เขาเริ่มแสวงหาเส้นทางของเขาหลังจากยืนยันว่านี่คือสถานที่ที่ควรค่าแก่การแสดงความสามารถของเขาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขามีพรสวรรค์มากในสนามรบและจะได้รับตำแหน่งสำคัญจากลอร์ดอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้รับมรดกผู้กล้า!
นอกจากนี้มันยังเป็นมรดกผู้กล้าที่เหมาะสมกับเขาด้วย!
ลั่วเซิงตัดสินใจทำงานอย่างหนักทันทีเพื่อรับมรดกอันนี้มา จนกระทั่งในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้รับมันมา
โจวโจวมองไปยังสีหน้าอันหยิ่งผยองเล็กน้อยของอีกฝ่ายและไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร กลับกัน เขากลับชื่นชมอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาชอบคนที่หยิ่งผยองและมีความสามารถเช่นนี้!
จากนั้นเขาก็มองไปยังหน้าต่างความสามารถของอีกฝ่าย
ทักษะของเขาก็ธรรมดาๆ นอกเหนือจากเคล็ดวิชาง้าวสยบอสูรระดับมหากาพย์ขั้นกลางแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นทักษะการต่อสู้ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นศักยภาพของอีกฝ่าย เขาก็อดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้
ระดับตำนานขั้นต้น!
มันต้องทราบว่าไป่อี้ที่มีโชคชะตาผู้กล้าระดับตำนาน (เทียม) ก็ยังมีศักยภาพแค่ระดับตำนานขั้นกลางเท่านั้น
ส่วนอู๋ซินก็มีศักยภาพแค่ระดับมหากาพย์ขั้นสูง!
เมื่อเทียบกันดูแล้ว มันจะเห็นได้ว่าลั่วเซิงนั้นมีศักยภาพสูงแค่ไหนในฐานะมนุษย์
ถ้าอู๋ซินถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปี ลั่วเซิงก็คงจะเป็นอัจฉริยะในรอบพันปีได้เลย!
เขาเจอสมบัติเข้าให้แล้ว!
โจวโจวประหลาดใจระคนดีใจ
ด้วยศักยภาพเริ่มต้นเช่นนี้ เมื่อเขาได้รับมรดกผู้กล้าของแม่ทัพเทพภูตผี ศักยภาพของเขาจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนกัน?
“กลับไปรับการสืบทอดมรดกผู้กล้าซะ”
โจวโจวข่มความตื่นเต้นเอาไว้และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ขอรับ!”
ลั่วเซิงกล่าวด้วยความเคารพ
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความชื่นชมที่ท่านลอร์ดมีต่อเขาจากคำพูดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม จิตใจของเขาก็ไม่ได้หยิ่งผยองขึ้นมาเพราะเรื่องนี้
นี่เป็นเพราะเขาได้รู้จักคนที่มีความสามารถมากมายหลังจากเข้าร่วมกับดินแดนตะวันสาดแสง
มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงไป่อี้ อู๋ซิน และเฟิงลั่วซึ่งเป็นผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่แล้ว เขาได้เห็นยอดฝีมือมากมายทั้งในสายต่อสู้และสายอาชีพที่เคยเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่ในอาณาจักรออโรร่ามาอยู่ในเมืองตะวันสาดแสง
และยังมีมังกรผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งอีก พวกมันกระทั่งยินดีที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านลอร์ด
เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนเหล่านี้ เขาย่อมไม่กล้าจองหอง
อีกด้านหนึ่ง อู๋ตู่ที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ ก็มองไปยังลั่วเซิงที่เดินจากไปด้วยความอิจฉา
บทสนทนาระหว่างอีกฝ่ายกับท่านลอร์ดนั้นยังดังก้องอยู่ในใจของเขา
มรดกผู้กล้า!
ในฐานะคนเก่าคนแก่ที่ติดตามโจวโจวมานาน อู๋ตู่ย่อมรู้ว่ามรดกผู้กล้าคืออะไร
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอิจฉามากยิ่งขึ้น
“มันดีมากแล้วที่ได้เป็นแม่ทัพให้กับท่านลอร์ด ข้ายังได้รับความเคารพกับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ดี แต่ข้าก็เป็นแค่นักทำแผนที่ ข้าเกรงว่าข้าคงจะหมดหวังที่จะได้เป็นผู้กล้าไปแล้ว”
อู๋ตู่คิด
“อู๋ตู่”
ในเวลานั้นเอง เสียงของโจวโจวก็ดังขึ้นในหูของเขา
“ขอรับ!”
อู๋ตู่ได้สติกลับมาและกล่าวด้วยความเคารพ
“ทำไม? เจ้าอิจฉาเหรอ?”
โจวโจวถามด้วยรอยยิ้ม
เขามีกระแสจิตระดับสูง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจฟังความคิดของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
อู๋ตู่หน้าแดงเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ จากนั้นเขาก็ลังเลอยู่ชั่วขณะและพยักหน้าอย่างเขินอาย
“ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้กลายเป็นผู้กล้าเป็นไง?”
โจวโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็พลิกมือขวาและคู่มือลับมรดกผู้กล้าเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“นี่คือคู่มือลับมรดกผู้กล้า ตราบใดที่เจ้าใช้มัน เจ้าก็จะได้กลายเป็นผู้กล้า เป็นยังไง? เจ้าอยากได้มันไหม?”
