ตอนที่ 285

บทที่ 285: ดาวซานโชว ปราชญ์หมิงเจิน

ซุยเฮ็งไม่คาดว่าจะได้ยินชื่อหมิงเจินจากหลี่ฉวนอีก

ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รู้เกี่ยวกับปราชญ์หมิงเจินก็มาจากประสบการณ์ชีวิตของเย่หาน

เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว เย่หานผู้ซึ่งถูกตามล่าโดยตำหนักกาฬโรคมาเป็นเวลานานได้พบกับปราชญ์ที่เรียกตัวเองว่าหมิงเจิน เขาต้องการเชิญเย่หานไปที่อาณาจักรราชันสุริยันและสอนเคล็ดวิชาการฝึกตนที่แท้จริงให้กับเขา

แต่เย่หานก็ระมัดระวังตัวและไม่เห็นด้วย

กระนั้น หมิงเจินก็ไม่ได้ยอมแพ้เพียงแค่นี้ หลังจากถูกปฏิเสธ เขาก็ยังคงมอบคัมภีร์ภัยพิบัติสวรรค์ให้กับเย่หานและบอกให้เขาไปที่ดาวเทียนเหมินเพื่อตามหาเขาหลังจากที่เขาฝึกตนจนถึงจุดสูงสุดแล้ว

หลังจากนั้น เย่หานก็ไม่เคยเห็นปราชญ์หมิงเจินอีกเลย

อย่างไรก็ดี ซุยเฮ็งก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของดาวเทียนเหมินจากหลี่เว่ยแล้ว

เดิมทีดาวเทียนเหมินเป็นหนึ่งในสี่ดาวเคราะห์หลักของอาณาจักรเมฆาทอง มันมีปราชญ์ทั้งหมดสองคน

แต่เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ปราชญ์สองคนที่ปกครองดาวเทียนเหมินอยู่จู่ๆ ก็ตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งและทำร้ายกันเองโดยไม่มีเหตุผล

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน อารยธรรมบนดาวเทียนเหมินก็ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง และปราชญ์ทั้งสองก็ตายตกไปพร้อมกัน

ดาวเทียนเหมินในปัจจุบันกลายเป็นดาวที่ตายไปนานแล้ว

ในตอนแรก ซุยเฮ็งก็คิดว่าปราชญ์หมิงเจินจะกลับไปที่อาณาจักรราชันสุริยันหลังจากทำร้ายดาวเทียนเหมินเสร็จ

เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่ด้วย

หลี่ฉวนสังเกตเห็นการแสดงออกของซุยเฮ็งและรีบถามว่า “ ผู้อาวุโส ท่านรู้จักปราชญ์หมิงเจินคนนี้อย่างงั้นหรอ?”

จูคังเชิงและเก๋าโชวซินมองไปที่ซุยเฮ็ง พวกเขารู้สึกว่าชื่อของปราชญ์คนนี้ไม่คุ้นเคยนัก และแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนจากอาณาจักรห้าทัศนะหรือใกล้เคียงแน่

“ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาก่อน” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็หันไปมองจูคังเชิงและพูดว่า “ เจ้าสำนักจู เจ้ายังจำเย่หานได้ไหม?”

“ เย่หาน?” สีหน้าของจูคังเชิงดูซับซ้อนเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาแสดงท่าทีโกรธเคืองและในที่สุดก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าและพูดว่า “ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์ของข้าและยังเป็นอดีตบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักกาฬโรค พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก”

“ ข้าเป็นคนฆ่าเขาเอง” ซุยเฮ็งพูดอย่างเฉยเมย

“ …นี่เป็นความผิดของข้าเอง” จูคังเชิงก้มศีรษะลงและถอนหายใจ “ ร่างกายของเย่หานนั้นพิเศษ ไม่เพียงแต่ความเร็วในการฝึกตนของเขาจะเร็วมากเท่านั้น แต่เขายังเป็นเซียนอนันต์ทองตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย เขาอาจจะกลายเป็นปราชญ์ได้ในอนาคต”

“ เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ข้าพบโดยบังเอิญว่าร่างกายของเย่หานนั้นเข้ากันได้อย่างมากกับร่มพันกาฬโรค การใช้พลังของเขาเพื่อหล่อเลี้ยงร่มพันกาฬโรคนั้นจะทำให้เครื่องมือปราชญ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในท้ายที่สุดแล้ว ปราชญ์ก็ยังตายดได้วยวัยชรา แต่เครื่องมือปราชญ์จะเป็นนิรันดร์ ถ้าข้าสามารถสร้างร่มพันกาฬโรคให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ข้าก็จะสามารถเพิ่มรากฐานของตำหนักกาฬโรคได้ ดังนั้นแล้วข้าจึงวางกับดัก…”

ทุกคนที่อยู่ตรงนี้รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ว่าต่อ

อย่างไรก็ตาม นอกจากหลี่เฉิงและเป่ยฉิงซูแล้ว มันก็ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมซุยเฮ็งถึงพูดถึงเย่หาน เมื่อกี้พวกเขาไม่ได้พูดถึงปราชญ์จากอาณาจักรราชันสุริยันหรอกหรอ?

“ เมื่อพันปีที่แล้ว ปราชญ์ที่เรียกตัวเองว่าหมิงเจินได้พบเข้ากับเย่หานและต้องการจะเชิญเขาไปที่อาณาจักรราชันสุริยัน” ซุยเฮ็งหันไปมอง หลี่ฉวนและถามว่า “ เจ้าเห็นปราชญ์หมิงเจินคนนี้ที่ไหนในเวลานั้น”

ปราชญ์หมิงเจินคนนี้ปรากฏตัวเมื่อพันปีก่อนจริงๆ หรอ!

จูคังเชิง, เก๋าโชวซินและหลี่ฉวนขมวดคิ้วเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้

คนของอาณาจักรราชันสุริยันมักคิดว่าตนเองสูงส่ง พวกเขาแทบจะไม่ได้ก้าวออกมาจากอาณาจักรของพวกเขาเลย แล้วนับประสาอะไรกับการสื่อสารกับผู้คนในโลกภายนอก

“ มันเป็นในบ้านของข้า” หลี่ฉวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ คืนหนึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน จู่ๆ ข้าก็ถูกดึงเข้าไปในความฝันและเห็นคนที่เรียกตัวเองว่า ปราชญ์หมิงเจิน”

“ เขาสลักข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันเอาไว้ในใจของข้าและเตือนข้าว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร มิฉะนั้นเขาก็จะทำลายตระกูลหลี่ของข้า…”

“ เป็นไปไม่ได้” ในขณะนี้ เทพดวงดาวชงหยางที่นิ่งเงียบอยู่จู่ๆ ก็พูดขึ้นและพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ หากปราชญ์มาที่ดาวชงหยางจริง งั้นทำไมข้าจะไม่สังเกตเห็น?”

ในแง่ของการฝึกตน เทพดวงดาวชงหยางก็เทียบเท่ากับราชาปราชญ์

ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้สถานการณ์ปกติ ตราบใดที่ปราชญ์เข้ามาใกล้ดาวชงหยาง พวกเขาก็จะถูกค้นพบโดยเขา

“ หมิงเจินคนนี้ไม่น่าจะใช่ปราชญ์ธรรมดา” ซุยเฮ็งส่ายหัวและถาม เทพดวงดาวชงหยางว่า “ ข้ามีอะไรจะถาม เทพดวงดาวมีอยู่ทั่วไปในระบบสุริยะแห่งนี้ใช่ไหม?”

เทพดวงดาวชงหยางตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ซุยเฮ็งจึงถามเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังคงพยักหน้าและพูดว่า “ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง มันไม่ได้มีอยู่ทั่วไป แต่มันก็ยังมีอยู่มากมาย”

“ โดยทั่วไปแล้ว อย่างน้อยๆ มันก็จะมีเทพดวงดาวเซียนทองในโลกที่มีอารยธรรมที่สืบทอดกันมากว่า 10,000 ปี และมันก็จะมีเทพดวงดาวปราชญ์สำหรับอารยธรรมที่มีอายุมากกว่า 50,000 ปี และถ้ามากกว่า 100,000 ปี มันก็จะมีเทพดวงดาวราชันปราชญ์”

“ ดาวเทียนเหมินของอาณาจักรเมฆาทองนั้นมีมรดกตกทอดมากี่หมื่นปีแล้ว” ซุยเฮ็งมองไปที่จูคังเชิง, เก๋าโชวซินและหลี่ฉวนที่อยู่ข้างๆ เขา ด้วยตัวตนของพวกเขา มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับข้อมูลของโลกภายนอก

