ตอนที่ 290

บทที่ 290: 300,000 ปีที่แล้ว การล่มสลายของสวรรค์

โจวจุนเทียน

ซุยเฮ็งตกตะลึงและประหลาดใจเล็กน้อย

เขารู้จักชายคนนี้

นี่คือผู้ขึ้นสวรรค์คนสุดท้ายก่อนการล่มสลายของสวรรค์ และยังเป็นปราชญ์ที่เดินทางออกมาจากดาวเต๋าโจวเมื่อนานมาแล้ว

บนดาวสมุทรทมิฬที่ขอบของระบบสุริยะ มันก็ยังมีตำหนักจุนเทียน

มันมีแผ่นจารึกอนุสรณ์ทั้งหมด 377 แผ่นที่เก็บไว้ในตำหนัก ชื่อภรรยาของที่รัก ของลูกสาว ของเพื่อนศิษย์ และคนอีกหลายคนถูกเขียนอยู่บนนั้น

นอกจากนี้ มันก็ยังมีแผ่นจารึกเปล่าที่ไม่มีชื่อ

มันเต็มไปด้วยความอ้างว้างและสิ้นหวัง

ซุยเฮ็งเดาว่าโศกนาฏกรรมบางอย่างน่าจะเกิดขึ้นกับโจวจุนเทียนเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับการทำลายสวรรค์

นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเกินไปหน่อยหรอ?

ตามบันทึกของบันทึกสมบัติราชันสุริยัน วิธีการฝึกตนที่มีแก่นแท้เซียนเป็นแกนกลางนั้นจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตที่หกได้เท่านั้น

ถ้าเขาต้องการที่จะพัฒนาต่อไป เขาก็จะต้องขึ้นไปสู่สวรรค์ราชันสุริยัน

ในกรณีนั้น แม้ว่าเขาจะขึ้นไปสู่สวรรค์ราชันสุริยัน แต่โจวจุนเทียนก็ควรจะอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตที่หกเท่านั้น และอย่างมากที่สุด เขาก็น่าจะไปถึงขอบเขตอาราธนา

แต่ขอบเขตเช่นนั้นจะทำให้เกิดการล่มสลายของสวรรค์ได้อย่างไร?

หรือเป็นไปได้ว่าก่อนที่เขาจะขึ้นไป เขาจะมีพละกำลังที่ทรงพลังมากอยู่แล้ว และได้ซ่อนมันไว้จากสวรรค์ราชันสุริยัน?

ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของซุยเฮ็งในขณะที่เขาคิดกับตัวเองว่า “ เป็นไปได้ ตำหนักจุนเทียนมีลักษณะพลังของขอบเขตรวมวิญญาณแฝงอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนขอบเขตที่หกจะสร้างมันขึ้นมาได้”

แม้ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในใจ แต่เขาก็ยังพูดอย่างใจเย็นว่า “ เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังหน่อย”

“ เรียนท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าไม่ได้รู้ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดมากนัก ข้าได้ยินเรื่องนี้มาจากผู้สร้างคนหนึ่ง” หมิงเจินรีบอธิบาย “ ทุกคนมีความลับมากเกี่ยวกับการล่มสลายของสวรรค์ มันแทบจะไม่มีคำอธิบายโดยละเอียดเลย”

“ ผู้สร้างนั้นกล่าวเพียงว่าโจวจุนเทียนเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ สัญญาณของการล่มสลายของสวรรค์นั้นเกิดขึ้นมาหลังจากที่เขาขึ้นไปที่นั่น”

“ นอกเหนือจากนั้น ผู้สร้างก็ไม่ได้พูดอะไรโดยละเอียด อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของสวรรค์นั้นก็เกี่ยวข้องกับโจวจุนเทียนอย่างแน่นอน มันไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด”

“ อืม!” ซุยเฮ็งพยักหน้าเบาๆ

จากคำพูดนี้ บทบาทของโจวจุนเทียนก็เป็นเหมือนฟิวส์ เขาได้จุดชนวนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดการล่มสลายของสวรรค์?

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาและไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป

“ สวรรค์ล่มสลายเมื่อกี่ปีที่แล้ว? มันมีบันทึกของสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นบ้างไหม?” ซุยเฮ็งยังคงถามต่อไป

“ เมื่อ 300,000 ปีที่แล้ว นี่มันก็นานมากแล้ว มันอาจจะมีบันทึกของสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่มันก็มีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถอ่านหนังสือระดับนี้ได้ ข้าไม่สามารถสัมผัสกับพวกมันได้” หมิงเจินส่ายหัวเบาๆ

300,000 ปี!

