ตอนที่ 105

บทที่ 105 : นี่คือแผนการสมรู้ร่วมคิดของตำหนักเต๋าอี้

“ ฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นเรื่องดีที่ผู้ว่าการเหรินเห็นด้วย!” เว่ยเซียงหัวเราะอย่างเต็มที่และยกแก้วเหล้าขึ้น “ มาเถอะ ให้ชายชราคนนี้ดื่มอวยพรให้กับเจ้า”

“ ขอบคุณ!” เหรินหยวนคุยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและยกแก้วเหล้าของเขาขึ้นเช่นกัน “ ในอนาคตอ ข้าก็จะต้องรบกวนท่านดูแลข้า ดังนั้นโปรดช่วยข้าพูดคำดีๆ สองสามคำต่อหน้าผู้ว่าการเชินด้วย”

“ แน่นอน ไม่มีปัญหา” เว่ยเซียงดื่มเหล้าอีกอึกและยิ้มอย่างสบายใจ

ท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะผู้ว่าการรัฐ มันก็เกือบจะเทียบได้กับการได้ครอบครองประเทศประเทศหนึ่ง

นี่นับเป็นของขวัญชิ้นใหญ่!

เหรินหยวนคุยชนแก้วอีกครั้งและแสร้งทำเป็นขม “ ดูเหมือนข้าจะต้องทำงานให้หนักขึ้นจริงๆ แล้วสินะ”

“ ฮ่าฮ่า เจ้าจะยังเล่นละครอยู่อีกหรอ?” เว่ยเซียงพูดติดตลกว่า “ เจ้าจะเครียดไปทำไม? เจ้าสามารถเพิ่มภาษีของประชาชนได้ ตราบใดที่มันไม่มีใครทำเหมือนกับราชาสวรรค์หงหวู่ในเฟิงโจว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะโดนขัดขวาง”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า” เหรินหยวนหัวเราะเสียงดังและหยุดพูด อันที่จริง สำหรับเขาแล้ว ข้อตกลงนี้ก็ยังนับว่าคุ้มค่ามาก

ตราบเท่าที่เขาสามารถเป็นผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวได้ มันก็ถือว่าคุ้มค่ามาก

เขาสามารถทวงคืนทุกสิ่งที่เขาเสียไปในวันนี้ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์แก่รัฐโหยว แต่เขาก็ไม่ได้ใช้เงินของตัวเอง

สุดท้ายแล้ว คนที่ถูกกดขี่ก็คือเหล่าประชาชนคนธรรมดา สิ่งนิ้จะไม่ส่งผลต่อพวกเขาอย่างแน่นอน

ไม่สำคัญว่ากองทัพกบฏจะปะทุขึ้นอีกหรือไม่

ในเวลานั้น เขาก็จะสามารถเกลี้ยกล่อมตระกูล นิกาย และพ่อค้าให้ปราบปรามกองทัพกบฏได้อย่างง่ายดายได้

ท้ายที่สุดแล้ว คนเหล่านี้ก็มีรากฐานมาจากประชาชนทั่วไป หากรากฐานของพวกเขาพังทลายลง พวกเขาก็จะร่วมมือกันปราบปรามอย่างแน่นอน

“ พวกเขาเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง หากไม่มีผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะก่อกบฏ” เหรินหยวนคุยมองไปข้างนอกและเย้ยหยัน “ และตอนนี้มันก็ไม่มีราชาสวรรค์หงหวู่อีกต่อไปแล้ว”

ตั้งแต่สมัยโบราณ มันก็มีราชาและแม่ทัพจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มันก็มีเพียงราชาสวรรค์หงหวู่เมื่อ 200 ปีก่อนเท่านั้นที่สามารถกวาดล้างโลกทั้งใบได้

แม้จะผ่านไปนาน แต่ชื่อหงหวู่ก็ยังคงเป็น “ฝันร้าย” ของทุกคนบนโลก

น่าเสียดายที่มีราชาสวรรค์หงหวู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

และมันก็จะไม่มีคนที่สองอีกต่อไป

นี่คือความเข้าใจร่วมกันของผู้ปกครองทุกคนบนโลก

“ ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ไม่มีราชาสวรรค์หงหวู่อีกต่อไปแล้ว และมันก็จะไม่มีอีกในอนาคต!” เว่ยเซียงพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังคิดเรื่องอื่น เขามองไปทางมณฑลลู่และขมวดคิ้ว “ ยังไงก็ตาม เจ้ารู้เรื่องผู้ว่าการมณฑลลู่มากแค่ไหน?”

“ ทำไมล่ะ? ท่านยังต้องการจะตามหาเขาอยู่อีกหรอ?” เหรินหยวนคุยตื่นตัวทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “ เราก็ได้ตกลงกันไปแล้วนี่”

“ ฮ่าๆๆ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เว่ยเซียงโบกมือและพผดด้วยรอยยิ้มว่า “ ในตอนที่เราพูดถึงราชาสวรรค์หงหวู่เมื่อกี้ ข้าก็รู้สึกว่าสไตล์การกระทำของซุยเฮ็งนั้นดูคล้ายกับชายคนนั้นเล็กน้อย เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”

“ ก็ใช่ เขาแบ่งที่ดินของคนรวยให้คนจน ยึดธุรกิจของตระกูลและสำนักต่างๆ และควบคุมการดำรงชีวิตของผู้คน…” เหรินหยวนคุยพยักหน้าและพูดด้วยความตกใจ “ ใช่แล้ว มันคล้ายกันมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ใช้วิธีการบังคับใช้คำสั่งและทำการทดลองในมณฑลต่างๆ ภายใต้การปกครองของเขา ดังนั้นมันจึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว นี่ก็เป็นการจำลองการกระทำของราชาสวรรค์หงหวู่โดยสมบูรณ์!”

“ อันที่จริง ในตอนที่ข้าบอกว่าผู้ว่าการเชินต้องการให้ข้าร่วมมือกับซุยเฮ็งนั้นก็เป็นแค่การกดดันเท่านั้น” จู่ๆ เว่ยเซียงก็ยิ้มและพูดว่า “ อันที่จริง หลังจากที่ผู้ว่าการเชินได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของซุยเฮ็งในมณฑลต่างๆ เขาก็ได้สั่งให้ข้ามาตรวจสอบความจริง ดังนั้นแล้วเจ้ารู้จักเขามากแค่ไหนล่ะ?”

“ ฮ่าๆๆ ท่านทำให้ข้ากลัวมากเลยนะเมื่อกี้” เหรินหยวนคุยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ สำหรับซุยเฮ็งแล้ว ข้าก็เข้าใจเขาเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ชายคนนี้ดูเหมือนจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนอย่างกระทันหัน”

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็หยุดนึกชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “ หลายเดือนก่อน เขาได้ปรากฏตัวขึ้นในมณฑลจูเหอและกลายเป็นผู้ว่าการมณฑลของที่นั่น จากนั้นเขาก็ใช้วิธีการกำจัดพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยเพื่อนำที่ดินที่พวกเขาถือครองไปแจกจ่ายให้กับประชาชน”

“ ต่อมาเขาได้ยอมรับการถ่ายโอนอำนาจจากหลิวหลี่เต๋า อดีตผู้ว่าการมณฑลลู่และกลายมาเป็นผู้ว่าการมณฑลลู่คนใหม่ ทันทีที่เขามาถึง เขาก็เริ่มทำสงครามอาหารและเกลือกับพวกพ่อค้าที่ถูกควบคุมโดยตระกูลหวังและสำนักไท่ชง”

“ หลังจากต่อสู้ผ่านไปเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน เขาก็ได้เอาชนะใจผู้คนในมณฑลได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มโจมตีและกวาดล้างพ่อค้าเหล่านั้นอย่างโจ่งแจ้ง แม้แต่บุตรชายคนโตของตระกูลสาขาที่สองของตระกูลหวัง หวังจินเซิงและหวังฉิงฉวน หัวหน้าตระกูลสาขาที่สี่ก็ยังถูกจับ อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง”

“ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มส่งผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของเขาไปยังมณฑลต่างๆ ภายใต้การปกครองของเขาเพื่อดำเนินการตามคำสั่งใหม่ เขาถึงกับเฆี่ยนตีคนรวยเพื่อแจกจ่ายที่ดินให้คนจน จนถึงวันนี้ เขาก็เกือบจะทำให้กองกำลังหลักในประเทศขุ่นเคืองเรียบร้อยแล้ว”

“ และในที่สุดมันก็มีเหตุการณ์สำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยได้เข้าร่วมกองกำลังกับกองกำลังหลักของพ่อค้า, ตระกูลและสำนักใหญ่จากมณฑลต่างๆ เพื่อโจมตีมณฑลลู่ด้วยกองกำลังนับหมื่น แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จมน้ำตายด้วยกับดักที่เขาวางไว้และถูกกวาดล้างออกไปจนหมดสิ้น… พูดตามตรง การกระทำของชายคนนี้ก็ราวกับว่าหลุดออกมาจากเรื่องเล่า!”

“ มันเป็นกับดักจริงๆ หรอ?” เว่ยเซียงลูบเคราและขมวดคิ้ว “ ทำไมข้าถึงได้ยินว่าผู้ว่าการมณฑลลู่ผู้นี้มีความสามารถอันสูงส่งและสามารถเรียกลมพายุได้กันล่ะ?”

“ ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขาอยู่ที่มณฑลจูเหอ เขาก็ได้เรียกพายุฝนมาเพื่อทำให้กองทัพโจรหยานจมน้ำตาย มาคราวนี้ กองทัพพันธมิตรของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยก็ได้ถูกทำลายและพวกเขาก็ล้มเหลวในการโจมตีมณฑลลู่ นอกจากนี้ มันก็ยังมีข่าวว่าผู้ว่าการมณฑลลู่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่”

“ ว่ากันว่าในเวลานั้น พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของกองทัพพันธมิตรตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยก็ได้ถล่มพังทลายลง และกองทหารนับหมื่นก็ได้ถูกฝังอยู่ในหลุมลึกในทันที หลังจากนั้นหลุมลึกก็เชื่อมต่อกับแม่น้ำยักษ์และทิ้งทะเลสาบขนาดใหญ่และแม่น้ำสายยาวไว้อยู่เบื้องหลัง ผู้ว่าการเหริน เจ้าคิดว่านี่น่าเชื่อถือมากแค่ไหน?”

“ นั่นเป็นไปไม่ได้” เหรินหยวนคุยส่ายหัวและขมวดคิ้ว “ ข้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพลังอันยิ่งใหญ่ของซุยเฮ็งมาก่อนเช่นกัน แต่พวกเขาก็พูดเกินจริงกันเกินไป มันจะไปมีคนแบบนั้นอยู่ในโลกได้อย่างไร? แม้แต่เซียนแห่งโลกเบื้องบนก็ยังทำไม่ได้เลย”

“ ผู้ว่าการเหริน เจ้าส่งคนไปดูแล้วหรือยัง?” เว่ยเซียงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ พายุห่าฝนในครั้งแรกนั้นอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย แต่ถ้าเป็นครั้งที่สอง มันก็คงจะบังเอิญเกินไป”

ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ คำพูดที่ว่าซุยเฮ็งมีพลังอันศักดิ์สิทธิ์นั้นก็เป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมณฑลจูเหอและมณฑลลู่

ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในที่สาธารณะ

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในมณฑลซีหลิง เนื่องจากไม่มีใครได้เห็นซุยเฮ็งร่ายมนตร์กับตา ดังนั้นมันจึงมีน้อยคนนักที่จะเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้ากับซุยเฮ็งได้

มันมีเพียงส่วนหนึ่งของผู้คนที่อพยพมาจากมณฑลจูเหอมาสู่มณฑลซีหลิงเท่านั้นที่จะสามารถเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นฝีมือของซุยเฮ็ง อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่คิดว่ากองทัพโจรหยานได้ก่อความอยุติธรรมมากเกินไปและได้รับความโกรธเกรี้ยวจากสวรรค์

ในสังคมโบราณเช่นนี้ ความเชื่อเรื่องโชคลางก็นับเป็นค่านิยมหลัก

“ แน่นอนว่าข้าได้ไปดูมาแล้ว” เหรินหยวนคุยยิ้มและพูดว่า “ แม่น้ำไหลเชี่ยวกราก น้ำในทะเลสาบและหมอกควันต่างก็ดูน่าอัศจรรย์ มันเป็นการสร้างสรรค์ของธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด!”

“ หากสิ่งนี้เกิดจากคนๆ เดียวจริงๆ ผู้ว่าการมณฑลลู่ก็จะต้องเป็นโคตรเซียนที่ลงมาเดินเล่นอยู่ในโลกมนุษย์อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย… ฮึ่ม!”

“ โอ้?” เมื่อเห็นสิ่งนี้ เว่ยเซียงก็รีบถาม “ ผู้ว่าการเหรินมีเงื่อนงำอะไรอีกอย่างงั้นหรอ?”

“ ฮ่าฮ่า ที่จริงมันก็ไม่ได้มีเงื่อนงำอะไรมากมายหรอก สายลับของผู้ว่าการมณฑลหลายคนเองก็น่าจะรู้แล้ว” เหรินหยวนคุยยิ้มและพูดว่า “ เดาสิว่าสายลับของเราเห็นใครในมณฑลลู่?”

“ ใครกัน?” เว่ยเซียงถามด้วยความสงสัย

“ โจวหงอี้!” เหรินหยวนคุยปรบมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ อันที่จริง ในตอนที่แม่น้ำยักษ์ได้ไหลมาเชื่อมต่อกับบ่อหลุมลึกและกลายเป็นทะเลสาบนั้น โจวหงอี้ก็เป็นผู้ทำ”

“ โจวหงอี้? เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของเจ้าสำนักตำหนักเต๋าอี้ จางซูหมิงไม่ใช่หรอ?” เว่ยเซียงรู้สึกงุนงงในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเขา และทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างได้ “ เจ้าจะบอกว่าทั้งหมดนี่มีตำหนักเต๋าอี้อยู่เบื้องหลังอย่างงั้นหรอ?”

“ ถูกต้อง!” เหรินหยวนคุยพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ถ้าข้าคิดไม่ผิด ซุยเฮ็งคนนี้ก็น่าจะเป็นตัวหมากของตำหนักเต๋าอี้ เขาเป็นตัวหมากที่มาเพื่อแทรกแซงเหตุการณ์โอกาสเซียน 100 ปี และแม้แต่ผลประโยชน์ของมนุษย์โลก!”

“ บางทีท่านอาจจะยังไม่รู้ แต่เพียงแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้ว่าการมณฑลลู่คนนี้ก็ได้เริ่มส่งจดหมายไปถึงผู้ว่าการมณฑลต่างๆ แล้ว เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขาต้องการที่จะเป็นผู้ว่าการรัฐ แถมเขายังขอให้เราหลีกทางให้อีกด้วย!”

“ ข้าเข้าใจแล้ว!” เว่ยเซียงรู้สึกว่าทุกอย่างชัดเจนในทันใด เขายิ้มและพูดว่า “ คนที่ไม่มีภูมิหลังอะไรจะกลายมาเป็นผู้ว่าการมณฑลภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือนได้อย่างไร แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพราะตำหนักเต๋าอี้นี่เอง”

“ ตำหนักเต๋าอี้อ้างว่ามีมรดกตกทอดมาเป็นเวลา 10,000 ปีและมีรากฐานที่ลึกล้ำมากมาย แต่ข้าก็ไม่ทันได้คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะมีสิ่งประดิษฐ์เซียนที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้อยู่ด้วย!”

“ ถ้าข้ามีพลังของสิ่งประดิษฐ์เซียนและความช่วยเหลือจากผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ การขุดหลุมขนาดใหญ่บนพื้นล่วงหน้าเพื่อวางกับดักก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สั่นสะเทือนโลก!”

“ ซุยเฮ็งใช้สิ่งที่เรียกว่า 'พลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่' ถึงสองครั้งเพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น และในที่สุดเขาก็ส่งจดหมายมาถึงผู้ว่าการมณฑลต่างๆ เพื่อแสดงพลังของเขาโดยหมายที่จะปราบปรามพวกเขาโดยไม่ต้องสู้!”

“ ช่างเป็นแผนการที่ดีจริงๆ! สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนักตำหนักเต๋าอี้ เขาวางแผนเก่งมากจริงๆ”

หลังจากตรวจสอบแล้ว ทั้งสองคนก็วิเคราะห์ “รูปลักษณ์ที่แท้จริง” ของ ซุยเฮ็งได้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่ซุยเฮ็งปรากฏตัวขึ้น ทุกสิ่งที่เขาทำก็สามารถเชื่อมโยงเข้ากับแผนการของตำหนักเต๋าอี้ได้หมด!

“ ถูกต้องแล้ว ตำหนักเต๋าอี้นั้นไม่ง่ายเลย” เหรินหยวนคุยยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ ซุยเฮ็งเปรียบเสมือนกับตัวหมากของตำหนักเต๋าอี้ เขาไม่ได้มีค่าอะไรมาก แต่ตำหนักเต๋าอี้ที่อยู่ข้างหลังเขานั้นก็ไม่ง่ายที่จะพูดถึงเลย”

“ แต่ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ปิดบังอะไรจากท่าน หากไม่ใช่เพราะข้าได้มอบภาษีไปแล้วกว่า 40% เพื่อรับการสนับสนุนจากตระกูลเย่และตระกูลเจียง ข้าก็คงจะไม่ต้องการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแน่ ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำมันให้ถึงที่สุด”

“ ฮ่าฮ่า อย่าบอกนะว่าเจ้ากำลังจะมอบตำแหน่งของเจ้าให้กับซุยเฮ็ง” เว่ยเซียงมองผ่านความคิดของเขาและเย้ยหยัน “ อย่าคิดแม้แต่จะต่อรอง แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐและปล่อยให้ ซุยเฮ็งรับตำแหน่ง แต่ด้วยอำนาจทางการเมืองของเขา เจ้าก็อาจจะถูกแขวนประจานไว้บนเสาได้เช่นกัน”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อท่านบอกได้ งั้นข้าก็จะไม่ต่อรองอีกต่อไป” การแสดงออกของเหรินหยวนคุยเปลี่ยนไปในขณะที่เขาหัวเราะอีกครั้ง “ อันที่จริง ข้าก็ได้หารือเรื่องนี้กับผู้ว่าการมณฑลคนอื่นๆ มาก่อนแล้ว และในที่สุดเราก็คิดวิธีแก้ปัญหาได้”

“ ในเมื่อซุยเฮ็งได้รับการสนับสนุนจากตำหนักเต๋าอี้ งั้นทำไมเราไม่มองหาศัตรูของตำหนักเต๋าอี้ล่ะ?”

“ เจ้าหมายถึง… โถงพุทธมามกะเป่าหลินหรอ?” เว่ยเซียงตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง “ ฮ่าฮ่า นั่นก็จริง พระกลุ่มนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจกับเหล่านักพรตแห่งตำหนักเต๋าอี้!”

“ ในกรณีนี้ ซุยเฮ็งก็จะถูกคั่นกลางระหว่างยักษ์ทั้งสอง และภายใต้การดึงดันของทั้งสองฝ่าย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนั่งในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ”

“ และในท้ายที่สุด เจ้าก็จะยังสามารถนั่งได้ตามปกติ”

ปัง!

ในขณะนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างนอกราวกับว่าประตูได้ถูกเตะเปิดออก และทันใดนั้น ร่างสองร่างก็ถูกโยนเข้ามา

“ มันเป็นใครกัน?!” เหรินหยวนคุยตะโกนเสียงดัง “ ใครก็ได้รีบเข้ามาเร็วเข้า! มีนักฆ่าอยู่ที่นี่!”

“ ใครก็ตามที่กล้าเข้าใกล้จะต้องถูกฆ่าตายในทันที!” ฮุ่ยฉีชักกระบี่เหล็กที่เอวของเขาออกมาและฟันลำแสงกระบี่ยาว 30 ฟุตออกไป มันปิดกั้นกลุ่มทหารที่อยู่ด้านนอก จากนั้นเขาก็มองไปที่เหรินหยวนคุย

“ ท่านคือผู้ว่าการมณฑลลั่วอันใช่ไหม? ข้าคือทูตของท่านผู้ว่าการมณฑลลู่ ข้ามีจดหมายมาส่งถึงท่าน โปรดมารับมันด้วย!”