ตอนที่ 91

บทที่ 91 ขุมกำลังเบื้องบน เป้าหมายต่อไป

หนึ่งร้อยปีที่แล้ว หลังจากได้รับรางวัลโอกาสเซียนมาจากพ่อของเขา หวังฮัวอี้ก็ได้เรียนรู้ว่าพ่อและลุงทั้งสามคนของเขาได้รับการคัดเลือกจากเซียนแห่งโลกเบื้องบน

ทั้งสี่คนอยู่ที่ขอบเขตเทพแล้ว

และต่อมา หวังฮัวอี้ก็พบว่าไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพของตระกูลหวังเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือก แต่มันยังมีตระกูลเซี่ย ตระกูลเจียง ตระกูลถังและอื่นๆ ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั้งหมดจากเจ็ดตระกูลที่โด่งดังได้ถูกคัดเลือกทั้งหมด

และในเวลานั้น ราชวงศ์ต้าจินซึ่งยังคงอยู่ในจุดสูงสุดก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตเทพถึงห้าคนที่ได้รับการคัดเลือกไป

โดยรวมแล้ว มันก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั้งหมด 41 คน

ในยุคนี้ มันก็เป็นขุมพลังที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ตามที่หวังฮัวอี้รู้ ความแข็งแกร่งที่พวกเขารวบรวมในเวลานั้นก็มีมากกว่านั้น

นอกเหนือจากผู้ฝึกตนขอบเขตเทพแห่งโลกเบื้องล่างแล้ว มันก็ยังมีเซียนมนุษย์แห่งโลกเบื้องบนด้วย พวกเขาทั้งหมดรวมพลังกันโดยมีเป้าหมายเดียว

ปิดล้อมสำนักเซียนอรุณ!

ในที่สุด กองทัพทั้งหมดก็ถูกทำลายล้าง ไม่มีใครรอดชีวิตจากภูเขาคังเฉิง

มันไม่เหลือแม้แต่ซากศพ

มีข่าวลือว่าในเวลานั้น มันก็มีลำแสงปรากฎทั่วเต็มท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเทพหรือเซียนมนุษย์ พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกทำลายจนกลายเป็นผุยผง

สิ่งนี้ส่งผลทำให้ตระกูลใหญ่ต่างๆ ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก และความแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าจินก็ลดลง

ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุของปัญหาหลักในการเกิดสงครามหลายทศวรรษต่อมา กลุ่มท้องถิ่นเริ่มแตกแยก กองทัพปฏิวัติลุกขึ้นทุกที่ และคำสั่งของจักรพรรดิก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากทวีปกลางได้

แต่กระนั้น ในท้ายที่สุด สำนักเซียนอรุณก็ยังคงถูกปิดผนึกเอาไว้

ว่ากันว่าก่อนที่ภูเขาจะถูกปิด มีคนเห็นแสงกระบี่บินผ่านท้องฟ้าเหนือบาโจว เปลวเพลิงลอยเต็มทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าแลบดังสนั่น และลำแสงกระบี่ยาวนับพันก็พุ่งปกคลุมท้องฟ้า

ในที่สุดเมื่อทุกอย่างเงียบลง เหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบก็หายตัวไปและสำนักเซียนอรุณก็ประกาศปิดผนึก

แม้ว่าความเข้าใจของเขาจะไม่ชัดเจนนัก แต่ซุยเฮ็งก็สามารถตัดสินเบื้องต้นได้ด้วยข้อมูลนี้

หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สิ่งที่เรียกว่าโลกเบื้องบนนั้นก็คือ “โลกสูญสวรรค์” ที่เจียงฉีฉีเคยกล่าวถึง

ร้อยปีที่แล้ว ในตอนที่เจียงฉีฉีจากไป สำนักเซียนอรุณก็ได้ปิดผนึกภูเขาเอาไว้แล้ว มันอาจเป็นเพราะพวกเขาถูกโจมตีโดยเซียนจากโลกเบื้องบน

ครั้งแรก มันก็มีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์และขอบเขตเทพเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังของพวกเขาก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเหลวและถูกฆ่าตายทั้งหมด

ครั้งที่สองต้องเป็นหลังจากที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมามากแล้ว และเซียนปฐพีที่แข็งแกร่งกว่าหรือแม้แต่เซียนสวรรค์ก็ยังถูกเรียกตัวมาช่วย

ต้องบอกว่าการปิดล้อมของคนไร้ยางอายพวกนี้นั้นทรงพลังมากจริงๆ

แม้แต่เจียงฉีฉีผู้ซึ่งได้รับการเคารพในฐานะเทพปฐพีก็ยังสามารถถูกบังคับให้ต้องหลบหนีได้

...

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็ได้กลับไปถึงที่มณฑลลู่แล้ว เขายืนอยู่ในสำนักงานเทศมณฑลโดยเอามือไพล่หลัง เขามองไปที่ท้องฟ้าและกล่าวเย้ยหยัน “ เฮ้อ ร้อยปีใกล้จะถึงแล้วสินะ!”

เรื่องระหว่างเจียงฉีฉีและสำนักเซียนอรุณทำให้เขาต้องกลายมาเป็นศัตรูโดยธรรมชาติต่อเหล่าเซียนจากโลกเบื้องบน

แน่นอนว่ามันย่อมต้องมีความขัดแย้งขึ้นสักวันแน่อยู่แล้วระหว่างพวกเขา

เมื่อระยะเวลา 100 ปีใกล้เข้ามา ซุยเฮ็งก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้รับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเฟิงโจว

ด้วยสถานะนี้ เขาก็จะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเซียนจากโลกเบื้องบนและมีส่วนร่วมใน “โอกาสเซียนร้อยปี” เป็นการส่วนตัวได้ นอกจากนี้ เขาก็ยังสามารถมี “การสื่อสาร” ฉันมิตรกับเหล่าเซียนจากโลกเบื้องบนได้

ในทางกลับกัน มันก็เป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าในการฝึกตนของเขาเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว มณฑลลู่ก็ตั้งอยู่ในเฟิงโจว!

หากเขาสามารถใช้ประกาศใหม่นี้ทั่วทั้งเฟิงโจวได้ ไม่เพียงแต่มันจะเป็นประโยชน์ต่อคนธรรมดามากขึ้นเท่านั้น แต่เขายังอาจทำให้ตระกูลและสำนักใหญ่ไม่พอใจได้อีกด้วย

ด้วยวิธีนี้ แสงเจ็ดอารมณ์ก็จะต้องเติบโตเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการฆ่านกหลายตัวด้วยหินก้อนเดียว

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขในการเป็นผู้ว่าการรัฐนั้นก็ค่อนข้างลำบากเล็กน้อย

ก่อนอื่น เขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ็ดตระกูลที่โด่งดังอย่างน้อยเจ็ดตระกูล หรือไม่ก็หนึ่งสำนักจากตำหนักเต๋าอี้หรือโถงพุทธมามกะ

นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับซุยเฮ็ง

โดยเฉพาะอย่างหลัง

แน่นอนว่าเขาสามารถใช้วิธีการฆ่าผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าการรัฐทั้งหมดในต้าจินได้ และในท้ายที่สุด มันก็จะเหลือเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองตำแหน่งนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาก็จะได้ตำแหน่งมาโดยมิชอบ

และด้วยวิธีนี้ มันก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะดึงดูดการโจมตีร่วมกันของผู้ว่าการรัฐคนอื่นๆ และจากนั้น เขาก็จะตกอยู่ในวงล้อมการต่อสู้ที่ดกลาหลวุ่นวาย และแม้ว่าเขาเองจะลงมืออีกครั้งและดับไฟทุกที่ก็ตาม แต่มันก็คงจะเป็นการยากแล้วสำหรับเขาที่จะมุ่งเป้าปฏิบัติตามจุดประสงค์เดิมของเขา

และด้วยวิธีนี้ เขาก็ยังจะสูญเสียเป้าหมายเดิมของเขาในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐไปอีก ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่คุ้มกันเลยจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่เข้ากับสไตล์การทำสิ่งต่างๆ ของซุยเฮ็ง

“ คารวะนายท่าน!” ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็เดินเข้ามาและโค้งคำนับ “ ลู่เจิงหมิงได้ส่งข้อความมาจากมณฑลซีหลิง เขาบอกว่าคนจากตำหนักเต๋าอี้ต้องการจะมาที่มณฑลลู่เพื่อพบท่าน”

“ โอ้?” ซุยเฮ็งหัวเราะในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพยักหน้าและพูดว่า “ มันเกิดอะไรขึ้น? ไหนบอกข้ามาซิ”