นี่เป็นตัวเลขที่มหาศาลมาก เป่ยฉิงซูและฮุ่ยฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึง มันเป็นเวลานานเพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะมีชีวิตอยู่ได้หลายทศวรรษ

แม้ว่าซุยเฮ็งจะเดามานานแล้วว่าการล่มสลายของสวรรค์นั้นน่าจะเกิดขึ้นเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อได้ยินตัวเลขนี้

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าเขาจะฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณและใช้ยาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถยืดอายุขัยทุกชนิดได้ แต่เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้สูงสุดแค่ 360,000 ปีเท่านั้น

300,000 ปีนั้นนานเกินไปจริงๆ

ในขณะเดียวกัน สิ่งนี้ก็ทำให้เขาเป็นกังวล เมื่อเวลาผ่านไป การสืบสวนบางอย่างก็เริ่มยากขึ้น

เขาสงสัยว่าเขาจะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการล่มสลายของสวรรค์ได้มากน้อยแค่ไหน

ซุยเฮ็งปรับอารมณ์เล็กน้อยและถามว่า “ พวกเจ้าเก็บมรดกทั้งหมดตั้งแต่ก่อนการล่มสลายของสวรรค์ไว้มากแค่ไหน?”

“ น้อยมาก ว่ากันว่านอกเหนือจากมรดกเคล็ดวิชาแล้ว มันก็มีตำราโบราณอีกเพียงสองถึงสามเล่มเท่านั้น” หมิงเจินกล่าวอย่างขมขื่น “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง แม้ว่าตอนนี้เราจะเรียกตัวเองว่าโลกเซียนราชันสุริยัน แต่จริงๆ แล้วเราก็เป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยที่ตกลงมาจากสวรรค์ราชันสุริยัน เราไม่ได้มีอะไรมากมายเลย”

“ ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อข้าไปที่อาณาจักรราชันสุริยัน เจ้าก็ช่วยข้านำหนังสือเหล่านั้นมาด้วยล่ะ” ซุยเฮ็งพยักหน้าและยิ้ม

“ ข้าเข้าใจแล้วท่านเซียนผู้สูงส่ง” หมิงเจินรีบพยักหน้า อารมณ์ของเขาซับซ้อน

เขามีความสุขที่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนั้น

มันไม่ถึงขนาดที่เขาจะตายหลังจากการสอบปากคำรอบนี้จบลง

สิ่งที่เขาเสียใจคือหนังสือโบราณเหล่านั้นเป็นความลับของสำนักของเขา

ถ้าเขาเอาพวกมันไปถวายซุยเฮ็ง แม้ว่าเขาจะไม่ถูกสังหารโดยเซียนผู้สูงส่งคนนี้ แต่เขาก็จะถูกเพื่อนศิษย์ของเขาเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน

เฮ้อ… เขาเป็นราชาปราชญ์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนับไม่ถ้วนและเป็นบุคคลสำคัญในอาณาจักรราชันสุริยัน กระนั้นแล้วเขากลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!

จากนั้นซุยเฮ็งก็ถามหมิงเจินเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาณาจักรราชันสุริยัน

ตัวอย่างเช่น วิธีการฝึกตน การกระจายกองกำลัง จำนวนยอดฝีมือและอื่นๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับวิธีการฝึกตนแบบปกติ พวกเขาไม่ได้พึ่งพาแก่นแท้เซียนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง

นี่คือวิธีการฝึกตนที่ขัดเกลาเมล็ดเต๋าไร้เทียมทาน ในท้ายที่สุด มันก็ใช้รูนเต๋าเป็นรากฐานและรวบรวมออร่าพิเศษเพื่อปรับแต่งกายาเต๋า

มันเป็นเรื่องปกติมากกว่าการใช้แก่นแท้เซียน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กายาเต๋าที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นก็จะคล้ายคลึงกับขอบเขตรวมวิญญาณมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม กายาเต๋าก็นี้ได้รับการปลูกฝังจากรูนเต๋าของพลังแห่งกฎอันเดียว ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงทรงพลังมากในด้านหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน มันก็อาจจะอ่อนแอมากในด้านอื่นๆ

จากมุมมองของผู้ฝึกตนเซียนอย่างซุยเฮ็ง กายาเต๋านี้เป็นเหมือนตัวอ่อนวิญญาณที่อ่อนแอ

แม้ว่าแก่นแท้ของทั้งสองจะคล้ายกันและขอบเขตของกายาเต๋าก็ควรจะเทียบเท่ากับขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้น แต่มันก็ยังมีความแตกต่างกันมากในแง่ของพลังที่แท้จริง

สิ่งสำคัญที่สุดคือกายาเต๋านี้ยังคงอยู่ที่ขอบเขตกายาเซียน มันไม่สามารถบรรลุขอบเขตวิญญาณเซียนที่แท้จริงได้ ซึ่งนั่นก็จะเท่ากับการเพิ่มโอกาสในการตายอย่างมาก

มันสามารถตีความได้คร่าวๆ ว่าเป็นตัวอ่อนวิญญาณเวอร์ชั่นที่อ่อนแอ?

เมื่อเขาถามคำถามนี้ ซุยเฮ็งก็เข้าใจสาระสำคัญและการใช้แก่นแท้เซียน

แก่นแท้เซียนที่โตเต็มที่นั้นบรรจุการฝึกตนของราชาปราชญ์และประทับเอาไว้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์มากมาย

ตราบใดที่ใครดึงรอยประทับข้างในออกมา เขาก็จะสามารถเปลี่ยนมันเป็นออร่าพิเศษที่จำเป็นในการฝึกฝนกายาเต๋าได้ จากนั้นใครๆ ก็จะสามารถแยกแยะพวกมันและแจกจ่ายออร่าพิเศษเหล่านี้ให้กับผู้ที่ต้องการฝึกฝนกายาเต๋าได้

นอกจากนี้ แก่นแท้เซียนก็ยังเป็นวัตถุดิบในการขัดเกลาที่ดีอีกด้วย มันสามารถใช้สร้างอาวุธในขอบเขตที่เจ็ดอันเป็นที่รักของเหล่าผู้สร้าง

ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ราชันสุริยันในอดีตหรืออาณาจักรราชันสุริยันในปัจจุบัน มันก็มีวิธีเดียวที่จะกลายเป็นผู้สร้าง

นั่นคือการกำจัดแก่นแท้เซียนในร่างกายของพวกเขา

เมื่อแก่นแท้เซียนถูกปลดออก พวกเขาก็จะตกลงมาจากจุดสูงสุดของขอบเขตที่หกและลงไปยังขอบเขตเซียนปฐพีซึ่งเป็นขอบเขตที่สอง และชีวิตทั้งหมดของพวกเขาก็จะลดลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งงงงวยยิ่งขึ้น

โจวจุนเทียนรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้อย่างไรในตอนนั้น และเขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เกิดการล่มสลายของสวรรค์ได้อย่างไร?

พูดตามเหตุและผลแล้ว เขาก็ไม่น่าจะมีความสามารถนี้ได้เลย

เขาอาจจะต้องรอจนกว่าเขาจะไปที่อาณาจักรราชันสุริยันจึงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้

ความแข็งแกร่งของสำนักของหมิงเจินนั้นมีจำกัด และความลับที่พวกเขารู้ก็อาจจะจำกัดมาก

มันมีดาวเคราะห์หลักสามดวงในอาณาจักรราชันสุริยัน: ดาวราชันสุริยัน ดาวไท่ชาง และดาวอำนาจศักดิ์สิทธิ์

ตามอาณาจักรราชันสุริยันแล้ว ดาวเคราะห์หลักทั้งสามนี้ก็เคยเป็นภูเขาเซียนที่มีชื่อเสียงในสวรรค์ราชันสุริยันมาก่อน หลังจากหลุดเข้าไปในมิติ พวกมันก็ได้กลายเป็นดวงดาว แต่พวกมันก็ยังมีแก่นแท้ที่สูงกว่าดวงดาวธรรมดามาก นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเรียกตัวเองว่าโลกเซียนราชันสุริยัน

ในหมู่พวกเขา ดาวราชันสุริยันนั้นก็แข็งแกร่งที่สุด มันมีเจ็ดสำนักเซียนและห้าผู้สร้าง

ถัดมาคือดาวไท่ชาง มันมีห้าสำนักเซียนและสองผู้สร้าง

ดาวที่อ่อนที่สุดคือดาวอำนาจศักดิ์สิทธิ์ มันมีสำนักเซียนเพียงแห่งเดียวและผู้สร้างเพียงหนึ่งคน อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างตัว

เหตุผลที่มีสำนักเซียนมากกว่าผู้สร้างก็เป็นเพราะชื่อของสำนักเซียนนั้นไม่เพียงจะแสดงถึงความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องของรากฐานอีกด้วย

สำนักที่เรียกตนว่าสำนักเซียนนั้นเป็นกองกำลังโบราณที่มีมาตั้งแต่ยุคสวรรค์ราชันสุริยันและครั้งหนึ่งก็เคยสร้างผู้สร้าง

แม้ว่าผู้สร้างของพวกเขาจะล่วงลับไปแล้ว แต่สำนักของเขาก็ยังคงมีซากเต๋าของผู้สร้างเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้เอง ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงอยู่เหนือกว่าสำนักที่ไม่มีผู้สร้างทั้งหมด

หมิงเจินมาจากศาลาชะตาภัยพิบัติดาราของดาวไท่ชาง มันเองก็เป็นสำนักเซียนเช่นกัน

ผู้สร้างที่เขาพบก่อนหน้านี้นั้นเป็นคนจากสำนักเซียนอื่นๆ ที่เขาเคยได้ไปมีโอกาสพูดคุยมา

“ มันไม่มีการดำรงอยู่ใดที่เหนือกว่าขอบเขตผู้สร้างในอาณาจักรราชันสุริยันแล้วหรอ?” ซุยเฮ็งถามด้วยความสงสัย

“ ไม่แล้ว” หมิงเจินส่ายหัวและพูดว่า “ ตำนานเล่าว่าในยุคของสวรรค์ราชันสุริยัน มันก็เคยมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตที่เจ็ด แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเลยตั้งแต่การล่มสลายของสวรรค์”

“ จุดสูงสุดของขอบเขตที่เจ็ด…” ซุยเฮ็งครุ่นคิด นี่เทียบเท่ากับขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางหรือเปล่า?

บู้มมมม!

ในขณะนี้ เสียงระเบิดก็ดังมาจากด้านนอก ราวกับว่าสายฟ้าหลายพันล้านลูกได้ระเบิดพร้อมกัน มันทำให้ผู้คนหูหนวก

จากเสียงของมัน มันก็ดังมาจากท้องฟ้าและค่อนข้างไกล เห็นได้ชัดว่าพลังของการระเบิดครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก

“ ฮุ่ยฉี, ฉิงซู ออกไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น” ซุยเฮ็งกล่าวกับคนสองคนที่อยู่ข้างๆ เขา

“ รับทราบ!” ทั้งสองพยักหน้าและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ หนึ่งคำถามสุดท้าย” ซุยเฮ็งยืนขึ้นและจ้องมองไปที่หมิงเจิน เขาถามว่า “ เมื่อพันปีที่แล้ว ทำไมเจ้าถึงเชิญเย่หานไปที่อาณาจักรราชันสุริยันและมอบตำราภัยพิบัติสวรรค์ให้กับเขา มันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขา?”

“ เขามีกายาสมบัติมหากาฬโรคและเข้ากันได้อย่างมากกับเคล็ดวิชาทั้งหมดทั้งภัยพิบัติและโรคภัยไข้เจ็บ ข้า.. ข้าต้องการจะใช้เขาเป็นร่างสำรองของข้า” หมิงเจินก้มหน้าลงและพูดว่า “ แต่ต่อมา เขาก็ปฏิเสธข้า ดังนั้นข้าจึงมีความคิดอื่น”

“ ตำราภัยพิบัติสวรรค์สามารถกระตุ้นคุณสมบัติของกายาสมบัติมหากาฬโรคได้ และหลังจากที่เขามาถึงขอบเขตหนึ่งแล้ว ข้าก็จะสามารถใช้เขาเพื่อเชื่อมต่อกับสวรรค์มหากาฬโรคได้ และข้าก็จะสามารถดูดซับปราณภัยพิบัติจำนวนมากและนำมาขัดเกลากายาเต๋าได้..”

“ สวรรค์มหากาฬโรค?” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วขึ้น

เขาเคยได้ยินชื่อที่คล้ายคลึงกันมาก่อน

มันคือ “คลังสมบัติเซียนมหากาฬโรค" ของตำหนักกาฬโรค

ด้วยเหตุนี้เองชื่อของสวรรค์มหากาฬโรคจึงทำให้เขาเชื่อมโยงอะไรบางอย่างขึ้นได้

ซุยเฮ็งถามด้วยเสียงต่ำ “ นี่คือหนึ่งในสวรรค์ใช่ไหม?”

หมิงเจินพยักหน้า...