บทที่ 145 : ยอมรับชะตากรรมซะเถอะ ไอ้พวกคนเถื่อนไร้อารยธรรม!
ทูตของซุยเฮ็ง?
สำนักงานเทศมณฑลเต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที
ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ, ทูตสวรรค์, ผู้ว่าการรัฐและผู้นำตระกูลเหล่านี้มองหน้ากันและเห็นความสับสนในดวงตาของกันและกัน
เมื่อสงครามใกล้เข้ามาและโลกกำลังถูกจับตามอง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดสงคราม
แบบนั้นแล้วการส่งทูตมาในเวลานี้จะไปมีประโยชน์อะไร? มันเป็นไปได้ไหมที่เขาจะอยากขอให้พวกเขาเหลือศพเอาไว้ให้?
“ เจ้าคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรกับทูตคนนี้ดี?” เซี่ยเทียนซิงเป็นคนแรกที่พูดและมองไปรอบๆ
เขาเป็นทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนของตระกูลเซี่ย
เนื่องจากอิทธิพลของตระกูลเซี่ยในโลกเบื้องบนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทุกคนที่อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นคำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักมากที่สุด
เขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้นำในนาม
แน่นอน เฉพาะตอนที่เขาจัดการกับเรื่องต่างๆ เท่านั้น เขาถึงจะมีอำนาจเช่นนั้น
พอถึงคราวแบ่งผลประโยชน์กันจริงๆ แล้ว มันก็ยังคงเกิดการถกเถียงกันขึ้น
“ เราอาจจะฆ่าเขาได้นะ!”
เต้าเจิงผู้ว่าการรัฐกล่าวอย่างรวบรัด
เขาเป็นผู้ติดตามที่ได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลหวังแห่งหลางหยาอย่างลับๆ เขาฟังหวังตงหลินและอยู่ข้างหลังเพื่อกระตุ้นปัญหาใหญ่ให้เกิดขึ้น
“ ข้าเองก็คิดว่าเขาสมควรจะถูกฆ่าเหมือนกัน!”
คราวนี้คนที่พูดคือทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนของตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน ชื่อของเขาคือเย่ฮุ่ย และเขาก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเทพที่ได้ปลดล็อกสมบัติเทวะถึงแปดชิ้น เขาเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังแห่งนี้
เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำให้หวังตงหลินก็ถูกบีบออกมาไป
“ แม้ว่ากองทัพมักจะไม่ฆ่าทูตเมื่อพวกเขาต่อสู้กัน แต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการให้มีที่ว่างสำหรับการพักรบ” เย่ฮุ่ยพูดด้วยเสียงต่ำ “ อย่างไรก็ดี มันก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่เราจะคืนดีกับซุยเฮ็ง ดังนั้นมันจึงเป็นการดีกว่าที่จะฆ่าเขาเลยโดยตรง”
“ ข้าขอปฎิเสธ”
เสิ่นหยูพูด เขายืนขึ้นและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าการจ้องมองของผู้ฝึกตนขอบเขตเทพจำนวนมากกำลังจดจ้องมาที่เขา เสิ่นหยูก็หดคอลงในทันที “ ข้าหมายความว่าแม้ว่าเราจะต้องการฆ่าทูตคนนี้ แต่เราก็ยังต้องฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดก่อน มันยังไม่สายเกินไปที่จะฆ่าเขาหลังจากได้ยินมันเรียบร้อยแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“ ใช่ นั่นก็จริง”
“ งั้นมาฟังสิ่งที่เขาจะพูดกันก่อนเถอะ”
เซี่ยเทียนซิงและเย่ฮุ่ยมองหน้ากัน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยและพยักหน้า
“ งั้นให้ทูตคนนั้นเข้ามาได้เลย”
“ เราจะฟังสิ่งที่ทูตคนนี้พูดกันก่อนก็ได้”
….
หลิวหลี่เต๋ายังคงอยู่นอกสำนักงาน
ทหารสวมเกราะและติดอาวุธทั้งหมด 30 นายกำลังล้อมรอบเขาเอาไว้ กระบี่ยาวของพวกเขากดลงบนบ่าของเขา
ถ้าเขากล้าทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขาก็จะฆ่าเขาในทันที
“ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ใบหน้าของหลิวหลี่เต๋าสงบนิ่งในขณะที่เขาจ้องมองไปทหารเหล่านี้อย่างเย็นชา เขาตะโกนอย่างดุดันว่า “ ข้าคือทูตของผู้ว่าการรัฐเฟิงโจว เจ้ากล้าดียังไงมากระทำการที่หยาบคายชั้นต่ำเช่นนี้กับข้า!”
