บทที่ 174 ในเฉินเจียเป่าแห่งนี้ เขามีสถานะสูงงั้นเหรอ?
"ใช่แล้ว..ทำไมเขาถึงมากับเจ้าได้?"
ทุกคนงง
ในเวลานี้ ชายชราก็มองดูเฉินฟานด้วยความตกใจเช่นกัน
เขาเพิ่งได้ยินอะไร?
ไปเมืองอันชานมางั้นเหรอ?
ชายหนุ่มคนนี้ไปเมืองอันชานมาเหรอ?
มันไม่ถูกต้อง! เขาไม่ได้บอกให้ปล่อยผู้อาวุโสในหมู่บ้านไปหรอกเหรอ?
จากซ่งเจียเป่าไปจนถึงเมืองอันชาน มีสัตว์อสูรระดับกลางมากมายตลอดทางและมีอันตรายมากมาย แม้แต่เขายังใช้ความพยายามอย่างมากและถือว่าโชคดีถ้าไปถึงที่นั่นได้
“เกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆแล้ว...” เฉินฟานเล่าประสบการณ์ของชายชราในสลัมออกมาและเขาบอกว่าต้องการช่วยชายชราคนนี้ และในท้ายที่สุดชายชราจะอาศัยอยู่ที่นี่ในอนาคต
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ชายชราคนนนี้ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน เป็นดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะได้รับบทเรียนไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่าถ้าชายชราคนนี้ไม่ซื่อสัตย์ก็ควรได้รับบทลงโทษบ้างเป็นธรรมดา
“เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนชายชราคนนี้จะน่าสงสารอย่างมาก” ทันใดนั้นหลิวหยงและคนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้ เมื่อมองไปที่ขาของชายชรา และสายตาของพวกเขาก็มีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
"ใช่แล้ว"
ชายชรามองเฉินฟานด้วยความรู้สึกขอบคุณ และปิดบังการหลอกลวงของเขาให้เขา
เฉินกัวตงก้าวไปข้างหน้า ยิ้มแล้วพูดกับชายชรา "ท่านผู้เฒ่า ยินดีต้อนรับสู่เฉินเจียเป่า นับจากนี้ไปท่านจะเป็นหนึ่งในพวกเรา ไม่ต้องกังวลข้าจะหาคนมารักษาขาของท่านในภายหลัง พักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ”
“ใช่ อาหารที่นี่ของพวกเรามีมาไม่ขาดสาย หากท่านต้องการอะไร โปรดแจ้งให้พวกเราทราบ”
“ไอ้เวรพวกนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานจริงๆ พวกมันโหดร้ายถึงขนาดสามารถกับลงมือกับคนแก่ได้ขนาดนี้”
“โลกกำลังถดถอย ใจคนก็กลายเป็นอำมหิตขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชายชราก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขาไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานาน
ภายในบ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชายชรานอนอยู่บนเตียง ขาขวาของเขาถูกยึดด้วยเหล็กพยุง
“ท่านผู้เฒ่า ท่านอิ่มแล้วหรือ? ถ้าไม่..ข้าจะนำข้าวต้มอีกชามให้ท่าน”
ข้างเตียงมีผู้หญิงวัยสี่สิบถามอย่างกระตือรือร้น โดยถือชามในมือข้างหนึ่งและอีกข้างถือช้อน
นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ชายชราสะอึก พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดว่า "ข้าอิ่มแล้ว แต่ข้ากระหายน้ำนิดหน่อย"
หญิงสาวรีบหยิบชามน้ำขึ้นมา เป่าลมร้อนแล้วยื่นเข้าปาก
"อึกๆๆ"
ชายชราดื่มน้ำทั้งหมดในชามเพียงไม่กี่อึก และหญิงสาวก็ไม่ลืมเช็ดคราบน้ำที่มุมปากด้วยผ้าเช็ดหน้า
“ท่านผู้เฒ่า นายท่านหลิวบอกว่าท่านจะได้รับการพักฟื้นเป็นเวลาวัน หากท่านมีสิ่งใดที่ต้องทำในช่วงหนึ่งหลายวันนี้ เพียงบอกเราสองคนโดยตรง พวกเรายินดีรับใช้”
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
"อย่างนั้นหรือ?"
ทันใดนั้นชายชราก็ฟื้นพลังกลับคืนมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ได้ทุกอย่างเลยงั้นเหรอ?"
เมื่อผู้หญิงทั้งสองได้ยินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงเรื่องอะไร
"แอ๊กๆ"
หญิงสาวไอและพูดอย่างเขินอาย "ท่านผู้เฒ่า ก่อนที่พี่เฉินจะจากไป เขาบอกเราว่าหากท่านมีความคิดที่ไม่ดีอะไรต่อพวกเราให้ไปบอกเขาโดยตรง แล้วเขาจะมาคุยกับท่านด้วยตนเอง"
ทันใดนั้นชายชราก็ตื่นเต้นและพูดว่า "ลืมมันซะ..ลืมมันไปเถอะ ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขาตอนนี้"
หลังจากพูดแล้วเขาก็มองไปรอบ ๆ
เขาต้องบอกว่าสภาพความเป็นอยู่ที่นี่ดีกว่าในซ่งเจียเป่าอย่างมาก
บ้านเรือนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย อาหารมีมากมาย และมีบริกรที่ทุ่มเทและเป็นกันเอง ถ้าเขารู้ว่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้ในสถานที่นี่ ข้าควรจะมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้
“ว่าแต่น้องชายคนนั้นคือใคร?”
เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
ระหว่างทางทุกคนก็เคารพเด็กคนนั้นอย่างมาก
ในฐานะทหารผ่านศึกที่รู้จักผู้คนนับไม่ถ้วน เขาสามารถเห็นได้ว่านี่คือความเคารพจากก้นบึ้งของหัวใจ ปราศจากความหน้าซื่อใจคดหรือการใส่หน้ากากใส่เขา
นอกจากนี้ทัศนคติของทุกคนที่มีต่อเขาก็เป็นมิตรมากเช่นกัน
ดังนั้น เขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับสถานะของเด็กคนนั้นในป้อมจริงๆ
“ท่านกำลังพูดถึงพี่เฉินงั้นเหรอ?”
"ใช่"
ชายชราพยักหน้า "ข้าเห็นว่าพกวเจ้าทุกคนเชื่อฟังเขา ในป้อมนี้เขามีสถานะสูงงั้นเหรอ?"
เด็กหญิงทั้งสองหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“อะไร เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดปกติกับสิ่งที่ข้าพูดไปหรือเปล่า?”
ชายชรารู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
“ท่านผู้เฒ่า พี่เฉินเป็นเจ้านายของเฉินเจียเป่าแห่งนี้”
หญิงสาวทำท่าทางเต็มไปด้วยความเคารพ
"เจ้านายหมายถึงเจ้าของป้อมแห่งนี้งั้นเหรอ?"
ชายชราอ้าปากกว้างด้วยความไม่เชื่อเขียนไปทั่วใบหน้า
“ถ้าเข้าใจแบบนั้นก็ถูกต้อง” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่เฉิน เราได้รับการช่วยเหลือจากกรงเล็บของพี่น้องแซ่จ้าว ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะได้ยืนคุยกับท่านที่นี่ตอนนี้ได้หรือไม่”
หญิงสูงวัยถอนหายใจและพูดออกมาด้วยอารมณ์
"เกิดอะไรขึ้น?"
ชายชรารู้สึกราวกับว่ามีมดนับหมื่นคลานอยู่ในใจของเขา เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
เขามองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "บอกข้าสิ ไม่ต้องกังวลข้าไม่ใช่คนไม่ดีอะไร และข้าจะปิดปากและจะไม่บอกคนอื่นอย่างแน่นอน"
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? ก็ไม่มีอะไรหรอก..มันไม่ใช่ความลับใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้รู้ดี”
หญิงชรายิ้มและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เขาฟัง
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ชายชราก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และดวงตาของเขาก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า
คนดีของข้า ข้าต่อสู้กับนกอินทรีมาตลอดชีวิต แต่ข้ากลับถูกนกอินทรีจิก
เขาคิดว่าตัวเองกำลังใช้ประโยชน์จากเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าเด็กคนนั้นแกล้งทำเป็นหมูเพื่อจะกินเสือ
เขาจำสิ่งที่เด็กคนนี้พูดได้
มันหมายความว่าเด็กคนนี้คือนักรบที่เขาพูดถึงอย่างชัดเจนใช่ไหม? ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขาที่ไปเมืองอันชาน!
โอ้พระเจ้า ช่างเป็นนักรบรุ่นเยาว์ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ เขามีพรสวรรค์ขนาดไหนกันนะ?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะรู้ชัดเจนว่าหนังสือเทคนิคที่เขาได้รับจากเขาเป็นสำเนาที่เสียหายทั้งหมด และเขายังสามารถฝึกฝนได้
พรสวรรค์ของเขาสูงมาก เขาถึงสามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลที่เสียหายเหล่านั้นได้
บ้าเอ้ย!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ชายชราก็ตบต้นขาขวาของเขาแล้วยิ้มด้วยความเจ็บปวด
“ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่สบายดีหรือ?”
หญิงสาวตื่นตระหนก
“ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่ต้องทำร้ายตัวเอง แค่ขาหักอีกไม่นานก็กลับมาเดินได้แล้ว”
"ไม่ ข้าสบายดี"
ชายชราโบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว"
ผู้หญิงสองคนมองหน้ากันและพยักหน้า
“ได้ค่ะ พวกเราสองคนจะออกไปก่อน ถ้ามีอะไรให้พวกเรารับใช้ท่านก็ตะโกนออกมา แล้วเราจะตามหาทันที”
"อืม"
ชายชราตอบด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มออกมาและปลอบใจตัวเอง "ลืมซะเถอะ อย่างน้อยๆก็พิสูจน์ได้ว่าชายชราของข้ามีสายตาที่ดีในการมองเห็นผู้คน และข้าก็เลือกคนที่มีอำนาจมากที่สุดในป้อมแห่งนี้ทันที"
"ใช่แล้วล่ะ!"
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าเย่อหยิ่ง
"ด้วยการมีเด็กคนนี้เป็นผู้สนับสนุน ข้าก็อยากเห็นว่าใครจะกล้ารังแกข้าในป้อมแห่งนี้ในอนาคต!"
…
ช่วงเวลาเดียวกัน
บนสนามฝึกซ้อม ทุกคนต่างเหงื่อออกมาก
ในห้องข้างๆโกดัง
“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าในช่วงสามหรือสี่ปีที่ผ่านมา สมาคมนักรบจะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ และมีนักรบขอบเขตกาากลั่นชีพจรมากมายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
จางเหรินกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ข้าได้ยินจากประธานสาขาว่าเหนือกว่าขอบเขตการกลั่นชีพจร ยังมีหยวนแก่นแท้อีกด้วย นอกจากประธานสมาคมแล้ว ยังมีอีกสองคนที่เป็นนักรบขอบเขตหยวนแก่นแท้”
เฉินฟานพูดแล้วถามอย่างไม่แน่นอน "ลุงจางก็เป็นสมาชิกของสมาคมนักรบด้วยเหรอ?"
"ใช่"
จางเหรินยิ้มอย่างเบี้ยว "ตอนที่ข้าเข้าร่วมสาขา ประธานก็คือซุนเว่ยเช่นกัน แต่ในเวลานั้นทั่วทั้งสมาคมก็รวมตัวกัน ก็มีไม่เกินสองหรือสามคนที่อยู่ในขอบเขตการกลั่นชีพจร และในเวลานั้นในสาขาเราก็ไม่มีแม้สักคนเดียวท ทำให้ไม่เพียงแต่คนอื่นๆ ในสาขารวมทั้งตัวข้าเองก็มีความสงสัยเกี่ยวกับขอบเขตนี้”
เมื่อเฉินฟานได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่จางเหรินบอกเขาในตอนนั้น เขาบอกว่าว่ามีข่าวลือว่ามีนักรบที่สามารถฝึกฝนพลังปราณที่แท้จริงในร่างกายของพวกเขาได้
จากมุมมองนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเติบโตของสมาคมนักรบค่อนข้างเร็วอย่างมาก
หากให้เวลาเพียงพอ พวกเขาคงแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าสมาคมผู้อเวคใช่ไหม?
“เสี่ยวฟาน เจ้าบอกว่าตอนนี้มีนักรบขอบเขตหมิงจิน เห่ยจินและฮัวจินเพียงเจ็ดหรือแปดคนในสาขานี้ รวมทั้งเจ้าด้วยงั้นเหรอ?”
จางเหรินขมวดคิ้ว
“นั่นคือสิ่งที่ประธานสาขาพูด รวมเขาและหลินฮุ่ยและรวมทั้งข้าด้วย มีเพียงหกคนเท่านั้น”
เฉินฟานกล่าวขึ้น
"เฮ้อ..."
จางเหรินหายใจไม่ออก
“ข้าจำได้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่ข้าเข้าร่วมสมาคมนักรบ ตอนนั้นมีนักรบขอบเขตจินมากกว่า 30 คน”
“มากกว่า 30 คนเลยงั้นเหรอ?”
เฉินฟานตกใจมาก
“ใช่ ตอนนั้นข้ายังเป็นนักรบขอบเขตหมิงจินอยู่ และข้าก็อยู่อันดับล่างสุดในบรรดานักรบของเขตจินในสาขา ในเวลานั้นมีคนมากกว่าห้าคนที่เป็นนักรบฮัวจิน แม้แต่ตอนที่ข้าจะถูกล่าก็ตาม ที่ต่อมาจะถูกพ่อของเจ้าและคนอื่น ๆ รับมาอยู่ในหมู่บ้าน จำนวนนักรบขอบเขตจินในสมาคมยังคงมีมากกว่า 20 คน”
“โดนตามล่าเหรอ?”
เฉินฟานเกิดความคิดขึ้นมาว่า "ลุงจาง ท่านคงถูกคนจากหอการค้าหงชางตามล่าใช่ไหม?"
"..!"
จางเหรินอ้าปากกว้างและมองไปที่เฉินฟาน “จะ..เจ้ารู้ได้อย่างไร”...
…………..
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved