ตอนที่ 104

บทที่ 104 : ประตูสีแดง

“ แน่นอน แน่นอน” เหรินหยวนคุยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นเขาก็ลดเสียงลงและถามว่า “ ผู้ว่าการเชินพูดอะไรมาบ้างไหม? เขาตัดสินใจแล้วรึยัง?”

“ ข้ากำลังรอให้เจ้าถามอยู่เลย” เว่ยเซียงจิบเหล้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ 30% ของภาษี 10 ปีสำหรับ 12 มณฑลของเฟิงโจว และสำหรับมณฑลลู่นั้น เนื่องจากพวกเขาร่ำรวยและมั่งคั่ง ดังนั้นเราจึงต้องการเพิ่มอีก 20% จากที่นั่น ว่าไง?!”

“ นี่…” คิ้วของเหรินหยวนคุยกระตุกเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ ท่านรู้ไหมว่าเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเย่และตระกูลเจียง ข้าก็ได้เสนอภาษี 40% ของเฟิงโจวแก่พวกเขาไปแล้ว และถ้าข้าให้อีก 30%…”

“ ฮ่าฮ่า ผู้ว่าการเหริน อย่าปิดบังเรื่องนี้จากข้าเลย” เว่ยเซียงเย้ยหยันและพูดว่า “ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เพิ่มภาษีหลังจากที่เจ้าเข้ารับตำแหน่ง สิ่งที่เรากำหนดในตอนนี้นั้นเป็นเพียงอัตราภาษีในปัจจุบันเท่านั้น!”

“ แม้ว่าเจ้าจะให้เงิน 100% แต่ตราบใดที่เจ้ายังเป็นผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวและเก็บภาษีเพิ่มเป็นสองเท่า เจ้าก็ยังไม่ขาดทุนอยู่ดีถูกไหม?”

“ แต่หากภาษีนั้นสูงเกินไป ข้าก็เกรงว่าเจ้าหน้าที่จะนำประชาชนก่อการกบฏ!” เหรินหยวนคุยยังคงมีสีหน้าขมขื่น

“ ไอ้หน้าด้านเอ้ย เจ้าจะมาทำตัวเป็นคนใจบุญอะไรเอาตอนนี้?” เว่ยเซียงดุอย่างติดตลกว่า “ มีคนอดตายอยู่ข้างถนนทุกวันในเขตเมืองของเจ้า แต่ข้าก็ยังไม่เห็นจะมีใครแสดงท่าทีทุกข์ร้อนตรงไหนเลย”

“ นี่ ฮ่าฮ่า…” เหรินหยวนคุยพูดไม่ออก อันที่จริง ภายใต้การปกครองของเขา เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายของกองทัพจะเป็นไปอย่างราบรื่น พลเมืองจำนวนนับไม่ถ้วนจึงได้อดตายไปนานแล้ว

“ ในตอนที่ข้ามา ผู้ว่าการเชินก็ได้บอกข้าแล้ว” เว่ยเซียงกล่าวอีกครั้ง “ หากเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่นี่ได้ เราก็มีแต่จะต้องไปถามผู้ว่าการมณฑลลู่”

“ ท่านต้องการจะถามซุยเฮ็ง?!” ดวงตาของเหรินหยวนคุยเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขายืนขึ้นและพูดว่า “ ท่านจะมองหาเขาไปเพื่ออะไร? ชายคนนั้นกำลังบังคับใช้คำสั่งของเขาในมณฑลต่างๆ ภายใต้การปกครองของเขา นอกจากนี้เขายังบังคับซื้อกิจการของกลุ่มใหญ่ต่างๆ ในราคาเพียง 10% ของราคาตลาด ถ้าเขาขึ้นเป็นผู้ว่าการรัฐขึ้นมา เราก็จะไม่มีช่วงเวลาที่ดีแน่”

“ ยิ่งกว่านั้น เขาก็ยังทำลายกองทัพพันธมิตรของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยและจับหวังฉิงเหอและเซี่ยเป่ยซิงอีก เขาได้รุกรานตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยอย่างงามหน้า แบบนี้แล้วเราจะปล่อยให้เขาเป็นผู้ว่าการรัฐได้อย่างไร?”

