ตอนที่ 266

บทที่ 266 : การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง คาถาใหม่!

“ ท่านอาจารย์ อาณาจักรราชันสุริยันนั้นทรงพลังขนาดนั้นเลยหรอ?” หลี่หมิงเฉียงอดไม่ได้ที่จะถาม

เป่ยฉิงซูกับหลี่เว่ยเองก็มองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความสงสัย

การคาดเดาของซุยเฮ็งนั้นน่ากลัวมาก และมันก็ไม่น่าเชื่อมาก

“ มันก็เป็นเพียงการคาดเดา” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “ ข้าไม่เคยไปอาณาจักรราชันสุริยันและไม่เคยเห็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สถานการณ์ที่แน่นอน”

“ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น ในตอนนี้ อาณาจักรราชันสุริยันก็ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเองออกมา และโลกภายนอกก็มีความเข้าใจน้อยมากเกี่ยวกับพวกเขา เรายังควรระมัดระวังพวกเขาเอาไว้ให้ดี”

“ เราเข้าใจแล้วท่านอาจารย์” หลี่หมิงเฉียงและเป่ยฉิงซูตอบพร้อมกัน พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก แต่ก็ยังคงระมัดระวังต่ออาณาจักรราชันสุริยัน

“ เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็ออกไปก่อนได้แล้ว” ซุยเฮ็งโบกมือและมองไปที่หนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ “ ข้าจะอ่านหนังสือเหล่านี้ต่อไป ถ้ามีอะไรพวกเจ้าก็สามารถมาได้ทุกเมื่อ”

“ ท่านประมุขเซียน ข้า.. ข้ามีเรื่องจะถามท่าน” หลี่เว่ยรวบรวมความกล้าและก้าวไปข้างหน้า

“ ว่ามา” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย

“ ข้าต้องการจะถามท่านเกี่ยวกับวิธีการฝึกตนของเรา” หลี่เว่ยหายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ ท่านบอกว่ามันมีปัญหากับวิธีการฝึกตนที่ใช้แก่นแท้เซียนถูกไหม? นั่นหมายความว่ายังไงกัน?”

“ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะตระหนักถึงปัญหาหากเจ้าลองคิดเกี่ยวกับมัน เจ้าแค่อาจยังไม่ได้ค้นพบมันก่อนหน้านี้เพราะเจ้าไม่ได้สงสัยติดใจอะไร” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดต่อว่า “ ตั้งแต่วินาทีที่เจ้ากลายเป็นเซียนทอง เจ้าได้ขัดเกลาร่างกายของเจ้าเองหรือเจ้าได้ขัดเกลาแก่นแท้เซียนของเจ้า?”

“ นี่…” หลี่เว่ยรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าในทันทีและตัวแข็งทื่อ

ในขณะนี้ ความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ ความสงสัยทุกอย่างที่เคยปรากฏขึ้นในตอนที่เธอได้ฝึกตนในอดีตได้ปรากฎขึ้น

เหตุใดเทพลึกลับจึงไม่สามารถเข้าถึงขอบเขตเซียนทองด้วยตัวเองได้? ทำไมพวกเธอถึงต้องพึ่งพาแก่นแท้เซียน?”

แม้แต่กายาเซียนของเซียนทองก็ยังอาศัยพลังจากแก่นแท้เซียน

หากมีใครต้องการจะเป็นเซียนอนันต์ทอง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับแก่นแท้เซียนซะก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเซียนทองหรือเซียนอนันต์ทอง แก่นแท้พลังของพวกเขาก็ล้วนแล้วมาจากแก่นแท้เซียน

ในกรณีนี้ เมื่อแก่นแท้เซียนของพวกเขาถูกปลดออก ผลการฝึกตนทั้งหมดของพวกเขาก็จะหายลับไปตามสายลมในทันที

ไม่ นี่มันไม่ถูกต้อง!

นอกจากนี้ เมื่อพวกเขาบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตที่หก พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับอยู่บนร่างกายของพวกเขาก็ยังหลอมรวมกันเข้ากับแก่นแท้เซียน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากแก่นแท้เซียนของปราชญ์ถูกปลดออก ผลการฝึกตนทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่าและต้องกลับมาเริ่มที่ขอบเขตที่สี่ใหม่

หลี่เว่ยตระหนักถึงปัญหาได้ในทันที

อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอนึกถึงคำถามเหล่านี้ เธอเคยได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นมาก่อนแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยคิดหรือสงสัยอะไรเลย

ท้ายที่สุดแล้ว วิธีการฝึกตนด้วยแก่นแท้เซียนนั้นก็เป็นวิธีเดียวที่พวกเธอรู้จัก

สำหรับผู้ฝึกตนทุกคน นี่ก็เป็นเส้นทางที่สามารถเปิดประตูไปสู่ขอบเขตปราชญ์ได้

หากมันมีปัญหากับวิธีการฝึกตนนี้ แล้วพวกเขาจะกลายเป็นเซียนทองได้อย่างไร พวกเขาจะทำอย่างไรกับการปรับแต่งกายาเซียน?

มันไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งนี้

แต่ในขณะนี้ หลี่เว่ยก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว และเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงไม่มีใครมาสนใจเกี่ยวกับข้อสงสัยเหล่านี้แม้ว่ามันจะชัดเจนมากก็ตาม

นี่ก็เพราะมันคือเส้นทางเดียว

เฉพาะเมื่อเส้นทางที่แตกต่างออกไปถูกนำเสนอขึ้นมาเท่านั้น คนที่ฝึกฝนเส้นทางนี้อยู่จึงจะรู้สึกได้ว่าเส้นทางที่พวกเขาเดินนั้นอาจผิด

“ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน ท่านประมุขเซียน” หลี่เว่ยคุกเข่าลงด้วยความเคารพ สายตาของเธอเปลี่ยนจากความกลัวและความสับสนเป็นความกระจ่างในขณะที่เธอพูดอย่างเคร่งขรึม “ ท่านประมุขเซียน โปรดปลดแก่นแท้เซียนของข้าออกไปด้วย”

ทันทีที่เธอพูดจบ หลี่หมิงเฉียงและเป่ยฉิงซูก็มองเธอด้วยความประหลาดใจ

หลี่เว่ยได้ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะกลายเป็นเซียนอนันต์ทอง ดังนั้นถ้าเธอถอดแก่นแท้เซียนออกไปในตอนนี้ มันก็ไม่เพียงแต่เธอจะสูญเสียผลการฝึกตนทั้งหมดในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาไปเท่านั้น แต่เธอจะยังเหลืออายุขัยน้อยลงอีกมากด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เธออายุมากกว่า 700 ปีแล้ว

สำหรับเซียนอนันต์ทองที่มีอายุ 5,000 ปี ชีวิตของเธอก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เธอยังสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าเธอยังเด็ก

อย่างไรก็ตาม เมื่อขอบเขตของเธอกลับสู่ขอบเขตเทพลึกลับ เธอก็จะมีอายุเพียงพันปีเท่านั้น

ในอีก 200 ปี เธอก็จะตายด้วยโรคชรา

“ โอ้?” ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เขามองดูสาวน้อยคนนี้ด้วยความสนใจ “ หลังจากถอดแก่นแท้เซียนออกไปแล้ว ขอบเขตของเจ้าก็จะลดลงนะ”

“ เจ้าจะฝึกตนต่อไปอย่างไร? หรือว่าเจ้าต้องการจะสำรวจเส้นทางสู่การเป็นเซียนทองโดยปราศจากแก่นแท้เซียน? แต่เจ้าก็มีเหลืออายุขัยเหลือไม่มากนักที่จะทำเช่นนั้นแล้วนะ”

“ พูดตามตรง ท่านประมุขเซียน ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ข้าก็รู้ขีดจำกัดของตัวเองดี ข้ารู้ว่าข้าไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นบรรพบุรุษของสายเลือด” หลี่เว่ยส่ายหัวและอธิบายว่า “ ข้าอยากจะอยู่เคียงข้างท่านพี่หมิงเฉียงในฐานะผู้ติดตามของเธอ ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออีก 200 ปีเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเธอและแสวงหาวิธีที่จะเป็นเซียนทอง”

หลี่หมิงเฉียงตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ

ย้อนกลับไปในโลกสูญสวรรค์ ซุยเฮ็งก็ได้อนุญาตให้เธอและเป่ยฉิงซูสามารถรับลูกศิษย์และถ่ายทอดเคล็ดวิชาของพวกเขาได้

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เส้นทางทั้งสองนี้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น เส้นทางการฝึกตนกึ่งสำเร็จรูปเช่นนี้ไม่สามารถฝึกต่อไปได้หลังจากไปถึงทางตันแล้ว มันต้องรวบรวมข้อมูลให้มากขึ้น ดังนั้นยิ่งมีคนร่วมกันฝึกมันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งง่ายสำหรับพวกเขาที่จะไปต่อ

“ สำหรับเจ้าแล้ว นี่ก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว” ซุยเฮ็งคาดเดาได้ตั้งแต่เห็นหลี่เว่ยร้องขอ เขายิ้มและพูดว่า “ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ้าจะได้รับการยอมรับจากหมิงเฉียงหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง” จากนั้นเขาก็มองไปที่หลี่หมิงเฉียง “ เจ้าต้องการรับผู้หญิงคนนี้เข้ามาหรือไม่?”

“ ท่านอาจารย์ นางจัดหนังสือได้ค่อนข้างเป็นระเบียบ ดังนั้นนางจึงค่อนข้างมีประโยชน์” หลี่หมิงเฉียงพยักหน้าและยิ้ม “ และบังเอิญ ตำหนักของข้าก็ยังขาดผู้ดูแลซะด้วย”

“ ถ้างั้นก็จัดไป” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย

“ ขอบพระคุณท่านประมุขเซียน ขอบพระคุณพี่หมิงเฉียง ไม่สิ ขอบพระคุณนายหญิง!” หลี่เว่ยกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระคุณนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอ

เป่ยฉิงซูลูบจมูกของเขาอยู่ด้านข้าง เขารู้สึกว่าเขากำลังกลายเป็นคนนอก

….