“ ข้าเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับดาวเทียนเหมิน” จูคังเชิงตอบ “ มันเป็นดาวที่เก่าแก่และเจิดจรัสมาก มันมีปราชญ์มากมายในอดีตและน่าจะสืบทอดกันมามากกว่า 100,000 ปีแล้ว”

“ แต่เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ปราชญ์บนดาวเทียนเหมินก็ได้ตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอย่างน่าประหลาด พวกเขาโจมตีซึ่งกันและกันด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา และในเวลาเพียงหนึ่งเดือน พวกเขาก็เปลี่ยนโลกทั้งใบให้กลายเป็นซากปรักหักพังและทำลายอารยธรรมของพวกเขาลง”

“ ยิ่งไปกว่านั้น เทพดวงดาวเทียนเหมินก็ตายลงไปแล้วเช่นกัน” เทพดวงดาวชงหยางพูดต่อ เห็นได้ชัดว่าเขารู้บางอย่างเกี่ยวกับดาวเทียนเหมิน

“ เอาล่ะ ข้าจะบอกข่าวอีกชิ้นหนึ่งให้แก่พวกเจ้าทราบ” ซุยเฮ็งพูดต่อ “ เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว หลังจากที่ปราชญ์หมิงเจินเชิญเย่หานไปที่อาณาจักรราชันสุริยันแล้วถูกปฏิเสธ เขาก็มอบม้วนคัมภีร์ให้เย่หานและบอกให้เย่หานไปที่ดาวเทียนเหมินเพื่อตามหาเขาหลังจากที่เขาฝึกมันจนถึงจุดสูงสุด”

“ ปราชญ์หมิงเจินอาจไปที่ดางเทียนเหมินเพื่อรอเย่หาน และหลังจากผ่านไปหลายร้อยปี ดาวเทียนเหมินก็ได้ล่มสลายลง แม้แต่เทพดวงดาวที่น่าจะเป็นราชาปราชญ์ก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้”

“ ในตอนนี้ ดาวเทียนเหมินก็ได้กลายเป็นดาวที่ตายแล้ว แต่ปราชญ์หมิงเจินก็ยังมาปรากฏตัวบนดาวชงหยางอย่างไม่คาดคิด เขาได้ทำลายดวงดาวและถอยกลับไปอย่างปลอดภัย”

“ อะไรนะ?! เป็นไปได้ยังไงกัน!”

“ การล่มสลายของอารยธรรมบนดาวเทียนเหมินอาจเกี่ยวข้องกับหมิงเจิ้นอย่างงั้นหรอ?!”

“ เขาเป็นเพียงปราชญ์ เขาจะไปทำได้ยังไงกัน?!”เ

เก๋าโชวซิน, หลี่ฉวนและเทพดวงดาวชงหยางอุทานออกมา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะหลี่ฉวน เขาไม่เคยคิดฝันว่าปราชญ์ลึกลับที่เขาเห็นนั้นจะได้ทำสิ่งที่สั่นสะเทือนโลกเช่นนี้ลงไป

“ ถ้าปราชญ์หมิงเจินมาจากอาณาจักรราชันสุริยัน เขาก็อาจจะสามารถซ่อนตัวจากการรับรู้ของราชาปราชญ์ได้”

จู่ๆ จูฉางเฉิงก็พูดขึ้น หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ อาณาจักรราชันสุริยันนั้นกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในเศษเสี้ยวของสวรรค์ราชันสุริยัน พวกเขาอ้างว่าตนได้รับมรดกจากสวรรค์ เคล็ดวิชาเซียนที่แท้จริงและแม้แต่มีผู้สร้าง”

“ ตำหนักกาฬโรคของเราสูญเสียมรดกไปมากเกินไป บันทึกเกี่ยวกับผู้สร้างนั้นจึงมีเพียงไม่กี่รายการ พวกเขากล่าวว่าผู้สร้างมีพลังศักดิ์สิทธิ์ในการสร้างสรรพสิ่งจากความว่างเปล่าและสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นได้เหมือนอย่างเทพแห่งการสรรค์สร้าง”

“ ตราบใดที่การดำรงอยู่ที่ไม่น่าเชื่อดังกล่าวได้ร่ายมนตร์ใส่ปราชญ์หมิงเจินโดยไม่ได้สนใจ การซ่อนออร่าของเขาจากราชาปราชญ์นั้นก็จะไม่ใช่เรื่องยาก”

เทพดวงดาวชงหยางเงียบลง

แม้ว่าเขาจะเกลียดที่ต้องยอมรับมัน แต่มันก็เป็นไปได้มาก

ในเก้าขอบเขตแห่งโลกเซียน ความแตกต่างระหว่างแต่ละขอบเขตนั้นก็ใหญ่มาก

แม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นเล็กๆ ภายในขอบเขตใหญ่ แต่ความแตกต่างของความแข็งแกร่งก็ยังอาจห่างกันเป็นพันเท่า แล้วนับประสาอะไรกับขอบเขตใหญ่?

ซุยเฮ็งครุ่นคิดอยู่ที่ด้านข้าง ครู่ต่อมา เขาก็พูดกับ หลี่ฉวน ว่า “ บอกข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันมา ข้าจะอยู่ที่เมืองลู่หลิงชั่วคราวต่อจากนี้”

“ ขอบพระคุณท่านประมุขเซียน!” หลี่ฉวนคุกเข่าลงต่อหน้าซุยเฮ็งและขอบคุณเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ

นี่เป็นความช่วยเหลือที่สวรรค์ประทานมาให้เขา!

“ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือให้ทั้งสองคนยืนขึ้น “ ข้าก็แค่ต้องการจะดูว่าปราชญ์หมิงเจินนั้นจะกล้ามาที่นี่จริงๆ หรือไม่”

แน่นอน เขายังต้องสำรวจและตรวจสอบอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันนี้ด้วย

หลี่ฉวนและหลี่เฉิงยืนขึ้น หัวใจของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อซุยเฮ็ง

จากนั้นซุยเฮ็งก็มองไปที่จูคังเชิงและเก๋าโชวซินแล้วยิ้ม “ พวกเจ้าสองคนเต็มใจที่จะอยู่ในเมืองลู่หลิงต่อไปอีกสักระยะหนึ่งหรือไม่?”

“ ใช่ ใช่ แน่นอน!”

“ มันนับเป็นเกียรติของเราแล้วที่ได้อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันกับท่านประมุขเซียน”

ทั้งสองพยักหน้าไม่กล้าปฏิเสธ

“ ดีมาก” ซุยเฮ็งพยักหน้าอย่างพอใจกับผลลัพธ์นี้ จากนั้นเขาก็พูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซู ไปกำจัดสมาชิกที่เหลือของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ แล้วก็อย่าลืมเก็บเอามรดกของพวกเขากลับมาด้วยล่ะ”

“ ข้าจะทำให้ท่านพึงพอใจอย่างแน่นอน!” เป่ยฉิงซูรู้สึกตื่นเต้นในทันทีและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการต่อสู้

….

อาณาจักรห้าทัศนะ ดาวซานโชว

นี่คือดาวเคราะห์ที่อ่อนแอที่สุดและวุ่นวายที่สุดในอาณาจักรห้าทัศนะทั้งหมด

มันมีปราชญ์เพียงคนเดียวเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังเป็นผู้ฝึกตนพเนจรและไม่ได้ก่อตั้งสำนักของตนขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงมีสำนักมากกว่า 100,000 สำนัก

พวกเขาโจมตีกันและต่อสู้กันโดยไม่เว้นวันหยุด

ที่แกนกลางของดาวซานโชว การดำรงอยู่ที่หลับใหลมานานกว่าสิบปีก็ลืมตาขึ้นและร่องรอยของเจตนาฆ่าก็ฉายไปทั่วรูม่านตาของเขา

นี่คือชายชราที่มีผมและเคราสีขาวที่ดูมีอายุหกสิบถึงเจ็ดสิบ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเขาแก่เลย สายตาของเขาสดใสมากราวกับว่าเขาสามารถเข้าใจความลึกลับทั้งหมดของโลกใบนี้ได้

มันคือหมิงเจิน

เขามองขึ้นไปในทิศทางของดาวชงหยางและหัวเราะอย่างเต็มที่ “ มนุษย์ก็คือมนุษย์ ในที่สุดพวกเขาก็ต้านทานการล่อลวงไม่ได้”

“ หลังจากที่ข้าจัดการบางอย่างเสร็จแล้ว ข้าก็จะสามารถเก็บเกี่ยวมันได้ในอีก 300 ถึง 500 ปี”

“ วิเศษ! มหัศจรรย์! ฮ่าฮ่าฮ่า!”