หลังจากการล่มสลายของกองกำลังพันธมิตรตระกูลหวังและตระกูลเซี่ย มณฑลต่างๆ ในเฟิงโจวก็ได้ส่งสายลับไปตรวจสอบและค้นหาความจริง ผลลัพธ์คือผู้ว่าการซุยเฮ็งได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่เพื่อสังหารทหารทั้งหมดในกองกำลังพันธมิตรของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ย และมันก็ยังมีแม่น้ำและทะเลสาบเป็นหลักฐานอีกด้วย ถึงกระนั้น มันก็มีคนไม่มากนักที่เชื่อเรื่องนี้

นี่เป็นเพราะมันน่าเหลือเชื่อเกินไป มันเป็นความเชื่อที่ท้าทายสามัญสำนึกของคนๆ หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างมากที่สุด พวกเขาก็เชื่อว่านี่น่าจะเป็นกับดักที่พวกเขาวางกันเอาไว้

เว้นซะแต่ว่าใครจะเคยได้สัมผัสหรือเห็นมากับตาเป็นการส่วนตัว มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อเรื่องราวที่อุกอาจเช่นนี้

“ ฮ่าฮ่า ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า ผู้ว่าการมณฑลลั่วอัน” เว่ยเซียงจิบเหล้าช้าๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ 30% ของภาษี 12 มณฑลของเฟิงโจวเป็นเวลาสิบปี ส่วนแบ่งของมณฑลลู่จะเพิ่มขึ้นอีก 10% นี่คือข้อเสนอสุดท้าย”

“…” การแสดงออกของเหรินหยวนคุยยังคงไม่เปลี่ยนไป ชั่วขณะหนึ่ง ความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในหัวของเขา เขาสูดหายใจเข้าลึกและกัดฟัน

“ ตกลง ข้าจะทำ!”

งานเลี้ยงใหญ่จัดขึ้นที่สำนักงานเทศมณฑลลั่วอัน

อย่างไรก็ตาม ถนนด้านนอกก็เต็มไปด้วยลมหนาว ประตูบ้านถูกปิดอย่างแน่นหนา และขอทานจำนวนมากก็ซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอกซอยเพื่อหลบลมหนาว พวกเขาทั้งหมดตัวสั่นเนื่องจากความหนาวเย็น

เมื่อฮุ่ยฉีมาถึง มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ถนนเงียบกริบและรกร้าง มันมืดและเขาก็ได้ยินเพียงเสียงสุนัขเห่า เขาหันไปเห็นขอทานกำลังต่อสู้กับสุนัขเพื่อแย่งชิงกระดูก

ไม่ไกลจากขอทาน มันก็มีเด็กคนหนึ่งกำลังนอนนิ่งอยู่ ร่างกายของเขาแข็งทื่อและไม่ไหวติง เห็นได้ชัดว่าเขาตายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

“ นี่คือมณฑลอะไรวะเนี่ย?” ฮุ่ยฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะมาที่มณฑลลั่วอัน เขาก็ได้ยินมาว่านี่เป็นเขตที่มีอำนาจมากที่สุดและเป็นรองเพียงเขตฉางเฟิง เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องดังกล่าว เขาเลือกที่จะเดินตรงไปยังสำนักงานเทศมณฑล

มันมีเจ้าหน้าที่สองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าสำนักงาน

เมื่อพวกเขาเห็นฮุ่ยฉีเดินเข้ามา ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นและพึมพำว่า “ ฮ่าฮ่า มีคนไม่กลัวตายกล้าเดินเข้ามาที่หน้าคฤหาสน์ของผู้ว่าการในตอนกลางคืนด้วยล่ะ แบบนี้ก็ดีเลย!”

หลังจากพูดเสร็จ เจ้าหน้าที่ทั้งสองจึงก้าวไปข้างหน้าในทันทีและหยุดฮุ่ยฉี พวกเขาตะโกนอย่างเคร่งขรึม “ หยุดนะ! เจ้าสามัญชนเกเรคนนี้มาจากไหนกัน? กล้าดียังไงมาบุกรุกคฤหาสน์ของท่านผู้ว่าการดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้!”

“ ข้าเป็นทูตที่ท่านผู้ว่าการมณฑลลู่ ซุยเฮ็งส่งมาเพื่อมอบจดหมายถึงผู้ว่าการมณฑลลั่วอัน” อารมณ์ของฮุ่ยฉีดีขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา เขาอธิบายอย่างอดทนว่า “ ข้าไม่ใช่สามัญชนเกเรที่ไหน และข้าก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของผู้ว่าการดึกๆ ดื่นๆ เอาล่ะ ตอนนี้ข้าขอผ่านล่ะ”

“ ผู้ว่าการมณฑลลู่บ้าอะไร ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขามาก่อน! ข้ารู้แค่ว่าเจ้าต้องการจะเข้าไปในคฤหาสน์ของผู้ว่าการในตอนดึกๆ ดื่นๆ!” เจ้าหน้าที่ทั้งสองจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์ได้อย่างไร พวกเขาเหยียดมือออกและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ เงินห้าตำลึง ไม่งั้นก็เข้าคุก!”

“ โอ้?” ทันใดนั้นฮุ่ยฉีก็ยิ้มกว้าง “ จะเอาแบบนั้นหรอ?”