าวกับมาดูเหมือนจะเป็นเขาใช่ไหมนะ

แต่เมื่อไรกันที่เขาเข้าไปสังหารราชันระดับ 11 ในค่ายหลักของโลกหยวนซา?

ข่าวลือนี้เกินจริงไปมาก

หากเขาทำได้ เขาหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นจริงซักวัน

ด้วยสิ่งนี้ทำไมต้องถึงต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของเขากันละ?

เพียงแค่เข้าไปสังหารตรงๆก็ได้แล้ว

น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้า

เขาส่ายศรีษะอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้สนใจการสนทนาเหล่านั้นอีกเดินเข้าไปท่างกลางฝูงชน

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงด้านนอกห้องโถงภารกิจ หลังจากที่หายไปนาน

มันเหมือนกับตอนที่เขามาเยือนครั้ง

ห้องโถงยังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากดูมีชีวิตชีวามาก

มีราชันแตะผู้ฝึกตน เข้าออกอย่างต่อเนื่อง

หลิน ยู เดินเข้าไปในประตู มุ่งหน้าไปยังจุดแลกเปลี่ยน

จากความทรงจำของเขา เขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนหาพิมพ์เขียวที่ต้องการค้นหาทีละหน้า

จนกระทั่งเข้าพลิกไป 7-8 หน้า ในที่สุดเขาก็พบของเขาที่เขามองหามันอยู่มุมล่างสุด

อู่เรือเหาะ!

สำหรับเรือเหาะ!

นี้ไม่ใช่อาคารที่เขาต้องการงั้นเหรอ

นี้เป็นเพียงอาคารระดับ 1 เท่านั้น สามารถรองรับสัตว์พาหนะและเรือเหาะจำนวนมากได้ แถมยังเพิ่มความเร็วในการบินได้อีกด้วย เป็นอาคารที่ดีจริงๆ

หลิน ยู ดีใจอย่างมากมองไปที่คะแนนเกียรติยศของเขาทันที

มันยังมีเหลืออีกกว่า 220000 ส่วนหนึ่งเป็นคะแนนที่จักรพรรดิเซิ่งเหยาเป็นคนมอบให้ อีกส่วนมาจากการสังหารศัตรูระหว่างปฏิบัติภารกิจ

เขาประหยัดคะแนนเอาไว้หลังจากที่แแลกเปลี่ยนแท่นเทเลพอร์ตดินแดนก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีประโยชน์เร็วขนาดนี้

และพลังเวทย์ที่สะสมเอาไว้ตอนนี้มีมากกว่า 7 ล้าน เพราะเขาเพิ่งกลับมาจากอาณาจักรลับ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเลย

โดยไม่ลังเล เขาแลกเปลี่ยนพิมพ์เขียวอู่เรือเหาะทันที หยิบมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุข

จากนั้นเขาเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนอีกครั้ง

แต่ผลของมันทำให้เขาผิดหวังเพราะเขาไม่พบจารึกล่องลอยหรือแก่นพลังงานอยู่เลย

ดูเหมือนว่าการสร้างเรือเหาะนั้นไม่ง่านเลย เขาจะสอบถามถึงทั้ง 2 สิ่งก็ต่อเมื่อถึงเวลาเท่านั้น

หลังจากที่คิดเรื่อง หลิน ยู ก็ปิดหน้าต่างจุดแลกเปลี่ยนเตรียมตัวเดินออกไป

"หลิน ยู?"

ทันใดนั้นก็มีเสียงจะโกนออกมาจากด้านข้าง

หลิน ยู หยุดลงและเดินตามเสียงนั้นไป

ปรากฏว่ามันคือ หยาน หวู่ หยิน เทียนเก่อ และ ไป๋ ไห่ถัง

ดูเหมือนพวกเขาจะเพิ่มทำภารกิจเสร็จเดินกลับมาจากข้างนอกพบกับเขาเข้า

"หลิน ยู นั้นนายจริงๆเหรอ"

หยวน หวู่ ดีใจมากเดินเข้ามาหาหลิน ยู ในทันที

หยิน เทียนเก่อ และ ไป๋ ไห๋ถัง ติดตามมาอย่างใกล้ชิด

"ออพวกนายนี้เองง..."

หลิน ยู ยิ้มและมองไปที่ทั้งสามคน

พวกเขาไม่ได้เจอกันมาประมาณหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขาบอกลากันครั้งสุดท้าย แต่ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะพบกันที่นี้โดยบังเอิญ

ดูเหมือนพวกหยาน หวู่และคนอื่นมายังที่นี้ได้เกินสามเดือนแล้ว จึงทำให้พวกเขาปลดล๊อกฟังก์ชั่นเทเลพอร์ตของเมืองหลัก

เมื่อเห็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี

"มาทำภารกิจกันงั้นเหรอ" หลิน ยู ถามขึ้น

"ใช่ พวกเราเพิ่งปลดล๊อกเทเลพอร์ตเมืองหลักเมื่อไม่นานมานี้เอง ดังนั้นพวกเขาจึงได้นัดกันเพื่อทำภารกิจด้วยกัน ซึ้งมันน่าจะปลอดภัยกว่า" หยาน หวู่ พยักหน้าตอบเขา

"แล้วนายละ? มาที่นี้เพื่อทำภารกิจงั้นเหรอ?" หยิ่น เทียนเก่อถามขึ้น

"ฉันหรอ" หลิน ยู ส่ายหัว "ฉันมาที่นี้เพื่อแลกเปลี่ยนของน่ะ แต่ฉันไม่เจอกันเลยกำลังกลับไปยังดินแดน"

"นายหาอะไรงั้นเหรอ ลองบอกพวกเราซิ" หยวน หวู่ รู้สึกงง

"พวกนายเคยได้ยินเกี่ยวกับจาลึกล่องลอยกับแกนพลังงานบ้างไม"

บอกตามตรง หลิน ยู นั้นไมไ่ด้คาดหวังมากนัก

เพราะสุดท้ายแล้ว ทั้งสามนั้นก็เหมือนกับเขา ที่เพิ่งมาถึงทวีปดึกดำบรรพ์ได้ไม่กี่เดือนดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะรู้อะไรมากนัก

อย่างที่คิดไว้

หลังจากที่ได้ยินคำถามของเขา หยาน หวู่ และ หยิน เทียนเก่อ ก็ขมวดคิ้วพรางครุ่นคิด

"จาลึกล่องลอยและแก่นพลังงาน? ดูเหมือนฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน"

"ฉันก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน"

"งั้นเหรอ?"

แม้ว่า หลิน ยู จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียใจเล็กๆ

แต่มันก็ช่วยไม่ได้

แต่ในตอนนั้นเอง ไป๋ ไห๋ถัง ที่เงียบมาตลอดก็พูดแทรกขึ้น

"ฉันไม่รู้เกี่ยวกับแก่นพลังงาน แต่ฉันรู้ว่าจะลึกล่องลอยอยู่ไหน"

"เธอรู้งั้นเหรอ?"

หลิน ยู และคนอื่นมองไปที่ไป๋ ไห๋ถัง ด้วยความประหลาดใจ

"แน่นอนฉันรู้" เมื่อถูกเฝ้ามองโดยคนอื่น สีหน้าก็ของไป๋ ไห๋ถังก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เธอพูดเบาๆ "เพราะสิ่งนี้สามารถสร้างได้โดยหอคอยเวทย์มนต์ อีกทั้งยังต้องเป็นหอคอยเวทย์มนต์ระดับ 7"

"หอคอยเวทย์มนต์ระดับ 7?" ดวงตาของ หลิน ยู สว่างวาบขึ้น

ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าภายในอาณาเขตของไป๋ ไห๋ถัง ก็มีหอคอยเวทย์มนต์เหมือนกัน

หากนางบอกว่ามีก็ต้องมีอย่างแน่นอน

ด้วยความดีใจ เขาพูดขึ้นทันที "ขอบคุณ เธอช่วยฉันได้มากเลย"

"ด้วยความยินดี"

ไป๋ ไห๋ถัง ตอบเบาๆ ความเย็นชาของเธอหายไปเร็วน้อย

แม้มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เธอก็ได้ตอบแทน หลิน ยู เล็กน้อยแล้ว

ก่อนที่เธอจะรู้ตัว มุมปากของเธอก็กระตุกเล็กน้อย

เป็นธรรมดาที่ หลิน ยู และคนอื่นๆ จะไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้

หลังจากที่ได้คุยกันภายในห้องโถงภารกิจอยู่พักหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หลิน ยู ก็ได้กล่าวลารีบกลับไปยังดินแดนทันที

หยวน หวู่ และทั้งสามยืนอยู่ที่นั้น มองไปยังทิศทางที่เขาหายตัวไป ด้วยสีหน้าที่เคร่ดขรึม

"ถ้าฉันคิดไม่ผิด ดูเหมือนเขาจะขึ้นไประดับ 7 แล้วใช่ไหม?"

"ใช่ ระดับ 7 ฉันไม่ได้คิดว่าเขาจะก้าวนำพวกเราไปก้าวหนึ่งอีกครั้ง ดูเหมือนพวกเขาต้องทุ่มเทให้หนักกว่านี้"

"หลังจากภารกิจนี้เสร็จสิ้น ฉันคิดว่าฉันน่าจะเกือบก้าวไปสู่ระดับ 7 ได้แล้ว พวกเราอยู่ในโลกเดียวกัน ฉันจะปล่อยให้เขาทิ้งห่างออกไปไม่ได้"

"เหมือนกัน!"

หลังจากนั้นทั้งสามก็หันกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยวตรงไปยังผังภารกิจ

......

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากกลับมายังดินแดน

สิ่งแรกที่ หลิน ยู ทำคือการอัพเกรดหอคอยเวทย์มนต์ให้กลายเป็นระดับ 7

โชคดีที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เหล่าชาวเมืองได้ขุดแร่ให้กับเขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการอัพเกรดหอคอยเวทย์ระดับ 7 นั้นไม่สูงมาก

หลังจากที่ถูกแสงสว่างหอหุ้มเอาไว้ หอคอยเวทย์ก็ได้รับการอัพเกรดสำเร็จ

หลิน ยู เปิดหน้าต่างหอคอยเวทย์ดู อย่างรวดเร็ว และแล้วเขาก็พบสิ่งที่เขาต้องการหลังจากค้นอยู่อยู่พักหนึ่ง

หือ!

มันต้องใช้ผงเวทย์มนต์อีกแล้ว

สิ่งนี้หาได้ยากมากในเมืองหวงซา ดูเหมือนจะดีกว่าหากซื้อจากด้านนอก หรือเพียงแค่ให้ หลูเจิ้งซิง ใช้ หอการค้าชิงฟางเก่อ เพื่อหาซื้อให้กับเขา

ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะได้จาลึกล่องลอยมา แต่ก็คงไม่มีผงเวทย์มนต์พอจะสร้างเรือเหาะ

เรือเหาะเวทย์มนต์นั้นต้องใช้ผงเวทย์มนต์ 50000 กรัม

หากอิงตามราคาตลาดผงเวทย์มนต์ 1 กรัมนั้นเท่ากับพลังเวทย์ 5 แต้ม ซึ่งมันเทียบเท่ากับพลังเวทย์ 250000 แต้ม ซึ่งเป็นจำนวนน้อยนิดเท่านั้น

เขาไม่รู้ว่าพลังเวทย์ 7 ล้านแต้มของเขาจะพอหรือไม่

ไม่อย่างนั้น เขาคงได้แต่หวังว่าอุปกรณ์ระดับ 10 จะขายได้ในราคาที่ดีและได้รับส่วนแบ่งเพิ่ม

ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่อุปกรณ์ชิ้นนั้นถูกประมูล

"ลืมมันไปก่อนแล้วกัน ค่อยไปหาเขาหลังจากที่การประมูลจบลงแล้ว"

เพื่อความตื่นเต้นของการประมูล หลิน ยู จึงไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมด้วย ในครั้งนี้จะเป็นการดีหากเขาไปสังมอนสเตอร์ซัก 2 3 ตัว

เขานั้นสนใจแค่ว่าจะได้พลังเวทย์เท่าไหร่แค่นั้น

เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาก่อนที่จะมืด เขาก็เรียก เซียว ฉางกุ้ย และคนอื่นมาๆขอให้พวกเขารับซื้อผงเวทย์มนต์ทั้งหมดจากมือพ่อค้าที่ผ่านไปมา

ตราบใดที่ราคาของมันไม่มากจนเกินไป

หลังจากที่พูดคุยเรื่องนี้ไปแล้ว หลิน ยูก็ยังใต้ต้นไม้โลกเริ่มต้นใช้พลังเวทย์ที่เหลือกับกองกำลังของเขา

เมื่อ หลิน ยู มองดู

หลังจากเดินทางไปยังอาณาจักรลับในครั้งนี้ เขาได้สูญเสียทหารพืชที่มีสกิลขยายพันธุ์ไปทั้งหมด 17 ตัว รวมถึงมอสชีวภาพอีก 10 ตัว

เกือบครึ่งเป็นทหารพืชที่ค่าประสบการณ์เต็มแล้ว ส่วนใหญ่เป็นทหารพืชระยะประชิดทั้งหมด

เป็นเรื่องดีที่สกิลกลายพันธุ์ได้รับการอัพเกรดแล้ว จึงทำให้กลายพันธุ์ให้ได้สิ่งที่เขาต้องการนั้นง่ายนิดเดียว มันจึงง่ายต่อการชดเชยความสูญเสีย

แต่มอสชีวภาพนั้นแตกต่างออกไป เพราะราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับมันนั้นตก 350000 ต่อตัว ทั้งหมด 10 ตัวคือ 3.5 ล้าน

หลิน ยู รู้สึกราวกับมีเลือดออกมาจากหัวใจของเขา

แม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าวิตก แต่กองกำลังของเขาก็ได้รับการเติมเต็มในที่สุด

เขาเปิดหน้าต่างอัญเชิญทหารอย่างรวดเร็ว อัญเชิญต้นวิลโลว์และหญ้าคมมีดออกมาและเริ่มกลายพันธุ์

เขาทำเช่นนี้จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดลง ในที่สุดเขาก็สามารถเติมกำลังพลให้กับกองทัพของเขาได้จนครบ

เขาเหลือพลังเวทย์อยู่ประมาณ 3 ล้านเท่านั้น

พร้อมกันนั้นเขายังได้ค้นพบสิ่งประหลาดอีกด้วย

นั้นคือกองกำลังกลายพันธุ์ที่มีสกิลแปลงกายดูเหมือนจะไม่มีทางที่ทหารราชวงศ์จะปรากฏออกมา

เรื่องจากตัวได้นั้นได้กลายพันธุ์ต้นวิลโลว์มาแล้วหลายหมื่นครึ่ง จะเป็นเหตุผลเขาไม่เคยพบมันเลย

หรือว่าเป็นเพราะความพิเศษของสกิล?

หลิน ยู รู้สึกมึนงง

ด้วยความสงสัย เขาจึงรีบไปยังฐานทัพทหารและนำวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับ SSS ที่เขาได้รับมาวางบนแท่น

ราชันกลายพันธุ์ตอนที่ 257