เมื่อหลี่เฉิงเห็นรู้ถึงกระทำของน้องสาวของเขา เขาก็ตกตะลึงในทันทีและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึง…”

ในขณะนี้ แก่นแท้เซียนของหลี่เว่ยก็ได้ถูกซุยเฮ็งถอดออกไปแล้ว และอายุขัยของเธอก็ได้ลดลงอย่างมาก มันเท่ากับว่าเธอได้เข้าสู่ช่วงวัยทองแล้ว

หลี่เฉิงและหลี่เว่ยในปัจจุบันนั้นดูไม่เหมือนกับพี่น้องกัน พวกเขาดูเหมือนกับคู่แม่ลูกแทน

อย่างไรก็ตาม หลี่เว่ยก็ยังอารมณ์ดี เธอไม่ได้รู้สึกหดหู่ใจกับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาเลยแม้แต่น้อย เธอกลับรู้สึกมีความสุขที่ได้เกิดใหม่

เมื่อเผชิญหน้ากับความตกใจของพี่ชาย เธอก็ถึงกับพูดติดตลกว่า “ หลี่เฉิง เรียกข้าว่าพี่สาวสิ!”

อย่างไรก็ตาม หลี่เฉิงก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่น เขามองดูหลี่เว่ยด้วยความประหลาดใจและตื่นตระหนก “ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดขอบเขตของเจ้าถึงลดลง? หรือว่าแก่นแท้เซียนของเจ้า?”

“ ข้าเป็นคนขอให้ท่านประมุขเซียนช่วยถอดแก่นแท้เซียนของข้าออกไปเอง” หลี่เว่ยขัดจังหวะหลี่เฉิงและอธิบายว่า “ เรื่องมันเป็นมาแบบนี้…”

จากนั้นเธอก็บอกหลี่เฉิงเกี่ยวกับเรื่องของแก่นแท้เซียน

หลี่เฉิงเงียบลง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจ “ เมื่อก่อนข้าก็รู้สึกเสมอว่าข้าจะสามารถเป็นแบบอย่างให้กับเจ้าได้ไม่ว่าเจ้าจะเจอกับอะไร แต่ตอนนี้ ข้าก็ตระหนักได้แล้วว่ามันมีบางสิ่งที่ข้าทำไม่ได้จริงๆ”

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็หยุดชั่วคราวและยิ้มขึ้นอีกครั้ง เขาพูดกับหลี่เว่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ เจ้าทำถูกต้องแล้ว!”

“ แน่นอน!” หลี่เว่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ ข้าจะพยายามทำงานของข้าให้ดีที่สุด”

….

ในอีกไม่กี่วันต่อมา ซุยเฮ็งได้อ่านหนังสือที่เย่หาน "ทิ้งไว้” จนหมด

ตำหนักกาฬโรคมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึง 120,000 ปีที่แล้ว หากศึกษาอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็อาจพบเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับความลับโบราณได้

สำหรับเขาแล้ว ทุกความลับโบราณก็อาจหมายถึง "ประสบการณ์” ครั้งใหญ่

แน่นอนว่ามันมีค่ามากที่จะตรวจสอบ

นอกจากนี้ เขาก็ยังได้ทำการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของตำหนักกาฬโรค เขาพยายามใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้เพื่อสร้างคาถาที่ใช้งานได้จริงขึ้นมา

เคล็ดวิชาของตำหนักกาฬโรคนั้นเน้นไปที่โรคระบาด ภัยพิบัติ และความตายเป็นหลัก

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะล้วนเป็นกฎและเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ค่อนข้างอยู่ในแง่ลบ แต่พวกมันก็ล้วนเป็นวิธีการโจมตีกลุ่มใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ยังเกี่ยวข้องกับความลึกลับของชีวิตในระดับหนึ่ง และมีคุณค่าในการอ้างอิงที่ดี

อย่างไรก็ตาม หลังจากศึกษามาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็รู้สึกดูเหมือนว่าเขาจะประเมินคาถาที่แท้จริงน้อยเกินไป

หนึ่งร้อยปีผ่านไปแล้ว และเขาก็ยังคงใช้คาถาทั้ง 13 ที่เขาอนุมานมาก่อนอยู่เลย

“ ความสมดุลของสกุลเงินของระบบนั้นเพียงพอแล้ว มันเป็นการดีที่จะใช้มันเพื่ออนุมานคาถาใหม่สักหน่อย”

จิตใจของซุยเฮ็งเริ่มทำงานในทันที “ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็จะก้าวเข้าสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ของจักรวาลแล้ว ดังนั้นฉันจึงต้องการคาถาใหม่เพื่อเป็นที่พักพิง”

“ เอาล่ะ แลกเวลาอ่านวิชาเซียนขั้นต้น และเริ่มต้นอนุมานคาถาได้!”