ตอนที่ 290 การพัฒนาที่ไม่คาดคิด

"ปัง!"

เกิดเสียงดังไปทั่วโบสถ์ใต้ดิน

หลังจากต่อสู้มานานกว่าสิบนาที ในที่สุด หลิน ยู ก็กำจัดสัตว์ประหลาดใต้ดินทั้งหมดในโบสถ์จนเสร็จสิ้น ทำให้ทั้งโบสถ์กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ในเวลาต่อมา

เขาก็นำทหารพืชเข้าไปในโบสถ์ มาแท่นคริสตัลที่ถูกปิดผนึกอยู่ มองดูอย่างระมัดระวัง

เห็นได้ว่ามันมีอายุเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

มันมีหัวกระโหลดที่ใช้จุดเทียนล้อมรอบเป็นวงกลมด้วย

อย่างไรก็ตาม หลิน ยู กล้าที่ก้าวเข้าไปในขอบเขตของพิธีกรรม เพื่อหลักเลี่ยงเรื่องไม่คาดฝัน

เขามองผ่านคริสตัลไปยังเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ หน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้น

[ชื่อ : อลิสซา ไอร์แลนด์ (ราชัน)]

[เผ่าพันธุ์ : อันเดด]

[ระดับ : ระดับ 8 (ระดับ SSS)]

[ความแข็งแกร่ง : 4500 (+4500)]

[ร่างกาย : 4500 (+4500)]

[ความว่องไว : 4200 (+4200)]

[วิญญาณ : 4800 (+4800)]

[สกิล : คำสาปโลหิต , พายุโลหิต , เนตรแห่งความตาย]

[พลังความโกหาหล : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 100%]

[หมายเหตุ : ลูกสาวของคนขายเนื้อ ถูกนักบวชในโบสถ์ สังเวยในพิธีกรรมชั่วร้าย เพื่อให้สายเลือดบรรพชนผีดูดเลือดที่แท้จริงให้ตื่นขึ้นและผนึกไว้ในร่างของเด็กสาวตัวน้อย]

หะ?

กลายเป็นว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้คือมอนสเตอร์

แถมยังเป็นมอนสเตอร์ราชันอีกด้วย?

หลิน ยู ขมวดคิ้วขึ้น

เดิมทีเขานั้นคิดว่ามันเป็นพิธีกรรมต้องห้ามที่เก็บรักษาเด็กสาวตัวน้อยเอาไว้ ข้ามผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลาเพื่อรอให้เธอตื่นขึ้นในวันใดวันหนึ่ง

ตอนนั้นดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไป

เขาไม่คิดว่าคริสตัลนี้ตั้งอยู่ที่นี้มานานแค่ไหนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้คนยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่

โชคดีที่มอนสเตอร์ตัวน้อยนี้ยังถูกคริสตัลผนึกเอาไว้อยู่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ไม่อยากนั้น มันคงจะยากเกินไปสำหรับเขาที่จัดการกับมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะที่แข็งแกร่งในพื้นที่ใต้ดินที่แข็งเช่นนี้

ด้วยสกิลทั้งสามที่สามารถมองเห็นได้โดยระบบ

ด้วยค่าสถานะวิญญาณที่เกือบจะถึง 10000 สกิลที่มันปล่อยออกมา ไม่รู้ว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน

มันแข็งแกร่งซะยิ่งกว่าจิตวิญญาณหอกที่เขาเคยเจอภายในหอคอยแห่งบาปก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถรับมือได้ในตอนนี้

แต่ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับและจากไป

ทันใดนั้นเขามองเหลือบไปเห็นหีบสมบัติทางคำที่อยู่ด้านหลังวงแหวนค่ายกล

ใช่แล้ว

มันคือหีบสมับติ

อย่างที่เขาเคยเห็นในพื้นที่ก่อนหน้านี้มาก่อน หีบสมบัติที่มีโทเค็นทหารหายากและสมบัติต่างๆจะเหมือนกันทุกประการ

"เป็นไปได้ไหมว่า..."

ดวงตาของ หลิน ยู กลายเป็นสั่นไหวอย่างกระทันหัน จ้องมองไปที่หีบสมบัติที่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ

หลังจากเฝ้ามองอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ผ่านวงแหวนเข้าไปอย่างระมัดระวังมาถึงหีบสมบัติด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะเปิดมัน

[หีบสมบัติไม่สามารถเปิดได้]

[หีบสมบัติถูกปิดกั้นด้วยพลังบางอย่างต้องใช้บางอย่างในการเปิด]

ไม่สามารถเปิดได้งั้นเหรอ?

หลิน ยู ตกตะลึง

มองไปยังรอบๆหีบสมบัติ มันมีเลือดจางๆ อยู่รอบๆ ค่อยปกป้องหีบสมบัติอยู่

ด้านบนเหนือรูกุญแจนั้น มีช่องกากบาทอยู่ ดูเหมือนจะต้องใช้กุญแจในการเปิด

ด้วยความสงสัย เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังรอบๆ คอยมองหาเบาะแส

แต่ในวินาทีต่อมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้น

ในทางเดินใต้ดินที่ห่างไกล จู่ๆ ก็มีเข็มพิษพุ่งเข้ามากระแทกเข้าใส่เขาตริงๆ

"ใครกัน!?"

หลิน ยู หลบเข็มพิษได้อย่างเฉียดฉิว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองยังทางเดิน

ทันใดนั้น ก็มีร่างสี่ร่างเดินทางเข้ายังทางเดินใต้ดินพร้อมกับกองกำลังของพวกเขา

"ข้าไม่คิดว่าเลยว่าเจ้าจะหลบมันได้ ปฏิกิริยาตอบสนองไม่เลวเลยนิ"

"ไอ้หนู ส่งหีบสมับตินั้นมาซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"

"ข้าไม่ได้คิดว่าที่นี้จะมีหีบสมบัติอยู่จริงๆซะด้วย ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะได้รับโชคครั้งใหญ่ซะแล้ว"

คนเหล่านี้ ตาม หลิน ยู เข้าในทางเดินใต้ดินอย่างเงียบๆ

เดิมทีเขาต้องมองหาโอกาศที่ดีกว่านี้ในการแอบโจมตีหลิน ยู แต่เมื่อพบว่ามีหีบสมบัติอยู่ที่นี้ ในที่สุดพวกเขาก็รอไม่ไม่ไหวอีกต่อไปรีบโจมตีทันที

หลิน ยู มองไปยังคนทั้งสี่ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น เขาค่อยๆขมวดคิ้ว

เขาไม่ได้คิดว่าจะมีคนตามเขามาเร็วขนาดนี้

แถมราชันที่เป็นผู้นำกลุ่มยังเป็นระดับ 8 อีกด้วย

ถ้าต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆคงไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย

สิ่งที่สำคัญคือที่นี้มีมอนสเตอร์ราชันระดับ SSS ที่น่าหวาดกลัวอยู่ข้างๆ เขา หากเขาทำลายคริสตัลผนึกโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาต้องรีบทิ้งหีบสมบัตินี้และรีบหลบหนีไปในทันที

"ถ้าพวกเจ้าต้องการก็เข้ามาเอาด้วยตัวเอง!"

หลิน ยู ก้าวถอยหลังอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางสงบในขณะเดียวกันก็แอบสังเกตประเภททหารที่อยู่รอบๆของคู่ต่อสู้ โดยวางแผนการต่อสู้เผื่อเอาไว้ด้วย

"ไอ้หนูนี้ ฉลาดเลือกดีนิ!"

"เจ้านี้ทิ้งหีบสมบัติไปได้ง่ายๆเลย ระวังลูกเล่นของมันด้วย"

"เขาคนเดียวจะไป ทำอะไรได้"

"ไปเถอะ รีบไปเอากล่องสมบัติมาเร็ว"

พวกเขาพูดขึ้น ราชันเหล่านั้นเดินเข้าภายใต้การนำของราชันระดับแปด เดินตรงไปยังหีบสมบัติด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ

หลิน ยู ถูกเพิกเฉยอย่างสมบูรณ์

เมื่อความสนใจของพวกเขาไปอยู่ที่หีบสมบัติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของเด็กสาวตัวน้อยอย่างระเลียด พวกเขาเดินเข้าไปขอบเขตของวงแหวนค่ายกล

"อย่าเข้าไป!"

สีหน้าของ หลิน ยู เปลี่ยนไป จู่ๆ ก็นึกถึงประโยคสุดท้ายของข้อมูลเด็กสาวตัวน้อย และต้องการที่จะหยุดพวกเขา

แต่มันก็สายเกินไปซะแล้ว

หลังจากราชันทั้งสี่ได้เข้าสู่ขอบเขตของวงแหวน ค่ายกลโลหิตที่เงียบสงบก่อนหน้านี้ก็เปล่งแสงสว่างสีโลหิต ปกคลุมพวกเขาและคริสตัลเอาไว้

มันสว่างไสว้ไปทั่งทั้งโบสถ์ใต้ดินทันที

"เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ วงแหวนนี้ถึงสว่างขึ้นมา"

"ให้ตายเถอะ เจ้าหนูนั้น เจ้ากล้าหลอกพวกเรา!"

"มีบางอย่างผิดปกติ รีบออกไปจากที่นี้เร็วเข้า"

เหล่าราชันอุทานออกมาครั้งแล้วครั้งเหล่า ต้องการที่จะหลบหนีออกไปจากวงแหวนนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บอกพวกเขากลับ ดันกลายเป็นลำแสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ห่อหุ้มทั้งหมดของวงแหวนเอาไว้

ทันใดนั้น เสียงปะทะเสียงครั้งก็ดังขึ้น

ราชันทั้งสี่หัวกระแทกเข้าไปกับกำแพง กระลอยออกไปด้วยแรงระเบิด ล้มลงราวกับของเหลว

"บูม!!"

การระเบิดขึ้น ลำแสงสีแดงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่าสมบูรณ์ ทำให้ทางเดินใต้ดินทั้งหมดถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ในชั่วพริบตา เดียว พื้นดินแตกออกหินร่วงหล่นลงมา

มันเหมือนกับหายนะกำลังมาเยือน

สิ่งนี้ตามมาคือเสียงกรีดร้องโหยหวนของราชันทั้งสี่ที่ดังก้องอยูู่ในหูของเขา

หลิน ยู มองเข้าไปยังวงแหวนเวทย์ด้วยความสยอง เขาพบว่าราชันทั้งสี่ถูกมัดด้วยลำแสงสีแดงลอยอยู่นอากาศ

ร่างกายของหาลงอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า กลายเป็นมัมมี่สี่ตัวในชั่วพริบตาเดียว แม้แต่ราชันระดับ 8 ก็ไม่รอด

เลือดที่ไหลออกมากลายเป้นกระแสโลหิตสี่สายไหล่เข้าสู่คริสตัลซึ่งถูกดูดเข้าไปในร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

ดวงที่ปิดสนิทเหล่านั้นค่อยๆเปิดออกในวันนี้ เลือดไหลลิ้นออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หนี!!!

นี้คือความคิดเดียวของ หลิน ยู ในตอนนี้

ก่อนที่เขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รีบออกจากโบสถ์ใต้ดินไปพร้อมกับทหารพืชหนีไปยังทางเดินใต้ดินด้านนอก

เมื่อปราศจากสิ่งกีดขว้างอย่างเหล่ามอนสเตอร์ เขาก็หลบหนีออกมาจากด้านนอกได้

จนกระทั่งเขาออกมาจากโบสถ์ได้ในที่สุด เขาก็มองย้อนกลับไป

อย่างก็ตาม ด้านหลังของเขาในตอนนี้โบสถ์อยู่ที่ไหนกัน

กำแพงที่เน่าเฟะ เช่นเดียวกับประตูและหน้าต่างที่พังทลาย ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านที่ลอยออกไปด้วยการสั่นสะเทือนที่รุนแรง มันกลายเป็นแสงสว่างเรืองรอง

ในเวลาเดียวกันเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นในหัวของ หลิน ยู

[ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้งานอาณาจักรลับที่ซ่อนอยู่ได้สำเร็จ : งานฉลองโลหิต]

[อาณาจักรลับแห่งนี้ เป็นพื้นที่อิสระ ท่านสามารถออกไปได้หลังจากสังหารมอนสเตอร์ระดับบอสเท่านั้น]

อั่ก!

หลิน ยู แทบจะกระอักเลือดออกเต็มปาก

ขอแสดงความยินดีด้วยงั้นหรอ

เขาไม่ได้ต้องการแบบนี้ โชคร้ายจริงๆ

เมื่อมองไปยังรอบๆ มันก็เป็นไปตามที่เสียงแจ้งเตือนบอก ลานทั้งหมดของโบสถ์ถูกปกคลุมด้วยม่านแสงสีโลหิต แม้แต่ภูเขาด้านหลังก็หายไป

บ้าจริง มันเป็นกับดับล่อเหยื่อมาสังหารชัดๆ

เป็นไปได้ไหมว่าคนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นนึกถึงภาพแบบนี้อยู่แล้ว

เขาไม่กล้าที่รีรออีกต่อไป

โชคดีว่าแม้ว่าพื้นที่นี้จะถูกปิดกั้น แต่เขาก็ยังสามารถติดต่อกับดินแดนได้อยู่ เรียกทหารพืชทั้งหมดออกมาในทันที

แต่แล้วในขณะนั้นเอง

ทันใดนั้นก็มีเสียงปังขึ้นที่บริเวณโบสถ์ มันพลังทลายลงทั้งหมด

ร่างกายล้อมรอบด้วยลำแสงสีโลหิตก็ลอยขึ้นอย่างช้าๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

มันคือมอนสเตอร์ระดับราชันที่ถูกผนึกไว้ในค่ายกล

"ตายย ตายยย ตายยย ตายยยย!!!"

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมา แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายจากปากของสาวน้อย

ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวราวกับคนบ้า ดวงตาของเธอมองไปยังทิศทางที่ หลิน ยู อยู่ เลือดในร่างกายของเขาก็พลุ่นพร่าน

ทันใดนั้นเอง

นัตย์ตาชั่วร้ายขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ระเบิดลำแสงประหลาดสลัวๆขนาดใหญ่ปกคลุมกองทัพพืชทั้งหมดในทันที

หลิน ยู หน้าซีดด้วยความตกใจ รู้สึกว่าพลังชีวิตของเขากองทัพพืชทั้งหมดกำลังลดลงอย่างรวดเร็จ พวกมันค่อยๆ เฉื่อยชาลง

เนตรแห่งความตาย!

มันใช้สกิลที่สามทันที่มีมันเคลื่อนไหว

โดยไม่ลังเล เหล่าเอลฟ์ผู้ส่งสาสน์ที่อยู่ในกองกำลังยกไม้เท้าขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ระเบิดพลังธรรมชาติออกมารีบฟื้นฟูพลังชีวิต

ในเวลาเดียวกัน วัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพก็ทำงาน โล่โปร่งแสงค่อยๆปรากฏขึ้นทหารพืชทั้งหมด มันช่วยลดความเสียหายได้ถึง 30%

แต่ถึงอย่างนั้น ความมีชีวิตชีวาของทหารก็ยังคงหายไป

สกิลของมอนสเตอร์ราชันนั้นน่ากลัวจริงๆ

"เร็วเขา! ขัดจังหวะเอาไว้"

หลิน ยู หันกลับมาและตะโกนไปยังปราชญ์แห่งพงไพร

ในวินาทีต่อมา พลังที่มองไม่เห็นซึ่งจุดศูนย์กลางอยู่ที่พลังปราชญ์แห่งพงไพรกระจายออกไปยังรอบๆ

เมื่อพลังแผ่ออกไปถึงมอนเตอร์ราชันที่อยู่ในอากาศ ทำให้มันถูกห่อหุ้มด้วยพลังนี้ สกิลของมันก็ถูกสลายไปในทันที

เนตรแห่งความตายที่อยู่ในอากาศก็หายไปเช่นกัน

"ไป! สังหาร"

ทันทีที่ผลกระทบของอาณาจักรแห่งสันติถูกยกเลิก หลิน ยู ก็ออกคำสั่งทันที

ชิง ถัง ที่อยู่ในกลุ่มก็คำรามออกมา ออร่าสีแดงประทะออกมาจากทหารพืชทั้งหมดล้อมรอบด้วยมอนสเตอร์ราชัน การโจมตีที่สูงเสียดฟ้าพุ่งไปยังด้านบนท้องฟ้า

ในเวลานี้ หลิน ยู ถูกขังอยู่ในอาณาจักรลับ เขาสามารถออกไปได้ด้วยการสังหารมอนสเตอร์ราชันเพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงต่อสู้

"เป่าปิง"

เมื่อเห็นมอนสเตอร์ราชันยกมือขึ้นอีกครั้ง เขาก็มองไปยังเป๋าปิงที่กำลังรวบรวมเปลวไฟจำนวนมากล้อมรอบตัวเขาทันที

แต่ได้ยินเสียงดังโครมคราม

กระสุนถั่วที่ห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงมังกรทลายล้างกลายเป็นสำแสงพุ่งตรงไปยังมอนสเตอร์บอสที่อยู่ในอากาศ

ภายในบัพจากเสียงคำรามแหงโทสะ พลังของการโจมตีของเป่าปิง สามารถอธิบายได้ว่ามันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับว่าพื้นที่อาณาจักรลับทั้งหมดถูกฉีกกระชาก

"ปัง!"

เลือดสาดกระจายไปในละอองไปในอากาศ

ร่างของ หญิงสาวตัวน้อย กระเด็นออกไปโดยตรงจากแรงกระแทกอันทรงพลังนี้ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอก็ปริวไปในทันที

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ หลิน ยู คิดไม่ถึงก็คือ มันยังไม่มีเสียงแจ้งเตือนการสังหารภายในของพวกเขา

ตรงกันข้ามพลังงานโลหิตที่ไหลอยู่ในโบสถ์ก็ได้กลับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ร่างเด็กสาวตัวน้อยกลับสู่สภาพเดินในพริบตา

เมื่อเอื้อมมือออกไป ต้นไม้กว่าสิบตัวที่อยู่ข้างหน้าแหลกสลายออกไปทีละตัวกลายเป้นแอ่งน้ำสีเขียว

การโจมตีของทหารพืชชนิดอื่นก็เหมือนกัน พวกมันบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

"นี้ๆ...."

เมื่อมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ หลิน ก็เต็มไปด้วยความตกใจ

เขาเคยคิดว่ามอนสเตอร์ราชันตัวนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนี้

นี้คือสิ่งที่ข้อมูลกล่าวนำเอาไว้ ความน่ากลัวของการปลุกสายเลือดบรรพชนผีดูดเลือดที่แท้จริง?

ตราบใดที่ยังมีพลังสายเลือดนี้อยู่ มันก็ไม่มีทางที่จะถูกสังหารลงได้  ราวกับเป็นอมตะ

นี้หน่ะหรอความสามารถของสายเลือดบรรพชนผีดูเลือดที่แท้จริง!?