โจวโจวยิ้มให้เขา
อู๋ตู่อึ้งไป
คู่มือลับมรดกผู้กล้า?!
ท่านลอร์ดอยากให้ข้าเป็นผู้กล้าด้วยเหรอ?!
เขาตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป
จากนั้นอู๋ตู่ก็มองไปยังคู่มือลับมรดกผู้กล้านั้นโดยไม่รู้ตัว และข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา
[ชื่อไอเท็ม: คู่มือลับมรดกผู้กล้า]
[ระดับ: ระดับมหากาพย์]
[เอฟเฟตก์: หลังจากใช้มัน ท่านจะได้รับมรดกผู้กล้าของศรวิญญาณ—เอนดู]
[รายละเอียด: ลูกศรของข้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง — ศรวิญญาณ–เอนดู]
เมื่ออู๋ตู่เห็นรายละเอียดของคู่มือลับมรดกผู้กล้า หัวใจของเขาก็เต้นระรัว
มันคือมรดกผู้กล้าจริงๆ?!
โจวโจวยิ้มเมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
มรดกผู้กล้าของศรวิญญาณ เดิมทีมันคือมรดกผู้กล้าของปีศาจศรวิญญาณเหมันต์อู๋ซินที่มีระดับ +1
หลังจากโจวโจวได้รับมันมา เขาก็ยังไม่มีเวลาเอามันออกมาใช้
บังเอิญวันนี้เขาได้เรียกลั่วเซิงเข้ามาพบพอดี ดังนั้นเขาจึงอยากจะมอบมรดกผู้กล้าอันนี้ให้กับอู๋ตู่ด้วยเลย
อู๋ตู่คือลูกน้องในดินแดนของเขาที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้บัญชาการกองทัพวาดสวรรค์แล้วด้วย มันคงจะไม่ดีนักถ้าเขายังไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ ดังนั้นโจวโจวจึงได้มอบมรดกผู้กล้าของศรวิญญาณให้กับเขา
อู๋ตู่ไม่ชอบการต่อสู้ในระยะประชิด ดังนั้นมรดกผู้กล้าศรวิญญาณนี้ที่เป็นมรกดผู้กล้าของนักธนูจึงน่าจะเหมาะสมกับเขา
“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ด!”
อู๋ตู่คุกเข่าลงกับพื้นในทันทีและกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าท่านลอร์ดของเขาไม่ได้ล้อเล่น
“ลุกขึ้นเถอะ มรดกผู้กล้านั้นล้ำค่ามาก ข้ามอบมันให้กับเจ้าเพราะเจ้าคู่ควรกับมัน อย่างไรก็ตาม เจ้าก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังละกัน”
โจวโจวย้ำเตือน
“ขอรับท่านลอร์ด!”
อู๋ตู่ยืนขึ้นและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
โจวโจวพยักหน้าและมอบคู่มือลับมรดกผู้กล้าให้กับอีกฝ่ายก่อนจะให้เขากลับไป
อู๋ตู่รับมรดกผู้กล้ามาอย่างระมัดระวังและจากไป
หลังจากเขาจากไปแล้ว โจวโจวก็ยิ้มออกมา
“หลังจากลั่วเซิงและอู๋ตู่ได้สืบทอดมรดกผู้กล้าจนเสร็จในวันพรุ่งนี้แล้ว มันก็จะมีผู้กล้าทั้งหมด 6 คนในดินแดนของฉัน!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมา
จำนวนผู้กล้าขนาดนี้เทียบได้กับอาณาจักรขั้นต้นสองอาณาจักรเลย
ในบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย เขาก็เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดเป็นแน่!
“ตอนนี้ฉันยังเหลือมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญอีกอันจากวิหารอัศวิน”
โจวโจวครุ่นคิด
เขาไม่รู้ว่าจะมอบมรดกผู้กล้านี้ให้ใครในตอนแรก
ซวีอันก็เพิ่งมาถึงวันนี้ หลังจากได้เห็นทักษะการลอบสังหารอันน่าทึ่งของซวีอัน โจวโจวก็อยากจะมอบมรดกผู้กล้านี้ให้กับเขา แต่ต่อมา เขาก็ลองคิดดูแล้วและปัดความคิดนี้ทิ้งไป
ศักยภาพของซวีอันคือลูกน้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขานอกเหนือไปจากเซียวซวน!
โจวโจวรู้สึกว่าการมอบมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญให้กับเขาคงจะกลายเป็นการสร้างข้อจำกัดให้กับเขาซะมากกว่า
โจวโจวรู้สึกว่ามันคงต้องเป็นมรดกผู้กล้าระดับเทพชั้นต่ำจึงจะเหมะกับศักยภาพของซวีอัน จริงไหม?
“พรุ่งนี้ฉันจะไปที่วิหารอัศวินเพื่อถามเจ้าวิหารดู มาดูกันว่าฉันจะสามารถเจรจากับเขาและหามรดกระดับเทพให้กับซวีอันได้ไหม”
โจวโจวครุ่นคิด
จากนั้นเขาก็หยิบไอเท็มสองอันออกมาจากแหวนมิติของเขา
มันก็คือลูกแก้วพรสวรรค์แห่งลอร์ดสองอันที่เขาได้รับมาจากสมรภูมิสุดท้ายในวันนี้นั่นเอง