บนสมรภูมิ
อวตารหมาป่าละโมบหยุดนิ่งอยู่กับที่ ราวกับว่ามันไม่อาจขยับได้เลย
ดวงตาของทหารเมืองล่าสวรรค์เปล่งประกายขึ้นเมื่อพวกมันเห็นภาพฉากนี้ จากนั้นพวกมันก็ใช้วิธีการโจมตีและทักษะการโจมตีทุกประเภทเพื่อโจมตีอวตารหมาป่าละโมบ
แม้ว่าพวกมันส่วนใหญ่จะไม่มีอาชีพ แต่พวกมันก็ได้เริ่มต้นเดินบนเส้นทางแห่งผู้เชี่ยวชาญแล้วและพอมีพลังของผู้เชี่ยวชาญอยู่บ้าง
มันก็แค่พวกมันไม่มีทักษะของอาชีพเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญก็เท่านั้น
ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไปมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกมันจะพอเข้าใจพลังของผู้เชี่ยวชาญอยู่บ้าง แต่เมื่อพวกมันโจมตีอวตารหมาป่าละโมบ พวกมันก็ตระหนักได้ว่าการโจมตีของพวกมันไม่อาจทะลวงผ่านการป้องกันของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าได้เลย พวกมันสามารถสร้างระลอกคลื่นเล็กน้อยบนร่างกายของมันได้เป็นอย่างมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
พวกมันแค่ต้องการใช้วิธีการของตัวเองเพื่อผลาญพลังงานของอีกฝ่าย
พลังงานของอีกฝ่ายมีจำกัด ตราบใดที่พวกมันโจมตีต่อไปเรื่อยๆ พวกมันก็จะสามารถผลาญความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงเวลานั้น พวกมันก็จะสามารถจัดการกับอวตารหมาป่าละโมบตัวนี้ได้
ณ เมืองเทพล่าสวรรค์
สีหน้าของเจ้ออันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเมื่อมันเห็นว่าการโจมตีอย่างเป็นระบบของมันได้ผล
กฎเกณฑ์คือการโจมตีในระดับสูง
ทั้งสองเปรียบได้กับน้ำและหิน
แม้ว่าจะมีขนาดเท่ากัน แต่น้ำก็ไม่สามารถทำลายหินได้
ดังนั้น ในสายตาของมัน มันจึงเป็นธรรมดาที่กฎเกณฑ์—แรงโน้มถ่วงของมันจะสามารถสยบอีกฝ่ายได้
ต่อไป ตราบใดที่คนของมันสามารถผลาญพลังงานของอีกฝ่ายไปจนหมดได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง อีกฝ่ายก็คงจะพ่ายแพ้ไปเอง
ชัยชนะอยู่ที่ปลายนิ้วของมันแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มันก็กำลังจะหันกลับไปและไปยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าล่าสวรรค์
แต่ในเวลานั้นเอง
“อู้ว!!”
เสียงคำรามของหมาป่าเทวะที่ฟังดูเหมือนจะมาจากดวงดาราดังขึ้น
เจ้ออันหันไปในทันที
จากนั้นมันก็อึ้งไปเมื่อเห็นว่าอวตารหมาป่าละโมบซึ่งเดิมทีถูกมันสยบไว้ในระยะไกลได้เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์แรงโน้มถ่วงของมันแล้วและเริ่มเข่นฆ่าเหล่าทหารที่อยู่รอบๆ มันอีกครั้ง
“ระดับพลังงานของวิญญาณค่ายกลนี้มาถึงขีดจำกัดของระดับเหนือสามัญแล้ว นอกจากนี้ยังมีทหารเผ่าพันธุ์มนุษย์ระดับแพลตตินั่มขาวกว่า 4,000 คนคอยสนับสนุนค่ายกล และยังมีทหารระดับทองคำเหลืองและระดับเงินขาวอีกเป็นจำนวนมาก เจ้าคงไม่อาจสยบมันไว้ได้ด้วยกฎเกณฑ์แห่งแรงโน้มถ่วงของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
เสียงของเจ้าล่าสวรรค์ดังขึ้น
ในเวลานั้นเอง มันก็จ้องมองไปยังอวตารหมาป่าละโมบในระยะไกล ดวงตาของมันเปล่งแสงเจ็ดสี มันสามารถมองทะลุผ่านจำนวนและความแข็งแกร่งของทหารในอวตารหมาป่าละโมบได้อย่างรวดเร็ว
พลังแห่งกฎเกณฑ์ช่างแข็งแกร่งจริงๆ
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังอ่อนแออยู่ พลังงานในร่างกายของพวกมันไม่อาจสำแดงพลังที่แท้จริงของกฎเกณฑ์ได้
ดังเช่นหินที่แข็งแกร่งกว่าน้ำมาก แต่ถ้ามันเป็นคลื่นยักษ์จากทะเลที่สาดเข้ามา หน้าผาก็อาจพังทลายลงมาได้
“ทหารระดับแพลตตินั่มขาวกว่า 4,000 คนเหรอขอรับ?”
เจ้ออันและชาวเทพเลี้ยงแกะอีก 3 คนเผยสีหน้าตกใจออกมาทันที
แม้ว่าความก้าวหน้าของมนุษย์พวกนี้จะไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเสริมแกร่งเท่ากับพวกมัน แต่การมีทหารระดับแพลตตินั่มขาวมากกว่า 4,000 คนในตอนนี้ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
เจ้าล่าสวรรค์เองก็มองเห็นสีหน้าของพวกมัน
“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพรสวรรค์แห่งลอร์ดของมนุษย์ผู้นี้ มิฉะนั้นมันคงไม่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ อย่าประมาทอีกฝ่าย ร่วมมือกันโจมตีซะ!”
มันกล่าว
“ขอรับ!”
“ให้ข้าจัดการเอง”
ชาวเทพเลี้ยงแกะอีก 3 คนเดินออกมาและยืนอยู่ข้างๆ เจ้ออัน
พวกมันชูมือขึ้น และพลังแห่งกฎเกณฑ์นานาชนิดก็ถูกปลดปล่อยออกมา
กฎเกณฑ์แห่งไฟ!
กฎเกณฑ์แห่งลูกศร!
กฎเกณฑ์แห่งความคม!
ในชั่วพริบตา โลกก็เปลี่ยนสีสันไป
พระเพลิงกวาดไปทั่ว
ลูกศรโปร่งใสควบแน่นในอากาศ
ในเวลาเดียวกัน กฎเกณฑ์แห่งความคมที่มองไม่เห็นก็ติดอยู่รอบๆ ลูกศร และเพิ่มพลังของกฎเกณฑ์แห่งลูกศรขึ้นไปอีกขั้น!
อึดใจต่อมา เปลวเพลิงก็สาดเข้าใส่อวตารหมาป่าละโมบ!
เมื่อทหารจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ เห็นเช่นนี้ พวกมันก็กลัวมากจนไม่กล้าเข้าไปใกล้ และพากันเว้นที่ว่างระหว่างอวตารหมาป่าละโมบ
ลูกศรโปร่งใสพุ่งเข้าใส่ศีรษะของอวตารหมาป่าละโมบ!
ลูกศรเหล่านี้พุ่งเข้าใส่กลางหน้าผากของอวตารหมาป่าละโมบในพริบตา จากนั้นมันก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยและพุ่งทะลวงเข้าไปด้วยการเสริมพลังของกฎเกณฑ์แห่งความคม
เมื่อโจวโจวที่อยู่ในระยะไกลเห็นภาพฉากนี้ เขาก็อึ้งไปในทันที
พูดตามหลักการแล้ว อวตารหมาป่าละโมบที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นพลัง พลังปราณ และจิตวิญญาณของทหาร 100,000 คนของเขา ตราบใดที่แก่นพลัง พลังปราณ และจิตวิญญาณของทหาร 100,000 คนไม่หมดไป มันก็จะไม่มีจุดอ่อนใดๆ บนร่างกายของอวตารหมาป่าละโมบ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกศรจะสามารถทะลวงร่างของมันได้
อย่างไรก็ตาม ภาพตรงหน้าของเขาก็บอกโจวโจวว่ามันสามารถทำแบบนั้นได้
“นี่คือพลังแห่งกฎเกณฑ์งั้นเหรอ? มันสามารถทำให้ชาวเทพเลี้ยงแกะระดับบรอนซ์เขียวขั้นสูง 4 คนสามารถทะลวงร่างของอวตารหมาป่าละโมบของฉันที่มีความแข็งแกร่งในระดับเหนือสามัญได้เลยเหรอ?”
โจวโจวขมวดคิ้ว
ใช่แล้ว เขาเห็นความแข็งแกร่งของชาวเทพเลี้ยงแกะทั้งสี่แล้วและพบว่าความแข็งแกร่งของพวกมันอยู่ในระดับบรอนซ์เขียวขั้นสูงเท่านั้น
และชาวเทพเลี้ยงแกะที่มีความแข็งแกร่งแค่นี้ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับอวตารหมาป่าละโมบของเขาได้ นี่ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก
ตามที่คาดไว้จากสุดยอดเผ่าพันธุ์ที่เทียบได้กับเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณต้นกำเนิดและเผ่าพันธุ์เทพแห่งความโกลาหล
มันแข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อจริงๆ
สายตาของเขามองไปยังทหารต่างเผ่าพันธุ์ 200,000 คนที่อยู่รอบๆ
เขาไม่ประหลาดใจเลยที่เจ้าล่าสวรรคจะมีลูกน้องจากต่างเผ่าพันธุ์มากมายขนาดนี้
ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เทพเลี้ยงแกะ พวกมันก็คงจะสามารถช่วงชิงลูกน้องจำนวนมากขนาดนี้มาด้วยกำลังแม้ว่าพวกมันจะไม่มีพรสวรรค์หรือไอเท็มอย่างยุยงแปรพักตร์หรือหนังสือรับสมัครเลย
นอกจากนี้ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินยังสามารถรวบรวมลอร์ดได้หลายพันคนโดยการจัดตั้งพันธมิตรแห่งลอร์ดและได้รับกองกำลังมาเป็นจำนวนมาก
เขาไม่เชื่อว่าลอร์ดที่มีสายเลือดระดับสูงพวกนี้จะคิดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพวกมันแล้ว ทหารของเขาก็ยังมีข้อได้เปรียบใหญ่อยู่สองข้อ
ข้อแรกก็คือพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญกันมากกว่า 90% เพราะนอกเหนือจากกองทัพมอนสเตอร์แล้ว ทหารจากกองทัพตะวันสาดแสงที่เหลือต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญกันทั้งหมด!
ส่วนข้อสองก็ย่อมเป็นความภักดี
ทหารต่อเขาล้วนแล้วแต่ภักดีต่อเขาโดยสมบูรณ์
สำหรับทหารของเจ้าล่าสวรรค์ เขาก็เห็นผู้หลบหนีจำนวนมากในการต่อสู้เมื่อครู่นี้แล้ว
ทหารที่จงรักภักดีจะไม่มีทางหนีไปจากการต่อสู้
สายตาของเขาจดจ้องไปยังอวตารหมาป่าละโมบอีกครั้ง
ในความคิดของเขา แม้ว่ากฎเกณฑ์แห่งลูกศรจะพุ่งเข้าใส่อวตารหมาป่าละโมบ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายเท่าไร
ย้อนกลับไปตอนที่ลูกศรโปร่งใสเพิ่งยิงเข้าที่หัวของอวตารหมาป่าละโมบ ในฐานะที่เป็นแกนหลักของค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทรา ตำแหน่งของอู๋ซินย่อมอยู่ที่กลางศีรษะของอวตารหมาป่าละโมบ
ดังนั้นอู๋ซินจึงต้องเผชิญหน้ากับมันเมื่อกฎเกณฑ์แห่งลูกศรและกฎเกณฑ์แห่งความคมพุ่งเข้ามา
เมื่อเผชิญหน้ากับลูกศรโปร่งใสที่ถูกควบแน่นขึ้นจากกฎเกณฑ์สองอัน ระฆังเตือนภัยจึงดังขึ้นในใจของอู๋ซิน
อึดใจต่อมา เสียงคำรามของมังกรก็ดึงขึ้นในทันใด
ในพริบตา อู๋ซินก็กลายร่างเป็นครึ่งมังกร
ในเวลาเดียวกัน คลื่นอากาศสีทองก็แผ่กระจายไปทุกทิศทางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลางและห่อหุ้มทหารระดับแพลตตินั่มขาว 4,008 คนในอวตารหมาป่าละโมบ สุดท้ายมันก็ก่อร่างขึ้นเป็นร่างมังกรทองจริงๆ
มันคือทักษะผู้กล้าของอู๋ซิน—มังกรทองทลาย!
จากนั้นมังกรทองก็พุ่งเข้าใส่ลูกศรโปร่งใสด้วยพลังงานที่ไม่อาจหยุดยั้งได้