ตอนที่ 348 : ชาวเทพเลี้ยงแกะ! กฎเกณฑ์ – แรงโน้มถ่วง!

ในฐานะหนึ่งในสามอันดับแรก ความแข็งแกร่งของเจ้าล่าสวรรค์นั้นก็แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้เที่ยงแท้และมหาเทพ

พวกมันแทบจะมีความแข็งแกร่งเป็นสองเท่าของลอร์ดอันดับที่สี่และลอร์ดคนอื่นๆ

ดังนั้นมันจึงหยิ่งผยองมาก

สำหรับมัน เจ้าตะวันสาดแสงก็เป็นแค่ดาวรุ่งที่มีคุณสมบัติบางอย่างเท่านั้น มันไม่คิดว่ามันจะแพ้เลย

10 นาทีผ่าน การเตรียมตัวของทั้งสองฝ่ายก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว และก็มีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา

[เวลาเตรียมตัวสิ้นสุดลงแล้ว!]

[สงครามแห่งลอร์ดเริ่มได้!]

ณ เมืองตะวันสาดแสง โจวโจวมองไปยังเมืองล่าสวรรค์ที่อยู่ไกลออกไปและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ไป่อี้ อู๋ซิน และแม่ทัพคนอื่นๆ ที่อยู่ทางด้านหลังของเขาก็กำลังใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อมองดูสถานการณ์ในระยะไกลด้วย

กล้องส่องทางไกลนี้ทำขึ้นจากเทคโนโลยีการแปรธาตุไร้ระดับที่เขาได้รับมาหลังจากพิชิตภูมิภาคไปมากมาย

เอฟเฟกต์ของมันก็คือการใช้มองภาพจากระยะไกลด้วยการอัดพลังงานเข้าไป

เขาสามารถมองออกไปได้ไกลกว่า 30,000 เมตร

ระยะการสังเกตนี้ค่อนข้างมากเลยสำหรับผลิตภัณฑ์แปรธาตุไร้ระดับเช่นนี้

ในเวลานี้ มันก็ถูกผลิตผ่านโรงแปรธาตุโนมแล้ว ซึ่งไป่อี้และคนอื่นๆ ก็เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ใช้มัน

“อีกฝ่ายวางแผนที่จะอาศัยความได้เปรียบของกำแพงเมืองเพื่อรอให้พวกเราหมดแรงก่อนเหรอ?”

ไป่อี้วางกล้องส่องทางไกลลงและพูดด้วยความประหลาดใจ

ในตอนนี้ โจวโจวก็ได้บอกพวกเขาแล้วถึงข้อมูลของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะ

แม้ว่าทุกคนจะประหลาดใจกับความน่ากลัวของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะ แต่พวกเขาก็ไม่กลัวศึกตรงหน้า

อย่างไรก็ตาม ไป่อี้ก็ยังประหลาดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายซึ่งมีภูมิหลังอันทรงพลังเช่นนี้ไม่ได้บุกโจมตีพวกเขาก่อน

“ข้าเกรงว่าอีกฝ่ายจะขี้เกียจจะเริ่มโจมตีก่อน มันอยากให้พวกเราเปิดฉากโจมตีและแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง”

อู๋ซินเองก็วางกล้องส่องทางไกลลงและยิ้ม

“ช่างมั่นใจเสียจริง”

เฟิงลั่วถอนหายใจออกมา

เขาไม่ได้พูดว่าอีกฝ่ายจองหอง

ความแข็งแกร่ง พรสวรรค์ประจำเผ่าพันธุ์ และพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่ยังไม่ทราบของอีกฝ่ายทำให้อีกฝ่ายมั่นใจเช่นนั้นได้จริงๆ

“ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มส่งสัญญาณแล้ว งั้นก็เริ่มโจมตีกันเลยเถอะ”

โจวโจวพูดอย่างใจเย็น

อีกฝ่ายมั่นใจขนาดนั้น แล้วเขาจะมั่นใจบ้างไม่ได้เหรอ?

เขาไม่ใช่คนเดิมกับเมื่อวานอีกแล้ว

“รับทราบ!”

ทุกคนรับคำสั่ง

จากนั้นไป่อี้และอู๋ซินก็ทิ้งทหารหน้าไม้พิษและนักธนูพลังธาตุ 50,000 คนไว้คอยป้องกันเมือง จากนั้นพวกเขาก็นำทหารอีก 100,000 คนสร้างค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทรา พวกเขาอัญเชิญอวตารหมาป่าละโมบออกมาและพุ่งตรงไปยังเมืองล่าสวรรค์

เนซาริโอ้ ออกุสต์ เฟิงลั่ว และมาริสพุ่งตามอวตารหมาป่าละโมบไปติดๆ

เมื่อเจ้าล่าสวรรค์เห็นภาพฉากนี้ มันก็อดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้ สีหน้าของมันจริงจังขึ้นมาทันที

สายตาของมันมองไปยังอวตารหมาป่าละโมบและเนซาริโอ้ที่บินตามมาข้างๆ

“วิญญาณค่ายกลที่มีความแข็งแกร่งในระดับเหนือสามัญ ทั้งยังมีมังกรเลือดบริสุทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งในระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้น มันทำได้ยังไงกัน?”

เจ้าล่าสวรรค์รู้ดีว่ามันยากมากเพียงใดที่สิ่งมีชีวิตสายเลือดระดับสูงอย่างพวกมันจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของตน

ยกตัวอย่างเช่นมัน ในฐานะลอร์ดที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะ

แม้ว่าจะมีความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะที่มันอัญเชิญออกมา แต่มันก็เพิ่งอยู่ในระดับเงินขาวขั้นต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งนี้ก็ไม่ได้แย่แล้วสำหรับผู้เที่ยงแท้และมหาเทพ

สำหรับมังกรเลือดบริสุทธิ์ภายใต้เผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นั้น พวกมันก็คงจะไม่อ่อนแอกว่ามันนักแม้ว่าพวกมันจะด้อยกว่าในแง่ของสายเลือดก็ตาม

นอกจากนี้ มันยังจะต้องมอบพลังงานเสริมแกร่งส่วนหนึ่งให้กับลอร์ดของมันด้วย

พูดตามหลักแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นต้น

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของมังกรเลือดบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าของมันนั้นก็ไม่ใช่ของปลอมแน่ๆ

กุญแจสำคัญน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้นี้ถึงเลื่อนอันดับขึ้นมาสู่อันดับเทวะขั้นสูงได้

เจ้าล่าสวรรค์ไม่คิดมากเกี่ยวกับมันและสั่งให้ทหารทั้งหมดในดินแดนโจมตีและต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้

ประตูเมืองล่าสวรรค์เปิดออกพร้อมด้วยเสียงดังครืน

จากนั้นทหารจากทุกเผ่าพันธุ์ก็พุ่งออกมาจากเมืองและพุ่งเข้าไปหาอวตารหมาป่าละโมบอย่างไม่เกรงกลัว

มันมีทหารมากกว่า 200,000 คนจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ พวกมันคือลูกน้องที่เจ้าล่าสวรรค์สยบได้จากลอร์ดของเผ่าพันธุ์อื่นๆ

สำหรับสมาชิกของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะ พวกมันไม่มีเวลามาจัดการเรื่องเล็กน้อยของดินแดนแบบนี้เพราะพวกมันมีจำนวนน้อยมาก

ดังนั้นเจ้าล่าสวรรค์จึงให้ลูกน้องเหล่านี้ที่เป็นคนจากเผ่าพันธุ์อื่นจัดการกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้

หลังจากเห็นลูกน้องเหล่านี้พุ่งออกมา เจ้าล่าสวรรค์ก็หันไปมองชาวเทพเลี้ยงแกะ 4 คนในชุดคลุมสีแดงที่อยู่ข้างหลังมัน

ชาวเทพเลี้ยงแกะ 4 คนนี้ต่างก็เป็นลูกน้องเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะที่มันอัญเชิญออกมาได้ผ่านประตูอัญเชิญใน 16 วันที่ผ่านมา

มันแตกต่างจากลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างโจวโจว

ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถอัญเชิญลูกน้องเผ่าพันธุ์มนุษย์จากประตูอัญเชิญเป็นจำนวนมากได้ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสายเลือดของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะนั้นสูงส่งเกินไปและพวกมันก็มีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นแม้แต่ประตูอัญเชิญก็ไม่สามารถอัญเชิญชาวเทพเลี้ยงแกะออกมาเป็นจำนวนมากได้ในทุกวัน

ในตอนแรก เจ้าล่าสวรรค์สามารถอัญเชิญชาวเทพเลี้ยงแกะออกมาได้ 1 คนภายใน 5 วันเท่านั้น

ต่อมา หลังจากที่เจ้าล่าสวรรค์อัพเกรดประตูอัญเชิญอย่างต่อเนื่อง มันก็สามารถอัญเชิญชาวเทพเลี้ยงแกะออกมาได้ 1 คนภายใน 4 วัน

ดังนั้นแม้ว่าชาวเทพเลี้ยงแกะภายใต้การบัญชาการของมันจะไม่เคยสูญเสียเลย แต่จนถึงตอนนี้ มันก็ยังมีชาวเทพเลี้ยงแกะภายใต้การบัญชาการแค่ 4 คน เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนแค่ 4 คนเท่านั้น แต่ศักยภาพของพวกมันก็อยู่ในระดับเทพชั้นต่ำเป็นอย่างน้อย

นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถควบคุมพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้ล่วงหน้า

มันกล่าวได้ว่าเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะนั้นน่าสะพรึงมากในแง่ของศักยภาพและความแข็งแกร่ง

“เจ้ออัน ไปช่วยพวกทหารจัดการกับลอร์ดมนุษย์ผู้นั้นซะ”

เจ้าล่าสวรรค์พูดอย่างใจเย็น

“ขอรับท่านลอร์ด”

สมาชิกเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะที่ชื่อเจ้ออันพยักหน้าอย่างใจเย็นและเดินขึ้นไปที่กำแพงเมืองทันที

มันมองไปยังสมรภูมิ ในเวลานั้นเอง ทหารกว่า 200,000 คนจากเมืองล่าสวรรค์ก็ได้ล้อมกรอบร่างอวตารหมาป่าละโมบเอาไว้แล้ว

เหล่าลูกน้องพากันโจมตีร่างอวตารหมาป่าละโมบทีละคน จากนั้นพวกมันก็ถูกสังหารอย่างง่ายดายโดยอวตารหมาป่าละโมบ และก็มีทหารพุ่งเข้าใส่มันมากขึ้นเรื่อยๆ

ภาพฉากนี้ดูเหมือนจะเป็นการที่ทหารของเมืองล่าสวรรค์นั้นกำลังเผาผลาญพลังของอวตารหมาป่าละโมบอยู่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมก็จะบอกได้ว่าอวตารหมาป่าละโมบนั้นไม่ได้เปลืองแรงใดๆ ในการจัดการกับทหารพวกนี้เลย มันดูไม่กังวลว่าพลังงานของมันจะหมดลงเลย

นอกจากนี้ มันยังมียอดฝีมืออย่างเนซาริโอ้ ออกุสต์ และเฟิงลั่วที่คอยช่วยอวตารหมาป่าละโมบจัดการกับทหารพวกนี้ด้วย

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาทหารเหล่านี้เพื่อจัดการกับอวตารหมาป่าละโมบและยอดฝีมือคนอื่นๆ ของเมืองตะวันสาดแสง

เจ้ออันส่ายหัว

มันสามารถบอกได้ว่ามากกว่า 90% ของลูกน้องของอีกฝ่ายคือผู้เชี่ยวชาญ

ส่วนทางฝั่งของพวกมันนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเลย

ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนมากกว่าอีกฝ่าย แต่มันก็ด้อยกว่ามากในแง่ของคุณภาพ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับอีกฝ่ายด้วยทหารพวกนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มันก็ชูมือขวาขึ้น และพลังงานจำนวนมากก็เริ่มถูกใช้งาน ในเวลาเดียวกัน พลังงานมายาแปลกๆ ก็ควบแน่นที่มือของมัน และส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของอวตารหมาป่าละโมบ เนซาริโอ้ ออกุสต์ เฟิงลั่ว และยอดฝีมือคนอื่นๆ ของเมืองตะวันสาดแสง

“กฎเกณฑ์—แรงโน้มถ่วง!”

เจ้ออันพูดเบาๆ

ในเวลานั้นเอง อวตารหมาป่าละโมบ เนซาริโอ้ ออกุสต์ เฟิงลั่ว และยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่อยู่ในระยะไกลก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยเท่า

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันที