ตอนที่ 151

บทที่ 151 : เจ้าคือความหวังเดียวของโถงพุทธมามกะเป่าหลิน!

บนดินแดนรกร้างไร้ที่สิ้นสุด กองทหารนับล้านยืนเรียงกันเป็นแถว

เดิมทีพวกเขาเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังมากพอจะกวาดล้างโลกทั้งใบได้ แต่ตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคนเพียงคนเดียว กองทัพทั้งหมดก็เงียบลงและไม่กล้าจะเคลื่อนไหว

กระบี่เพียงเล่มเดียวก็สามารถขวางทหารนับล้านได้

วลีนี้ไม่ได้พูดเกินจริงอีกต่อไป

มันกลายเป็นความจริงแทน!

หลิวอี้หยุนยืนอยู่ข้างหลังซุยเฮ็ง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ

เธอมองไปที่เหล่ามวลชนนับล้านที่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่รู้จะอธิบายอารมณ์นี้อย่างไร

ตั้งแต่สมัยโบราณ มันก็เป็นเรื่องยากมากที่ผู้ฝึกตนจะเผชิญหน้ากับราชวงศ์ที่มีอำนาจแบบตัวต่อตัว แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพก็ยังสู้ได้เพียงหนึ่งต่อหมื่นเท่านั้น

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะต่อสู้กับกองทหารหลายแสนนาย

ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพเป็นเพียงมนุษย์ ดังนั้นหากมีศัตรูเยอะเกินไป พวกเขาก็อาจถูกเหนียบจนตายได้

แต่ตอนนี้ ปรมาจารย์ปู่ของเธอก็ทำมันได้แล้ว!

นี่เป็นพลังของคนที่อยู่เหนือขอบเขตเทพอย่างงั้นหรอ?

ไม่สิ ขอบเขตเซียนมนุษย์ก็ยังไม่มีพลังเช่นนี้อย่างแน่นอน

หรือว่าปรมาจารย์ปู่จะเป็นเทวาแล้ว?

นั่นก็ไม่ใช่!

สิ่งที่เพิ่งต่อสู้กับพระตูฟาไปนั้นเป็นเพียงเส้นผมของปรมาจารย์ปู่

แค่เส้นผมก็เปรียบได้กับเทวาแล้วหรอ!

นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย?!

ยิ่งหลิวอี้หยุนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น เธอรู้สึกว่าโลกทัศน์และความรู้ของเธอกำลังจะถูกพลิกกลับ

จางซูหมิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างดูสงบกว่ามาก

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ถือว่าซุยเฮ็งเป็นราชาสวรรค์มานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นว่าแค่หุ่นเชิดก็ยังสามารถเอาชนะพระตูฟาได้นั้น เขาก็ยังรู้สึกเสียวซ่าไปทั่วหนังศีรษะ

นี่คือพลังของราชาสวรรค์หรอ?

ไม่แปลกใจเลยที่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะหาได้ยากในโลกเบื้องบน

หากยอดฝีมือดังกล่าวปรากฏตัวขึ้นบ่อยครั้ง ท้องฟ้าก็คงจะพลิกคว่ำไปหลายครั้งแล้ว

“ บางทีความเป็นความตายของตำหนักเต๋าอี้อาจจะอยู่ในน้ำมือของท่านเทพเซียนผู้สูงส่ง” หัวใจของจางซูหมิงเต็มไปด้วยความหวัง

หลังจากซุยเฮ็งถามคำถามนั้น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ

เขายืนอยู่ตรงนั้นและมองไปที่เสิ่นหยู, เต๋าเจิงและคนอื่นๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ

อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์นี้ สำหรับเสิ่นหยูและคนอื่นๆ แล้ว การไม่พูดอะไรนั้นก็น่ากลัวยิ่งกว่าการพูด

ความกลัวและความสิ้นหวังอันแรงกล้ายังคงค้างคาอยู่ในใจของพวกเขา

พวกเขาทั้งหมดเหงื่อออกทั่วตัว แต่มันก็ยังไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะไปทำให้ซุยเฮ็งโกรธ และหัวของพวกเขาจะหลุดออกจากบ่าในทันที

ผู้นำที่อยู่ข้างหน้าไม่พูดอะไรเลย และทหารที่อยู่ข้างหลังจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ดวงตาของพวกเขาว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

นี่คือผลลัพธ์ที่ซุยเฮ็งต้องการ

มียอดฝีมือขอบเขตสัมผัสโลกามากกว่าหนึ่งโหล ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพหลายคน และกองกำลังอีกมากกว่าหนึ่งล้านคน ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงเป็นกำไรชั้นดี

ทั้งแสงสีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์ของความกลัว และแสงสีเทาที่เป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าโศก แสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่ามันยังมีแสงสีม่วงที่เป็นสัญลักษณ์ของความโกรธ

พระตูฟาเป็นสัตว์ประหลาดขุมทรัยพ์เคลื่อนที่ของจริง

แท้จริงแล้ว เขาก็ยังไม่หมดหวังและยังคงโกรธอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระตูฟาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ได้ตะโกนหรือขู่เขาด้วยภูมิหลังของตน

แต่เขากลับนอนอย่างอ่อนแรงบนพื้นโดยไม่เคลื่อนไหว

ไม่มีการต่อสู้ และไม่มีคำพูดใดๆ

เขาปล่อยให้กระบี่ปักอยู่ในร่างกายของเขา

ในความเป็นจริง พระตูฟาก็กำลังพยายามจะเปิดใช้งานพลังของพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ในร่างกายของเขา มันไม่ใช่เพื่อจัดการกับซุยเฮ็ง แต่มันเพื่อติดต่อกับพระซวงคงซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้

เมื่อเขากระตุ้นพลังของพระธาตุหยกพระโพธิสัตว์เพื่อต่อสู้กับหุ่นเชิด เขาก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วมันมีตราประทับที่พระซวนคงได้ทิ้งไว้บนพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์

มันมีแสงแห่งความเมตตาอันไร้ขอบเขตอยู่บนนั้น และแท้จริงแล้วมันก็เป็นตราพระธรรมจักร

อย่างไรก็ตาม ผนึกนี้ก็ไม่ได้มีความสามารถในการปราบปีศาจ มันเพียงแค่สามารถใช้เพื่อสื่อสารกับเจ้าของผนึกได้โดยการเปิดใช้งานผนึกเท่านั้น

“ เสร็จแล้ว!”

พระตูฟารู้สึกยินดีขึ้นมาในทันใด

ในที่สุดเขาก็เปิดใช้ผนึกธรรมนี้และรีบส่งข้อความผ่านมันไปในอากาศ “ ท่านอาจารย์ ซุยเฮ็งนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพธรรมดา เขาใช้ปอยผมเพื่อเอาชนะข้า ข้าควรทำอย่างไรดี?”

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข้อความจากอีกฝั่งตอบกลับมา

“ ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ธรรมดา อย่างน้อยเขาก็น่าจะเป็นเซียนสวรรค์ ก่อนหน้านี้ข้าคิดผิด ซุยเฮ็งไม่ใช่เบี้ยของตำหนักเต๋าอี้และสำนักเซียนอรุณ บางทีทั้งสองสำนักนี้อาจจะเป็นเบี้ยของเขา!”

“ เป้าหมายของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่ๆ เจ้าจะต้องยับยั้งเขาให้ทันเวลา มิฉะนั้นผลที่ตามมาก็จะเป็นไปไม่ได้ เจ้าคือความหวังเดียวของโถงพุทธมามกะเป่าหลิน”

“ ตราพระธรรมจักรที่เจ้าเห็นนั้นก็มีลักษณะพิเศษคือมีพลังพุทธ เมื่อเจ้าได้รับข้อความของข้า มันก็จะเริ่มนับถอยหลัง และหลังจากสิบลมหายใจ มันก็จะระเบิด”

“ การระเบิดของตรานี้จะเท่ากับการโจมตีของพระพุทธเจ้าเอง มันจะฆ่า ซุยเฮ็งโดยธรรมชาติ และถือได้ว่าเป็นการล้างความเกลียดชังของเจ้า และเจ้าก็จะสามารถจากไปได้อย่างสงบ”

พระตูฟาตกตะลึงในทันใด จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความเหลือเชื่อ

ในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง

เหตุใดอาจารย์ของเขาจึงยังเล่นกับพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ทั้งๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะขัดเกลามัน? มันไม่ใช่เพราะเขาต้องการตรวจสอบความปลอดภัยของพระธาตุหยก

แต่มันเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการจะใช้เขาเป็นอาวุธมนุษย์!

อีกฝ่ายต้องการให้เขาตายไปพร้อมกับชัยชนะ!

“ ทำไม ทำไม ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!”

ความโกรธของพระตูฟาพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่ซุยเฮ็งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเขาหรือไม่

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อพระซวนคง แต่เขาก็ยังรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกออกอื่น

แทนที่จะคำรามอย่างบ้าคลั่งและทำให้อีกฝ่ายระแวดระวัง

มันก็จะดีกว่าที่จะรอการระเบิดอย่างเงียบๆ

เขาต้องการให้ทุกคนที่นี่ตายไปพร้อมกันกับเขา!

“ เฮ้ แม้ว่าเจ้าจะทรงพลังและเทียบได้กับเซียนสวรรค์ แต่แล้วยังไงล่ะ? เจ้ายังไม่ได้ตายโดยไม่มีหลุมฝังศพนี่?” พระตูฟาจ้องมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยท่าทางที่น่ากลัว

เขารอให้ตราในร่างของเขาระเบิด

แต่ในขณะนี้ ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็หันกลับมามองเขาและพูดด้วยรอยยิ้มหยอกล้อว่า “ เจ้ากำลังรอให้ผนึกในร่างกายของเจ้าระเบิดอย่างงั้นหรอ?”

“ อะไรนะ?!” ใบหน้าของพระตูฟาแสดงสีหน้าตกใจอย่างมากในทันที เขาพูดด้วยความเหลือเชื่อ “ เป็นไปได้ยังไง? เจ้ารู้ได้อย่างไร…”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ แสงพุทธสีทองก็ได้ส่องออกมาจากปากของเขา และทันใดนั้น แสงก็พุ่งออกจากตา หู จมูกและปากของเขา

จู่ๆ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นในร่างกายของพระตูฟา มันทำให้เกิดแสงพุทธแผ่ออกมาจากทั่วร่างกายของเขา

ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ

“ ทำไมข้าถึงรู้ได้น่ะหรอ? เจ้ารู้ไหมว่าพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์นั่นคืออะไร?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่พระตูฟาก่อนที่จะยกอีกฝ่ายลอยสูงขึ้นไปในทันใด

บู้มมมม!

ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น พระตูฟาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงพุทธก็ได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วที่เร็วมาก มันทิ้งร่องรอยสีขาวเป็นทางยาวไว้ในความว่างเปล่า

ในขณะนี้ พระตูฟาก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะและยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก เขารู้ว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่เขาจะตาย เขาก็จะต้องคิดอะไรบางอย่าง

เขาเริ่มสัมผัสพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ในร่างกายของเขา แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าพระธาตุหยกอันศักดิ์สิทธิ์นั้นได้หายไปแล้ว

มันเหลือแต่เพียงกระดูกไก่ที่ถูกแทะอย่างหยาบๆ เท่านั้น!

กระดูกไก่?!

ทำไมมันถึงกลายเป็นกระดูกไก่ไปได้?

นี่จะเป็นกระดูกไก่ไปได้ยังไง!

พระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์นั้นเป็นกระดูกไก่จริงๆ หรอ?!

ไก่เป็นพระโพธิสัตว์?!

หรือว่าพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์นั้นถูกปลอมขึ้นมาโดยซุยเฮ็งด้วยกระดูกไก่?

อย่างไรก็ตาม เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

พลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ชนิดใดกันที่จะสามารถเปลี่ยนกระดูกไก่ให้กลายเป็นพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ได้?

ซุยเฮ็งคนนี้เป็นใครกัน!

หัวใจของพระตูฟาพลุ่งพล่านด้วยความกลัวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ความรู้สึกนี้หนักหน่วงยิ่งกว่าตอนที่เขารู้ว่าเขากำลังจะถูกบีบให้ระเบิดตัวเองตาย

เขายังสงสัยด้วยซ้ำว่าซุยเฮ็งอาจไม่ใช่เซียนสวรรค์แต่เป็นตัวคนที่สูงกว่า!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของพระตูฟาก็พองโตด้วยความปิติยินดีอีกครั้ง เขารู้สึกขอบคุณซุยเฮ็งเล็กน้อย

เขารู้ว่าตั้งแต่โถงพุทธมามกะเป่าหลินได้รุกรานยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มันก็จะถูกทำลายลงในที่สุดแน่นอน

“ อาจารย์ ท่านปฏิบัติต่อข้าเป็นเหมือนเบี้ย แต่ครั้งนี้ท่านก็ใช้เบี้ยตัวนี้เดินผิดทางแล้ว!”

“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

บึ้มมมมม!

แสงพุทธที่พร่างพรายระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า มันก่อตัวเป็นลูกบอลแสงสีทองขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ คลื่นกระแทกอันรุนแรงแผ่กระจายออกไป และพื้นที่โดยรอบหลายพันฟุตก็ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

การยืนอยู่บนพื้นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้านั้นทำให้รู้สึกราวกับว่าดวงอาทิตย์ได้ระเบิดออก ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงเสียงพายุเฮอริเคนและฝุ่นทรายที่ปลิวว่อนไปทุกที่

นี่คือพลังของการระเบิดของตราพุทธ!

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กองทัพทั้งหมดกลายเป็นผงธุลี

เสิ่นหยูและคนอื่นๆ คุกเข่าและหมอบลงกับพื้น พวกเขากล่าวขอร้องด้วยความเคารพ “ ท่านเทพเซียนโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”

จากมุมมองของพวกเขา ซุยเฮ็งก็เป็นผู้ที่ทำให้พระตูฟาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและระเบิด

สิ่งนี้ทำลายความเข้าใจของพวกเขาทั้งหมด

ถ้าพวกเขาไม่ร้องขอความเมตตาหลังจากเจอเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็คงจะต้องกลายเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