ตอนที่ 117

บทที่ 117 : ไม่สามารถหลบหนีได้

นับตั้งแต่การลงมาของทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบน หวังฮัวอี้และตระกูลหวังแห่งหลางหยาทั้งหมดก็ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างมาก

ตั้งแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพอย่างหวังฮัวอี้ไปจนถึงคนรับใช้ทั่วไป พวกเขาทั้งหมดล้วนระวังตัวกัมาก

พวกเขากลัวที่จะไปรุกรานหวังตงหลิน ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบน

ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับตระกูลหวัง ทูตสวรรค์แห่งโลกเบื้องบนก็ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้ทุกเมื่อ

ด้วยเหตุนี้เอง ตระกูลหวังแห่งหลางหยาจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองหวังตงหลินและไม่ปล่อยให้เขาไม่พอใจ

แม้ว่าหวังตงหลินจะทำเพียงแค่ชายตามองเมียชาวบ้าน แต่พวกเธอก็จะถูกส่งตรงไปที่ห้องนอนของหวังตงหลินเป็นการส่วนตัวในทุกๆ คืน

แม้ว่าตระกูลหวังแห่งหลางหยาในโลกเบื้องล่างและตระกูลหวังในโลกเบื้องบนจะมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน แต่พวกเขาก็แยกจากกันมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว

ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระดับนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าใกล้ชิด อาจกล่าวได้พวกเขาแทบจะไม่เกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเนื่องจากตัวตนของหวังตงหลินนั้นสูงส่งมาก ดังนั้นมันจึงมีเพียงสามีเท่านั้นที่รู้สึกเจ็บใจ

ในขณะที่ภรรยาและนางสนมส่วนใหญ่ของพวกเขาต่างก็ภูมิใจที่ได้รับใช้ทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบน

ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับภรรยาและนางสนมเหล่านี้ที่รับใช้เขา มันก็ไม่เพียงแต่มันจะทำให้ทูตจากโลกเบื้องบนพึงพอใจเท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อเพิ่มสถานะในครอบครัวขึ้นมาได้

มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองโลก

ตอนเช้าตรู่

หวังตงหลินเดินออกมาจากห้องนอนอย่างเบิกบานใจ เขายิ้มในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่จะมีผู้คนมากมายแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งทูตสวรรค์ ความรู้สึกนี้มันสบายจริงๆ

แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลหวังในโลกเบื้องบนและสถานะของเขาก็จะไม่ได้ต่ำต้อย แต่เขาก็ยังเป็นรุ่นน้องและจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

แม้แต่ในหมู่เพื่อนของเขา เขาก็ยังถูกพี่น้องข่มเหงและแทบจะไม่สามารถทำตัวโดดเด่นได้

เคล็ดวิชายุทธ์ที่ดีที่สุดในตระกูลก็ไม่ใช่ของเขา สมบัติที่ดีที่สุดเองก็ไม่ใช่ของเขา และทรัพยากรการฝึกตนที่ดีที่สุดเองก็ยังไม่ใช่ของเขา

แม้แต่ผู้หญิงที่เขาชอบก็ยังถูกพี่ชายของเขาแย่งชิงไป

มันเรียกได้ว่าน่าอนาถใจยิ่งนัก!

อย่างไรก็ตาม หลังจากมาถึงโลกเบื้องล่าง หวังตงลินก็เข้าใจได้ทันทีว่าการเป็นดวงจันทร์ที่ล้อมรอบไปด้วยดวงดาวนั้นหมายความว่าอย่างไร

ความรู้สึกที่สามารถฆ่าทุกคนได้นี้ช่างน่าพึงพอใจเหลือจะกล่าว

“ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพหลายสิบคนจากสาขาหลักจะแย่งชิงกันแทบตายเพื่อตำแหน่งนี้”

มุมปากของหวังตงหลินโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่ความเย่อหยิ่งเพิ่มขึ้นในใจของเขา “ น่าเสียดาย ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับตัวตนของข้าที่เป็นทายาทสายตรง”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นมากนักในบรรดาผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลหวังในโลกเบื้องบน แต่เขาก็ยังเป็นผู้สืบทอดสายตรง ดังนั้นทันทีที่ตัวตนนี้ถูกเปิดเผย มันจึงสามารถกำจัดศิษย์ทั้งหมดของสาขาย่อยออกไปได้โดยตรง

และมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาจากสาขาหลักและจะต้องการตำแหน่งนี้

นี่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ในรุ่นเดียวกันกับหวังตงหลินต่างก็ได้กลายเป็นเซียนมนุษย์กันไปหมดแล้ว และแม้ว่าพวกเขาจะลงมาสู่โลกมนุษย์ แต่มันก็จะเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง ตำแหน่งทูตนี้จึงตกมาอยู่ในมือของเขาโดยธรรมชาติ

“ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตระกูลหวังแห่งหลางหยานั้นจะดีในทุกๆ ด้าน แต่มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่แย่อยู่” หวังตงหลินขมวดคิ้วอีกครั้งและคิดกับตัวเองว่า “ ทำไมพวกเขาถึงคิดแต่จะฆ่าซุยเฮ็งคนนั้น?”

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาก็ได้อ่านข้อมูลมากมายเกี่ยวกับซุยเฮ็ง

ในตอนแรก เขาก็ไม่เชื่อว่ามันจะมีการดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้ในโลกเบื้องล่าง พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่จนสามารถเรียกลมพายุได้ การถล่มและแยกผืนแผ่นดิน และการสร้างทะเลสาบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนจากโลกเบื้องล่างจะสามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าใจซุยเฮ็งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ค่อยๆ ตระหนักได้ว่าชายคนนี้ไม่ธรรมดา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรู้ว่าเจ้าสำนักของตำหนักเต๋าอี้ จางซูหมิงกำลังติดตามซุยเฮ็งอยู่ ทัศนคติของเขาที่มีต่อซุยเฮ็งก็เปลี่ยนจากความรังเกียจเป็นความกลัว

ในความเห็นของเขา นี่น่าจะเป็นคนนอกที่ทรงอำนาจมาก มันคล้ายกับคนจากสำนักเซียนอรุณเมื่อ 100 ปีที่แล้ว, เหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบ!

“ ถ้าเป็นยอดฝีมือเช่นนั้นจริง ข้าก็ไม่สามารถไปทำให้เขาขุ่นเคืองใจได้ ข้าจะต้องจัดการกับเขาหลังจากที่พี่น้องของข้ามาถึง” หวังตงลินส่ายหัวและเดินไปที่ห้องประชุม

ในวันนี้ หวังฮัวอี้ก็ได้เชิญเขามาเพื่อหารือเรื่องสำคัญ เขาควรจะโจมตี ซุยเฮ็งผู้ซึ่งสืบทอดตำแหน่งผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจวเพื่อล้างความอัปยศอดสูก่อนหน้านี้เลยดีหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม หวังตงหลินก็ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เพื่อช่วยตระกูลหวังสังหารซุยเฮ็ง เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะยังไม่ยั่วยุซุยเฮ็ง

ทุกอย่างสามารถรอจนกว่าจะถึง 100 ปีได้

….

ในห้องประชุม

หวังฮัวอี้และลูกชายทั้งแปดของเขามีสีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศเคร่งขรึมและไม่มีใครพูดอะไร

พวกเขากำลังรอให้หวังตงหลินมาถึง

ก่อนที่ทูตจากโลกเบื้องบนจะมาถึง มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มการประชุมนี้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขากำลังรอ พวกเขาก็ยังให้ความสนใจกับที่นั่งหัวโต๊ะและที่นั่งข้างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่นั่งทั้งสองนี้เป็นของบุตรชายคนโตของหวังฮัวอี้ หวังฉิงเฉินและหวังฉิงเหอ บุตรชายคนที่สองที่โดดเด่นที่สุดของเขา

แต่ตอนนี้ มันก็ไม่มีใครมาได้เลย

หวังฉิงเฉินออกจากบ้านไปเมื่อห้าปีที่แล้วและมอบเรื่องของตระกูลทั้งหมดให้กับหวังฉิงเหอ และตอนนี้ หวังฉิงเหอก็ได้ถูกสังหารลงในมณฑลลู่

ด้วยเหตุนี้เอง ตอนนี้มันจึงเหลือเพียงแปดหัวเท่านั้น พวกเขามองไปที่เก้าอี้สองตัวด้วยความคิดที่แตกต่างกัน

หวังฮัวอี้ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการตายของลูกๆ ของเขา

ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาสนใจมากที่สุด

วิธีการล้างความอัปยศอดสูที่ตระกูลหวังได้รับมา!

หากพวกเขาไม่ล้างความอัปยศอดสูนี้ออกไป แม้ว่าทูตสวรรค์จะไม่สนใจในตอนนี้ แต่เขาก็จะตำหนิพวกเขาอย่างแน่นอนเมื่อเหล่าเซียนลงมายังโลกเบื้องล่าง

ความอัปยศอดสูนี้จะต้องถูกชำระล้างออกไป!

ซุยเฮ็งจะต้องตาย!

“ ขออภัยที่ให้ทุกท่านรอ” ในขณะนี้ เสียงของหวังตงหลินก็ดังมาจากข้างนอก จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ คารวะท่านทูต!”

“ คารวะท่านทูต!”

เมื่อหวังฮัวอีและลูกชายทั้งแปดของเขาเห็นหวังตงหลิน พวกเขาก็รีบยืนขึ้นเพื่อต้อนรับเขา พวกเขาไม่กล้าไม่แสดงความเคารพเลย

“ นั่งลงเถอะ” หวังตงลินโบกมือและนั่งลงที่หัวโต๊ะ หลังจากมองไปรอบๆ เขาก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “ การประชุมในครั้งนี้จะหารือเกี่ยวกับวิธีการฆ่าซุยเฮ็งใช่ไหม?”

“ ใช่แล้ว ซุยเฮ็งคนนี้ทำให้ตระกูลหวังของเราต้องเสื่อมเสีย ดังนั้นเราจึงต้องฆ่าเขาเพื่อรักษาหน้าตระกูลหวังของเราไว้” หวังฮัวอีกล่าวอย่างหนักแน่น

“ ใช่แล้ว ซุยเฮ็งสมควรตาย” หวังตงหลินพยักหน้า แต่แล้วเขาก็พูดต่อว่า “ อย่างไรก็ตาม ข้าก็คิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะฆ่าเขา”

“ ทำไมล่ะ?!” หวังฮัวอี้ไม่เข้าใจและถามไปโดยไม่รู้ตัว

“ เจ้ากล้าสงสัยข้าหรอ?” สายตาของหวังตงหลินหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่หวังฮัวอี้

“ ไม่เลย ข้ามิกล้า!” หวังฮัวอี้รีบก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดอะไรอีก อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกงงงวยอย่างมาก ทำไมจู่ๆ ทูตสวรรค์ถึงไม่อยากฆ่าซุยเฮ็งกัน?

เขาไม่ได้ขอข้อมูลของซุยเฮ็งก่อนหน้านี้ราวกับว่าเขาต้องการจะกำจัดอีกฝ่ายหรอ?

“ เราจะวางแผนกันอีกทีหลังจากกำหนดการ 100 ปีได้มาถึง” หวังต

หลินตัดสินใจด้วยตัวเอง ในฐานะทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบน เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก

คำพูดของเขาถือเป็นคำสั่งที่ตระกูลหวังแห่งหลางหยาจะต้องเชื่อฟัง

“ รับทราบแล้ว!”

หวังฮัวอี้และอีกแปดคนทำได้เพียงพยักหน้า แม้พวกเขาจะงงแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าถามอีกต่อไป

“ อืม” หวังตงหลินตอบกลับเบาๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เขาลงมาในฐานะทูตสวรรค์เพียงเพื่อสนุกกับตัวเองก็เท่านั้น

หากพวกเขาต้องการจะพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขาเพื่อทรมานผู้ที่มายั่วยุตระกูลหวัง มันก็ไม่ใช่ปัญหา

อย่างไรก็ตาม สำหรับยอดฝีมือที่ไม่ทราบที่มาที่ไป พวกเขาก็สามารถลืมมันไปได้เลย

เขาไม่ต้องการจะติดต่อกับซุยเฮ็งด้วยซ้ำ

บู้มมมมม!

ในขณะนี้ ทุกคนในห้องประชุมของตระกูลหวังก็ได้ยินเสียงดังโครมครามดังขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

ทันทีหลังจากนั้น พวกเขาก็รู้สึกราวว่าพื้นใต้เท้าของพวกเขาได้ขยับ

ราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่บนเรือ ห้องประชุมทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ แผ่นดินไหว?!”

หวังฮัวอี้อุทานออกมา ในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ การรับรู้ของเขาก็เฉียบคมมาก เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพื้นใต้เท้าของพวกเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง “ ท่านทูตสวรรค์ เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”

ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องพูดอะไร ขณะที่พื้นสั่นสะเทือน หวังตงหลินก็ได้รีบออกไปก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขารีบออกมา เขาก็ต้องตกตะลึง

ทันทีหลังจากนั้น หวังฮัวอี้และคนอื่นๆ เองก็ออกมาจากห้องประชุมเรียบร้อยแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์ภายนอก พวกเขาทั้งหมดก็ตกตะลึง

หวือ! หวือ!

เสียงลมคำรามผ่านหูของพวกเขา และต้นไม้โดยรอบก็โค้งงอผิดรูปอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าพายุเฮอริเคนได้พัดลงมาจากด้านบน!

ในเวลาเดียวกัน คฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดก็ส่งเสียงดัง สมาชิกตระกูลหวังจำนวนนับไม่ถ้วนรีบออกมาจากห้องและมองดูเหตุการณ์ข้างนอกด้วยความตกตะลึง

เมฆที่อยู่บนฟ้ากำลังใกล้เข้ามา!

ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก คฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดก็กำลังบินขึ้น!

คฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ที่กินพื้นที่มากกว่าพันหมู่กำลังถูกพลังที่ไม่รู้จักดึงขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่เร็วมาก!

“ เป็นไปได้ยังไงกัน!?” หวังตงหลินมองไปรอบๆ ด้วยความเหลือเชื่อ ร่างกายของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“ ท่านทูตสวรรค์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!” หวังฮัวอี้ตกใจสุดขีด นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถามหวังตงหลินอย่างใจจดใจจ่อ

ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายก็มาจากโลกเบื้องบน ดังนั้นเขาจึงน่าจะรู้อะไรมากกว่าพวกเขา

“ แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า!” หวังตงหลินตะคอกกลับ สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของเขาไปไกลแล้ว

นี่ไม่ใช่แค่การดึงผู้คนขึ้นไปบนท้องฟ้าเท่านั้น

เพราะแม้แต่พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา น้ำในสระและสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดก็ยังถูกยกลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

พื้นที่ของคฤหาสน์ตระกูลหวังมีมากกว่า 1,000 หมู่ แต่ลมนี้ก็ได้พัดพาหลายสิ่งหลายอย่างรวมถึงผืนดินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้!

นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย?!

มันไม่น่าเชื่อเลย!

ในเวลาเดียวกัน ในมณฑลหลางหยา

สามัญชนจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันรอบๆ คฤหาสน์ของตระกูลหวังและมองไปที่หลุมดำตรงหน้าพวกเขาพร้อมกับอ้าปากค้าง

เกิดอะไรขึ้น?

คฤหาสน์ของตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ตรงนี้มานานจู่ๆ ก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างไร?

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของซุยเฮ็ง

ในขณะนี้ พวกเขาก็ได้มาถึงความสูง 40,000 ฟุตแล้ว เมื่อมองลงไปข้างล่าง พวกเขาก็มองไม่เห็นพื้นดินอีกต่อไป

มันมีเพียงทะเลหมอกและแสงแดดจ้าอยู่ไกลๆ เท่านั้น

หวือ!

ทันใดนั้นเสียงอากาศถูกฉีกแหวกก็ดังขึ้น คฤหาสน์ของตระกูลหวังพุ่งผ่านทะเลเมฆหนาทึบและมาถึงใต้ฝ่าเท้าของซุยเฮ็ง

ในขณะนี้ หวังฮัวอี้และหวังตงหลินก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังยืนอยู่เหนือพวกเขาจริงๆ!

คนเพียงคนเดียวสามารถยกคฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าได้?!

ช่างเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้!

ความกลัวที่อธิบายไม่ได้พลุ่งพล่านในใจของพวกเขา

พวกเขาสวดภาวนาให้ยอดฝีมือลึกลับคนนี้ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าพวกเขา

“ ไม่เจอกันนานเลยนะทุกคน” อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เสียงอันเริงร่าของซุยเฮ็งก็ได้ดังขึ้นมาจากทางด้านบน “ ข้าซุยเฮ็งเอง”

ซะ.. ซุยเฮ็ง?!

แขนขาของหวังฮัวอี้กลายเป็นเย็นเฉียบ และสมาชิกตระกูลหวังที่เหลือก็กลัวจนหมดปัญญา

ใบหน้าของหวังตงหลินเองก็ซีดเซียวเช่นกัน

ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลย แล้วไหงทำไมเจ้าถึงได้มาหาข้าถึงที่แบบนี้!!!