เมื่อทหารเหล่านี้ได้ยินเสียงคำรามของเขา พวกเขาก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นทูตที่พูดจากล้าหาญเช่นนี้
พวกเขามีกองทหารสองล้านนายและผู้ฝึกตนมากมายที่ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ มันง่ายมากสำหรับพวกเขาที่จะยึดครองทั้งจักรวรรดิ
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทูตจากเฟิงโจวผู้นี้ก็ยังกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้อีก?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่กลัวความตายจริงๆ?
หลิวหลี่เต๋าไม่กลัวความตายหรอ?
แน่นอนว่าเขากลัวตาย!
นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องการจะสละตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลลู่ตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้กลัวเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถตายได้
ซุยเฮ็งสัญญาแล้วว่าเขาจะปกป้องชีวิตของเขา
ฉะนั้นแล้วมันจึงจะไม่มีเรื่องอันตรายใดๆ เกิดขึ้น
เขาสามารถปล่อยตัวปล่อยใจได้ตามใจต้องการ
นอกจากนี้ ภารกิจของเขาที่นี่ก็คือการอ่านประกาศแจ้งตาย
ในความเห็นของหลิวหลี่เต๋า กลุ่มกบฏในเมืองฉางซิงนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากกลุ่มคนที่ตายไปแล้ว
เขาไม่จำเป็นต้องสุภาพกับกลุ่มศพเดินดิน
“ ใครคือทูตของเฟิงโจว” ในขณะนี้ เสียงของผู้ส่งสารก็ดังมาจากประตูเมือง “ ทูตสวรรค์ทั้งสองได้อนุญาตให้ทูตหลิวเข้าเมืองแล้ว”
พวกทหารวางกระบี่ยาวลงและหลีกทาง
“ แบบนั้นแหละ” หลิวหลี่เต๋าจัดเสื้อผ้าของเขาให้ตรงและกำลังจะเดินไปข้างหน้า แต่แล้วเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหัน เขามองไปที่ผู้ส่งสารและขมวดคิ้ว “ ทำไมถึงมีผู้ส่งสารเพียงคนเดียว?”
“ ข้าเป็นทูตของผู้ว่าการรัฐนะ พวกเจ้าไม่รู้จักพิธีรับขวัญรึไง? นี่มันกองกำลังพันธมิตรของกลุ่มขุนนางหรือกองกำลังคนเถื่อนไร้อารยธรรมกัน?”
“ ข้าจะไม่เข้าไปในเมืองจนกว่าพวกเจ้าจะทำตามกฎและต้อนรับข้าอย่างถูกต้อง!”
ตั้งแต่สมัยโบราณ ทัศนคติของทูตก็แสดงถึงความสามารถของเจ้านายตน
ยิ่งเจ้านายของฑูตแข็งแกร่งมากเท่าใด ความมั่นใจของทูตก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นหากทูตคนนี้ดูโอหัง มันก็แสดงให้เห็นว่าเจ้านายที่อยู่ข้างหลังเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
และเป้าหมายของหลิวหลี่เต๋านั้นก็ชัดเจนมาก
ในฐานะทูต เขาก็จำเป็นจะต้องแสดงพลังของเจ้านายของเขาให้ดี
ผู้ส่งสารตะลึงงัน
ทหารที่อยู่รอบๆ เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะฆ่าหลิวหลี่เต๋าจริงๆ ผู้ส่งสารทำได้เพียงกลับไปรายงานเท่านั้น
ในสำนักงานเทศมณฑล
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลิวหลี่เต๋า พวกเขาก็รู้สึกอึดอัดราวกับว่าพวกเขากินแมลงวันเข้าไป
“ ชายคนนี้จะหยิ่งเกินไปแล้ว เราควรจะถลกหนังเขาทั้งเป็นและแยกชิ้นส่วนเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!” เต๋าเจิงโพล่งออกมาอีกครั้ง
“ ไม่!” เสิ่นหยูรีบห้ามปรามเขา เขาไม่ต้องการจะต่อสู้จนตัวตาย
“ นั่นมันไม่สมควรอย่างยิ่ง” เซี่ยเทียนซิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ ในเมื่อเขาต้องการมารยาท งั้นก็มาทำตามที่เขาพูดและเตรียมต้อนรับเขาซะ”
“ ข้าไม่คัดค้าน” เย่ฮุ่ยพยักหน้า
แม้ว่าพวกเขาจะเกลียดหลิวหลี่เต๋าถึงขีดสุด แต่พวกเขาก็เพิ่งจะออกคำสั่งให้ทูตเข้ามาพบ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงจะกลับคำไม่ได้
มันอาจจะส่งผลกระทบต่อการกระจายผลประโยชน์ขั้นสุดท้ายได้ด้วยซ้ำ
อย่างน้อยมันก็เป็นแค่มารยาทไม่ใช่หรอ?
ยังไงมันก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรพวกเขาอยู่แล้ว
ขณะเดียวกับที่ผู้ส่งสารยังคงตกตะลึง หลิวหลี่เต๋าผู้หยิ่งผยองก็เดินเข้าสู่เมืองอย่างโอ่อ่า
เขากำลังเดินเข้ามาบนพรมสีแดงสด ทั้งสองด้านมีหญิงสาวสวยยืนโค้งคำนับรอเขา
เสียงเพลงดังมาจากข้างหลังอย่างเริงร่า
มีการติดตั้งเวทีสูงไว้หน้าสำนักงานเทศมณฑล
ผู้นำ 27 คนของกองกำลังพันธมิตรล้วนอยู่ที่นั่น พวกเขามองไปที่ หลิวหลี่เต๋าซึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
เซี่ยเทียนซิงและเย่ฮุ่ยต่างก็เป็นทูตสวรรค์ของโลกเบื้องบนและไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับมารยาทของโลกมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมากนัก
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐก็มีท่าทางที่น่าเกลียด
การรับทูตของศัตรูเช่นนี้มันเรื่องอะไรกัน?
มันไร้สาระมาก!
“ เจ้าคือทูตของเฟิงโจวสินะ?” เซี่ยเทียนซิงยืนอยู่บนแท่นและมองลงมา
“ ถูกต้องแล้ว” หลิวหลี่เต๋าพยักหน้า แต่เขาก็ยังไม่หยุดเดิน เขาเดินไปข้างหน้าโดยหมายจะขึ้นไปบนแท่นนี้
“ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
“ หยุดนะ!”
ยามที่อยู่ด้านล่างแท่นก้าวเข้ามาหยุดเขาในทันที
“ เจ้าหมายความว่ายังไง?” ใบหน้าของหลิวหลี่เต๋าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ ข้าเป็นทูตจากเฟิงโจว ที่ดินผืนนี้มันเป็นของผู้ว่าการรัฐเฟิงโจว แบบนั้นแล้วทำไมข้าที่อยู่เคียงข้างเขาจะยืนอยู่บนแท่นไม่ได้? นี่มันเป็นการกระทำที่ต่ำช้าหยาบคายซึ่งมีเพียงแต่พวกคนเถื่อนไร้อารยธรรมเท่านั้นถึงจะทำกันได้”
คนเถื่อนไร้อารยธรรม…?
เซี่ยเทียนซิงโกรธมากจนแทบอยากจะฆ่าใครสักคนในทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะถอยกลับ เขาทำได้เพียงโบกมือแล้วพูดว่า “ ให้เขาขึ้นมา!”
“ มันต้องให้ได้แบบนี้สิ” หลิวหลี่เต๋าพยักหน้าอย่างพึงพอใจและเดินต่อขึ้นไปบนแท่น เขายืนอยู่ต่อหน้าเหล่าผู้นำของกองกำลังที่วุ่นวายและค่อยๆ หยิบประกาศออกมา เขายิ้มและพูดว่า “ ทุกคนจงฟัง นี่คือสิ่งที่ท่านผู้ว่าการต้องการจะบอกพวกเจ้า”
ทัศนคติของเขายังคงความหยิ่งยโสราวกับโลกทั้งใบอยู่ใต้เขา
ในขณะนี้ คนกลุ่มนี้ก็กำลังระงับความโกรธในใจของพวกเขา พวกเขาจ้องมองไปที่หลิวหลี่เต๋าอย่างเย็นชา พวกเขาวางแผนที่จะถลกหนังเขาทั้งเป็นหลังจากที่เขาพูดจบ
มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่สามารถระบายความโกรธในใจออกมาได้
“ เซี่ยเทียนซิง ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนของตระกูลเซี่ยแห่งปิงซาน, เย่ฮุ่ย ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนของตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน, ไป๋ซงเหนียน ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนของตระกูลไป๋แห่งฉูโจว, ผู้ว่าการรัฐของหยูโจว ฉินคัง, ผู้ว่าการรัฐของหยานโจว เต๋าเจิงและผู้ว่าการรัฐของโหยวโจว เสิ่นหยู...!”
หลิวหลี่เต๋าอ่านชื่อผู้นำทั้ง 27 คนในขณะที่คนเหล่านี้กำลังสับสน และเขาก็พูดต่อ
“ พวกเจ้าทั้ง 27 คนได้ยกทัพและรวบรวมไพร่พลเพื่อมาทำร้ายผู้คนในเฟิงโจว บาปของพวกเจ้านั้นยิ่งใหญ่มโหฬาร และนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะจับฉลากสุ่มเอาชื่อของพวกเจ้าสามคนในทุกๆ วันเพื่อเลือกว่าหัวของพวกเจ้าคนไหนจะได้หลุดออกจากบ่าก่อนภายในทั้งหมดเก้าวัน!”
จากนั้น เขาก็เก็บประกาศกลับเข้าไปในแขนเสื้อและหัวเราะเสียงดัง “ นี่คือสารจากท่านผู้ว่าการ ลาก่อน!”
ก่อนที่เขาจะมันได้พูดจบประโยค หลิวหลี่เต๋าก็ได้เดินลงมาจากแท่นแล้ว
ฝีเท้าของเขารวดเร็วมาก
ไม่มีใครหยุดเขาได้ทันเพราะพวกเขายังคงตกตะลึงราวกับหูฝาดไป
ต้องกล้าขนาดไหนถึงส่งคนมายั่วยุกองทัพที่มีกำลังพลสองล้านนายและมีผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ 17 คนเช่นนี้?!
หลิวหลี่เต๋าต้องการที่จะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรงอยู่ในอก เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองฝูงชนที่กำลังตกตะลึง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนถึงขีดสุด
ความรู้สึกนี้ช่างน่าตื่นเต้นเหลือหลาย!
“ จับมันไว้! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้!”
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ ในที่สุดเซี่ยเทียนซิงก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคำรามเสียงดังและสั่งว่า “ จับมันและนำมันไปแขวนไว้ที่หอคอยหน้าประตูเมือง เราจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยนำไปประหาร!”
เขารู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากการโดนเอาตีนตบหน้า
ทหารสวมเกราะพุ่งเข้ามาล้อมรอบหลิวหลี่เต๋าอย่างรวดเร็วและวางพาดอาวุธลงบนบ่าของเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลิวหลี่เต๋าก็ยังคงไม่เกรงกลัวในขณะที่เขาแสดงท่าทีเย้ยหยันต่อไป “ เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือเจ้าไม่เชื่อคำพูดของท่านผู้ว่าการกัน? ยอมรับชะตากรรมซะเถอะ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หัวของสามคนในพวกเจ้าก็จะค่อยๆ ถูกตัดขาดทีละวันทีละวัน!”
“ ไร้สาระ!” เซี่ยเทียนซิงโกรธมากและตะโกนต่อว่า “ ลากตัวมันไป!"
เคล้ง!
ในขณะนี้ เสียงกระบี่ก็ดังมาจากบนท้องฟ้า ราวกับว่าสายฟ้าได้ฟาดผ่านท้องฟ้าและมาถึงท้องฟ้าเหนือเมืองฉางซิง
ท่อนไผ่สูงสามท่อนได้ตกลงมาจากบนฟากฟ้า
พวกมันพุ่งปักลงบนผืนดินราวกับป้ายหลุมฝังศพ
“ ฮ่าฮ่าฮ่า ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของท่านผู้ว่าการมาถึงแล้ว!” หลิวหลี่เต๋าหัวเราะเสียงดังลั่น “ รีบเข้ามาดูซะสิ พวกเจ้าคนไหนกันที่ได้เป็นผู้โชคดีได้ประเดิมเป็นพวกแรก?”
“ หุบปากของมันซะ!” เซี่ยเทียนซิงสั่งทหาร แต่แล้วจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งความกลัวในใจของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ท่อนไผ่และอ่านข้อความบนนั้น เขาพึมพำ “ เซี่ยเทียนซิง, เย่ฮุ่ย, ไป๋ซงเหนียน… นี่มันชื่อของข้านี่!”
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทันทีหลังจากนั้น ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนก็รู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูกสันหลัง เขารู้สึกราวกับว่าลมเย็นได้พัดผ่านคอของเขา
โลกเริ่มหมุนรอบตัวเขา
และในวินาทีต่อมา เขาก็เห็นร่างไร้ศีรษะของตนเองกำลังยืนนิ่งอยู่กับที่ และเลือดก็พุ่งออกมาจากคอราวกับเป็นน้ำพุ
นอกจากนี้ เขาก็ยังเห็นแสงกระบี่ที่พุ่งตัดผ่านคอของเย่ฮุ่ยและไป๋ซงเหนียนไปอีกด้วย
ศีรษะของพวกเขาทั้งสามได้ตกลงสู่พื้นดิน!
“ สิ่งที่ชายคนนั้นพูดเมื่อกี้มัน…เป็นเรื่องจริงหรอ?!”
นี่เป็นความคิดสุดท้ายขอ เซี่ยเทียนซิง จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของทุกคนก็แข็งทื่อ
พวกเขารู้สึกว่าแขนขาของพวกเขาเย็นเฉียบ และความเย็นที่เสียดแทงกระดูกก็ได้พุ่งขึ้นมาจากเท้าขึ้นไปจนถึงบนศีรษะของพวกเขา
ความกลัวที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนได้ค้างคาอยู่เต็มหัวใจของพวกเขา
ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนหรือใครก็ตาม ใบหน้าของพวกเขาก็ล้วนซีดเซียว
มันเป็นความจริง!
มันคือเรื่องจริง!!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved