บทที่ 189 เขาลากซากสัตว์อสูรระดับสูงมางั้นเหรอ?
เฉินฟานเข้าใจแล้ว
นักรบเหล่านั้นที่เข้าร่วมหอการค้าหงชางไม่ใช่คนโง่ ถึงว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้จากสมาคมนักรบและหันไปหาอ้อมกอดของหอการค้าหงชาง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาตัดสินใจเข้าร่วมสมาคมนักรบนี้แล้ว เขาจะไม่เสียใจเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดบางอย่างก็เข้ามาหาเขาอย่างแผ่วเบา
นั่นคือถ้าเขาสามารถเชี่ยวชาญวิธีการปรุงเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดได้ละ?
ในเวลานั้นเมื่อเขาสามารถปรุงเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดได้และนำไปใช้เองหรือขายเทคโนโลยีนี้ให้กับสมาคมนักรบ เขาก็ควรจะทำเงินได้มากมายใช่ไหม? แม้ว่าเขาสามารถใช้วิธีการแบ่งปันผลกำไร ตราบใดที่มีคนซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดในสมาคม เขาก็จะสามารถรับการแบ่งปันได้
“น้องเฉินฟาน เก็บยานี้ไว้ให้ดี”
หลินฮุ่ยวางเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดสองขวดกลับเข้าไปในมือของเฉินฟาน
ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาสมาคมจะไม่ได้รับสินค้าสำเร็จรูปมาวิเคราะห์อัตราของส่วนผสมต่างๆ แต่ตอนนี้พวกเขายังควบคุมความร้อนไม่ได้
เฉินฟานรับมันแล้วถามว่า "ผู้อาวุโสหลิน ถ้าต้องการซื้อเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดในตลาด มันราคาเท่าไหร่?"
“เม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงสุดมันค่อนข้างแพง อย่างน้อยก็หนึ่งแสนหยวน ซึ่งเป็นราคาเดียวกับเม็ดยาพลังปราณแท้ทั่วไปเลยทีเดียว” หลินฮุ่ยกล่าวอย่างไม่ลังเล
“หนึ่งแสน ราคาพอๆ กับเม็ดยาพลังปราณแท้งั้นหรือ?”
หัวใจของเฉินฟานเต้นผิดจังหวะ
ด้วยวิธีนี้ คะแนนศักยภาพที่ได้รับจากเม็ดยาพลังปราณแท้นั้นน่าจะใกล้เคียงกับเม็ดยาพลังปราณแท้ทั่วไปใช่ไหม
นี่ก็ไม่เลวเลย
เม็ดยาพลังปราณแท้สองขวดในมือของเขามีทั้งหมด 14 เม้ด ถ้าคำนวณตามราคาจะอยู่ที่ 1.4 ล้านใช่ไหม?
แล้วถ้านับรวมพวกเม็ดยาพลังงานเลือดระดับสูงจำนวนสิบขวดในอุปกรณ์มิติอีกล่ะ?
“ผู้อาวุโสหลิน คะแนนการบริจาคของข้ายังน้อยไป ข้าจะไปดินแดนรกร้างอีกครั้ง!”
“เจ้ายังอยากจะไปอีกงั้นหรือ?”
หลินฮุ่ยไม่คาดคิดว่าเฉินฟานจะไปอีก ดังนั้นเขาจึงมองไปที่เฉินฟานด้วยความงุนงง
"ทำไม ไม่ได้เหรอ?"
เฉินฟานมองดูเขาอย่างงุนงงเช่นกัน
ต้องรู้ว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงเช้าอยู่ แม้แต่หลังอาหารกลางวันแล้ว เขาก็ยังคงวางแผนที่จะล่าสัตว์อสูรต่อไป
สัตว์อสูรเหล่านี้ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
สัตว์อสูรระดับสูงมีค่ามากกว่าสองสามล้านหยวน แค่คิดถึงมันเขาก็มีความสุขมากแล้ว
"อะแฮ่ม"
หลินฮุ่ยไอสองครั้งแล้วพูดว่า "น้องเฉิน เจ้าเพิ่งล่าเสร็จ และข้าเกรงว่าเจ้าจะหมดพลังงานไปมาก ทำไมไม่พักผ่อนก่อนล่ะ"
“ไม่..ไม่ต้องห่วงหรอกผู้อาวุโสหลิน ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี”
หลังจากพูดแล้วเขาก็เปิดประตูและเดินออกไป
"..."
หลินฮุ่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินฟานกลับหายตัวไปแล้ว
“น้องเฉิน เจ้าช่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นจริงๆ”
สักพักเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ยังไงก็ตาม ข้าต้องรีบบอกประธานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา
ภายในไม่กี่วินาที การโทรก็เชื่อมต่อติด
“ตาเฒ่าหลิน มีอะไรผิดปกติหรือ?”
ในสำนักงาน ซุนเว่ยถามอย่างสบายๆ ขณะที่ดูเอกสารตรงหน้าโดยถือโทรศัพท์ไว้ระหว่างไหล่ของเขา
“ท่านประธาน มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ”
หลินฮุ่ยลดเสียงลงและพูดว่า "น้องเฉิน เพิ่งมาหาข้าเมื่อกี้"
"โอ้?"
ซุนเว่ยหยุดชั่วคราวและถามด้วยความสนใจ "มันเหมือนกับครั้งที่แล้วหรือเปล่าที่ล่าและเขาฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางหลายสิบตัว?"
"ไม่ใช่!"
หลินฮุ่ยรีบพูดว่า "นั่นเป็นครั้งแรกที่เขามาเมื่อเช้านี้ และนี้เป็นครั้งที่สองเมื่อครู่นี้ คราวนี้เขานำสัตว์อสูรมาเพียงตัวเดียวเท่านั้น"
“สัตว์อสูรเพียงตัวเดียว?”
ซุนเว่ยผงะไป
"ใช่ มันเป็นสัตว์อสูรระดับสูง หมีคลั่ง!"
หลินฮุ่ยพูดสองสามคำ
ด้วยเสียง "แครก"
โทรศัพท์มือถือของซุนเว่ยที่หนีบอยู่บนไหล่ของเขาก็ตกลงบนโต๊ะ
“ตาเฒ่าหลิน เจ้าล้อข้าเล่นหรือป่าว?”
เขาตอบสนองทันทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
เด็กคนนี้บอกว่าจะล่าสัตว์อสูรระดับกลางไม่ใช่เหรอ? เหตุใดเขาจึงนำสัตว์อสูรระดับสูงกลับมาละ?
อาจเป็นโชคร้ายที่ได้พบกับสัตว์อสูรระดับสูงระหว่างการล่าหรือป่าว?
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่มันก็น่าแปลกใจอย่างมากไม่ใช่เหรอ? เขาจำได้ว่ามีคนมารายงานเขาก่อนหน้านี้ว่าเฉินฟานได้จากไปเพียงลำพัง กล่าวคือเป็นไปได้มากที่เขาลงมืดด้วยตัวคนเดียว?
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรระดับสูงยังคงเป็นหมีที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นตัวเขาเองที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยซ็ำ
แต่เฉินฟานทำได้งั้นเหรอ?
“ประธาน ท่านคิดว่าข้าเป็นคนประเภทที่กล้าล่อเล่นกันท่านงั้นหรือ?”
หลินฮุ่ยพูดไม่ออก
“หมีที่น้องเฉินล่าและฆ่าอยู่ที่นี่แล้ว และมันถูกวางไว้ที่สนามหญ้า หากท่านไม่เชื่อ ก็มาดูตอนนี้เลย”
“โอเค รอก่อนข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ทันใดนั้น ซุนเว่ยก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา ด้วยสีหน้าคาดหวังพร้อมกับปนปะด้วยความวิตกกังวล
น้ำเสียงของหลินฮุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก และเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดเล่นๆได้ มีความเป็นไปได้มากว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องจริง
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของเฉินฟานก็ไม่ได้อ่อนแอ ใช่..แม้แต่ตัวเขาเองก็จะไม่สามารถน้าวธนู 10,000 ปอนด์เหมือนเฉินฟานได้
และแน่นอนว่าเฉินฟานมีความแข็งแกร่งในการฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงเพียงลำพัง
ใช่ แต่นี่ก็ยังคงน่าทึ่งอย่างมากไม่ใช่เหรอ?
เขาเพิ่งเข้าร่วมสมาคม วันรุ่งขึ้นเขาก็สามารถล่าสัตว์อสูรระดับสูงเพียงลำพังได้แล้วงั้นเหรอ?
ใช่แล้ว!
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และถามขณะที่เขาเดิน "เฉินฟานอยู่ที่ไหน เขาอยู่กับเจ้าหรือเปล่า?"
น้ำเสียงของหลินฮุ่ยแทบจะช่วยอะไรไม่ได้ “ท่านประธาน ในขณะที่ข้ากำลังจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉินฟานก็จากไปหลังจากส่งหมีตัวนี้มาให้ข้าแล้ว”
“ออกไปแล้ว ไปไหน?... เป็นไปได้ไหมว่า..”
“ประธาน ท่านเดาถูกแล้ว”
หลินฮุ่ยถอนหายใจ "เขาตั้งใจที่จะล่าสัตว์อสูรระดับสูงอีก ข้าพยายามชักจูงให้เขาหยุดพักก่อน แต่มันก็ไร้ประโยชน์"
“เด็กคนนี้หุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว”
ซุนเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“มันมีอะไรมากกว่านั้น…อนิจจาเรามาพูดถึงรายละเอียดเมื่อท่านมาถึงดีกว่า”
“โอเค ข้าจะไปที่นั่นทันที”
ซุนเว่ยวางสายโทรศัพท์ ลงลิฟต์มายังชั้นล่างแล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาอาคารหอการค้าหงชาง
ลู่หยางและพรรคพวกของเขาตกตะลึงเมื่อฟังรายงานของบุคคลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
“จะ..เจ้าหมายถึงอะไร..”
ลู่หยางพูดตะกุกตะกัก "ผู้ชายคนนั้นเพิ่งกลับมาและนำสัตว์อสูรระดับสูงกลับมาด้วยงั้นเหรอ?"
"ใช่แล้วขอรับ"
นักรบคนหนึ่งพูดอย่างสั่นเทา "เราเห็นด้วยตาของเราเองว่าเขาลากหมีคลั่งเข้ามาในลานสนามของสมาคมนักรบ"
“แค่เขาคนเดียวงั้นเหรอ?”
"ใช่ครับ มีเพียงเขาเท่านั้น"
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องโถงก็เงียบลง
หมีคลั่ง!
สัตว์อสูรตัวนี้ผิวหนาและหนังหนามาก มันสามารถเผชิญหน้ากับการกราดยิงด้วยปืนกลและวิ่งเข้ามาข้างหน้าผู้คน พร้อมกับตบคนให้เละเป็นเนื้อบดได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว แม้แต่รถหุ้มเกราะมันก็สามารถตบให้กระจายออกเป็นชิ้น ๆ ได้!
แม้ว่าพวกเขาจะออกไปล่าสัตว์อสูรระดับสูง แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่หมีตัวนี้อย่างแน่นอน เว้นแต่จะเข้าตาจนจริงๆ
แต่ชายสวมหน้ากากคนนั้นสามารถฆ่าหมีตัวนี่นเพียงลำพังได้งั้นเหรอ?
เขาไม่อยากเชื่อจริงๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว มันต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในที่เราไม่รู้อย่างแน่นอน” คนข้างๆเขาพูด
“ใช่แล้ว 80% เขาน่าจะเป็นแมวตาบอดจับหนูที่ตายแล้วได้ และเขาก็แค่โชคดี”
“ยังไงก็ตาม เจียงซ่งและคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าจับตาดูผู้ชายคนนี้อยู่ที่นอกเมืองงั้นเหรอ ทำไมเจียงซ่งและคนอื่น ๆ ถึงหายไปในขณะที่ชายคนนี้กลับมาล่ะ?”
“พวกเขาหายตัวไปงั้นเหรอ?” มีคนหัวเราะออกมา
ทุกคนอยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนและน่าสะพรึงกลัวของลู่หยาง พวกเขาก็กลั้นยิ้มเอาไว้อย่างชาญฉลาด
ชายคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งก็ทำให้พวกเขาวุ่นวายครั้งใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นการตบหน้าลู่หยางอย่างมาก
“พี่ลู่ ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่เจียงซ่งเท่านั้น แต่หวงฮั่นฉวนและคนอื่นๆก็โง่เช่นกัน” ชายชราที่ดูเหมือนอายุห้าสิบหรือหกสิบปีลูบเคราบนคางแล้วพูดว่า
“เนื่องจากพวกเขาจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าคิดว่าฝากเรื่องนี้ไว้ที่พวกข้าสองคนดีกว่าไหม?”
“ใช่ พวกคนหนุ่มไร้ประสบการณ์ ไว้ใจไม่ค่อยได้” ชายชราที่มีใบหน้าเคร่งครัดอยู่ข้างๆ เขาพูดอะไรบางอย่างออกมา
คำพูดเหล่านี้ทำให้นักรบหลายคนรอบๆ ดูโกรธเคืองขึ้นมาทันที
พวกเขารู้สึกโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เนื่องจากผู้เฒ่าสองคนนี้ได้เข้าสู่ขอบเขตฮัวจินเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ว่ากันว่าพวกเขาเหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่จะบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตการกลั่นชีพจร
และสองคนนี้มีความพิเศษนิดหน่อย พวกเขาไม่ใช้อาวุธร้อนแรงเหมือนคนอื่นๆ พวกเขาใช้อาวุธเย็น
ผู้เฒ่าเฟิงใช้กระบี่ ผู้เฒ่ากัวใช้ดาบ เมื่อทั้งสองร่วมมือกันจะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นทวีคูณขึ้นอย่างไม่อาจหยั่งรู้ได้
ทันใดนั้นใบหน้าของลู่หยางก็อ่อนลงอย่างมากและพูดว่า "มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าจะปล่อยให้ท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่านลงมือเองได้อย่างไร แค่รอก่อน บางทีเจียงซ่งและคนอื่นๆจะกลับมาเร็วๆนี้"
ชายชราสองคนมองหน้ากันและส่ายหัว
พูดตามตรง มันเป็นแค่การจัดการกับผู้ชายจากสมาคมนักรบแค่คนเดียว แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นนักรบฮัวจินแล้วไงล่ะ? จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เหรอ?
เจียงซ่งและหวงฮันฉวนทั้งสองกลุ่มนี้ พวกเขาเป็นพวกเสือกระดาษหรือไงกัน? มีตั้งมากมายแต่พวกเขากลับไม่สามารถจัดการแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้!
"ตุบ ตุบ ตุบ"
มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังใกล้เข้ามา
นักรบอีกคนเข้ามาและพูดว่า "พี่ใหญ่ลู่ ผู้ชายคนนั้นจากไปอีกแล้ว และเขาก็ออกไปคนเดียวเหมือนเดิม"
ทุกคนในห้องตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ลู่หยาง
“พี่ลู่” เสียงของชายชราดังขึ้น “โอกาสนี้จะพลาดไม่ได้แล้ว และถ้าพลาดแล้วมันจะไม่วนกลับมาอีกครั้ง”
ลู่หยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า "ช่างมันเถอะ ในเมื่อผู้อาวุโสเฟิงพูดอย่างนี้แล้ว ดังนั้นกรุณาจัดการเรื่องนี้ให้ข้าหน่อยเถอะ ผู้ชายคนนั้นข้าอยากเห็นหัวของเขาในวันนี้ และเมื่อพวกเจียงซ่งกลับมาที่นี่ข้าก็อยากได้ยินว่าพวกเขาจะอธิบายว่าอย่างไร?”
"ได้"
ผู้เฒ่าเฟิงพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราสองคนเอง”...
……………….
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved