ตอนที่ 142 : แผนการโจมตีของโจวโจว! โจมตีเนินทรายขวากหนาม!

กองทัพที่นำมาโดยโจวโจวกำลังเดินทัพผ่านหนึ่งในแปดเส้นทางการค้าที่เจิ้งหยวนฉีพูดถึง

โจวโจวนั่งอยู่ในรถม้ากับเฉียนเจียงเซิงและมองไปที่สถานการณ์ภายนอก

เขาตระหนักได้ว่าภูมิประเทศทางนี้นั้นราบเรียบมากจริงๆ เมื่อเทียบกับที่อื่น ดังที่ผู้อาวุโสเจิ้งกล่าวไว้

มันไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมเพื่อให้คนเดินเท้าและรถม้าสามารถสัญจรไปมาได้เลย

เขาถอนสายตากลับมาและโบกมือ กล่องหนักๆ กล่องหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเฉียนเจียงเซิง

“ผู้อาวุโสเฉียน ในนี้มีแกนหมอกระดับทองคำเหลือง 1,000 ชิ้นอยู่ภายใน ท่านสามารถใช้มันเป็นเงินทุนในการดำเนินงานได้หลังจากที่ท่านปกครองเมืองทรายทองคำ นอกจากนี้บางส่วนท่านก็สามารถใช้มันได้อย่างอิสระเลย ถ้ามันไม่พอ ท่านก็สามารถเบิกจากเมืองตะวันสาดแสงได้ทุกเมื่อ”

โจวโจวกล่าว

เมืองทรายทองคำยังไม่ได้กลายเป็นเมืองการค้าจริงๆ

เขาต้องทุ่มเงินออกไปในช่วงแรกถ้าเขาต้องการทำมันให้สำเร็จ

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเอาแกนหมอกระดับทองคำเหลืองออกมามากมายขนาดนี้

พูดตามตรง แกนหมอกระดับทองคำเหลืองจำนวนมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยแม้ว่าจะเป็นเขา

“ไม่ต้องห่วงท่านลอร์ด แกนหมอกมากมายขนาดนี้ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว ถ้าข้าต้องการแกนหมอกอีก ข้าก็แค่ต้องเก็บภาษีในเมืองทรายทองคำเพื่อพัฒนาเมืองเมื่อถึงเวลา สำหรับรายรับและรายจ่ายต่างๆ ข้าจะส่งให้ท่านลอร์ดทุกเดือน”

เฉียนเจียงเซิงพูดอย่างมั่นใจ

ในฐานะอดีตมหาเสนาบดีการคลังระดับอาณาจักร เขาย่อมเคยทำสิ่งที่คล้ายกันนี้มาก่อนเมื่อเขาไต่เต้า เขากระทั่งเคยประสบกับสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากกว่านี้และจัดการกับมันได้ดีมากด้วย

ดังนั้นเขาจึงยังมั่นใจอยู่

“ไม่ต้องกังวลไปนะผู้อาวุโสเฉียน”

โจวโจวพยักหน้ารับ

จากนั้นเขาก็มองไปยังทิศทางของเมืองทรายทองคำและคิดเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของมัน

ในแผนของเขา เมืองทรายทองคำจะเป็นภาพลักษณ์แรกที่เมืองตะวันสาดแสงได้เปิดตัวสู่ทวีปจื้อเกา

ส่วนเมืองตะวันสาดแสงจะคงอยู่ในสถานะปิด ซึ่งมีแค่ชาวเมืองเท่านั้นที่สามารถเข้าและออกได้ โดยจะมีคนนอกจำนวนไม่มากที่สามารถเข้ามาได้!

ยกตัวอย่างเช่น องค์หญิงจากอาณาจักรออโรร่าที่จะมาถึงในอนาคต เมืองตะวันสาดแสงย่อมยินดีต้อนรับเธอ

เพราะเมืองตะวันสาดแสงคือฐานทัพหลังของเขา ในอนาคตจะมีความลับมากมายของเขาอยู่ที่นี่ด้วยพรสวรรค์ระดับเทวะ ราชาแห่งการดรอปของเขา

ชาวเมืองย่อมจงรักภักดีต่อเขา

เขาสามารถปล่อยให้พวกเขาสัมผัสกับความลับบางอย่างได้อย่างไร้กังวล

แต่คนภายนอกล่ะ?

เขาย่อมไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้สัมผัสกับความลับใดๆ!

การทำแบบนี้อาจดึงดูดความสนใจจากภายนอกได้ แต่ในสถานที่ที่อันตรายอย่างทวีปจื้อเกา โจวโจวก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติที่จะลึกลับแบบนี้

หนึ่งชั่วโมงต่อมา โจวโจวและคนอื่นๆ ก็มาถึงเมืองทรายทองคำล่วงหน้ากว่าครึ่งชั่วโมงด้วยความได้เปรียบของเส้นทางการค้า

ณ เมืองทรายทองคำ ในลานของลอร์ด

“คาราวะท่านลอร์ด!”

จางไคชานและน้องชายของเขากล่าวแสดงความเคารพ

โจวโจวพยักหน้า หลังจากพูดกันไม่กี่คำ เขาก็แนะนำเฉียนเจียงเซิงให้พวกเขารู้จัก

“นี่คือเฉียนเจียงเซิง หรือผู้อาวุโสเฉียน ท่านคืออดีมหาเสนาบดีการคลังของอาณาจักรออโรร่า ท่านจะมาดูแลเมืองทรายทองคำ พวกเจ้าทั้งสองก็เชื่อฟังท่านและคอยพัฒนาเมืองทรายทองคำให้ดีก็แล้วกัน เข้าใจไหม?”

เขากล่าว

“ขอรับท่านลอร์ด!”

ทั้งสองกล่าวออกมาด้วยความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็อดมองเฉียนเจียงเซิงไม่ได้

พวกเขาต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นี้มาก่อนเมื่อครั้งยังเด็ก

ถ้าพวกเขาต้องจัดอันดับคนที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอาณาจักรออโรร่าใน 50 ปีที่ผ่านมา คนผู้นี้ก็จะต้องติดหนึ่งในห้าเป็นแน่!

พวกเขาย่อมไม่คิดเลยว่าลอร์ดของตนจะสามารถเชิญคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาได้

จางไคชานและน้องชายของเขาเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจ

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าสีหน้าของพวกเขาก็แปลกไป

พวกเขานึกขึ้นมาได้ว่าอดีตแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรออโรร่าอย่างอู๋ซิน และหนึ่งในสามอัครเสนาบดีอย่างเจิ้งหยวนฉีก็อยู่ในเมืองตะวันสาดแสงด้วยและมีตำแหน่งที่สำคัญมาก

หรือว่าท่านลอร์ดของพวกเขาจะเก่งกาจในการแย่งชิงผู้มีพรสวรรค์?

ทั้งสองพึมพำอยู่ในใจ

โจวโจวย่อมไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากพูดคุยกับทั้งสามคนเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองทรายทองคำและเส้นทางการค้าแล้ว เขาก็ออกไปหาไป่อี้และอู๋ซิน

ภายในเต็นท์ของค่ายทหาร หลังจากโจวโจวเจอไป่อี้และอู๋ซินแล้ว เขาก็บอกทั้งสองถึงแผนการจัดการกับเนินทรายขวากหนามในวันนี้และยื่นแผนที่ภูมิภาคให้กับพวกเขา

หลังจากที่พวกเขาดูอยู่สักพัก ทั้งสองก็บอกโจวโจวว่าพวกเขาสามารถลงมือได้เลย

โจวโจวไม่ได้ประหลาดใจอะไร

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นภูมิภาคระดับบรอนซ์เขียว เขาก็ยังมีโอกาสชนะสูง นับประสาอะไรกับแค่ภูมิภาคระดับเหล็กดำ

“ข้ามีเรื่องรายงานท่านลอร์ด”

ในขณะที่โจวโจวและอู๋ซินกำลังจะไปดำเนินการต่อ ไป่อี้ก็กัดฟันของเธอและพูดออกมาในทันใด

“ว่ามา?”

โจวโจวอึ้ง

อู๋ซินก็หยุดชะงักไปด้วย

“ข้าอยากมอบตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพตะวันสาดแสงให้กับผู้อาวุโสอู๋! ท่านลอร์ดโปรดอนุมัติด้วยเจ้าค่ะ!” ไป่อี้ก้มหัวลงและพูดออกมา

ทั้งสองคนอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน

“ทำไมเจ้าถึงต้องการแบบนี้?”

โจวโจวขมวดคิ้ว

“ท่านลอร์ด ผู้อาวุโสอู๋เหนือกว่าข้าทั้งในแง่ของความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ ความเจนศึก! ข้ารู้สึกว่าข้าด้อยกว่าผู้อาวุโสอู๋มากในแง่ของการนำทัพ การเป็นแม่ทัพต่อไปก็รังแต่จะทำให้ข้ารู้สึกด้อยลงไปเท่านั้น นอกจากนี้นี่ยังเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อพี่น้องในกองทัพด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงร้องขอท่านลอร์ดเช่นนี้”

ไป่อี้พูดอย่างตรงไปตรงมา

“ผู้อาวุโสอู๋ ท่านคิดเห็นยังไง?”

โจวโจวเข้าใจความคิดของเธอได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป และเลือกที่จะมองไปยังอู๋ซินแทน

“ข้าคิดว่าแม่ทัพไป่ควรทำหน้าที่ต่อไป ส่วนข้าก็เป็นแค่รองแม่ทัพเหมือนเดิม”

อู๋ซินหัวเราะ

“ทำไมกัน? ด้วยความสามารถของท่าน ท่านย่อมมีตำแหน่งที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และนำกองทัพตะวันสาดแสงยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกในอนาคต”

ไป่อี้อดถามออกมาไม่ได้

“ข้าแค่เคยนำทัพมาก่อนเจ้า 50 ปีเท่านั้น เมื่อข้ายังอายุเท่าเจ้า ข้ายังไม่เคยได้เห็นผู้กล้าด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับได้เป็นผู้กล้าตั้งแต่ก่อนอายุได้ 20 ปีแล้ว เจ้าไม่คิดว่าเจ้าดีพอแล้วเหรอ? ถ้าเจ้ายังไม่โดดเด่นอีก แล้วคนอื่นจะคิดยังไง? นอกจากนี้ข้าก็แก่ชราแล้ว ความสำเร็จในอนาคตของข้าย่อมถูกจำกัดไว้ ส่วนเจ้ายังเด็กอยู่และเจ้าก็ได้กลายเป็นผู้กล้าตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เจ้าย่อมจะได้กลายเป็นคนที่นำกองทัพตะวันสาดแสงขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในฐานะแม่ทัพ! ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพยังจะช่วยฝึกฝนเจ้าและทำให้เจ้าเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ข้าไม่อยากจะไปแย่งความรุ่งโรจน์ของเจ้าหรอกนะ”

อู๋ซินพูดอย่างจริงจัง

ไป่อี้พูดไม่ออก

ช่างเป็นนักพูดที่ทรงพลังจริงๆ

โจวโจวที่เอนเอียงไปแล้วก็อดคิดออกมาไม่ได้

“สำหรับความสามารถที่เจ้ายังไม่รู้ ข้าก็สอนให้ได้ถ้าเจ้าต้องการ” อู๋ซินยิ้มให้ไป่อี้

ไป่อี้ไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ

“ทำไมเจ้าไม่เรียกเขาว่าเป็นอาจารย์ล่ะ?”

โจวโจวย้ำ

หลังจากนั้นไป่อี้จึงตอบสนองและก้มหัวแสดงความเคารพต่ออู๋ซินทันที

เมื่ออู๋ซินเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจมากในทันที

ข้าเป็นผู้กล้าแล้ว และข้าก็มีลูกศิษย์ที่เป็นผู้กล้าที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ!

ความสำเร็จเช่นนี้ย่อมไม่เป็นสองรองใครในประวัติศาสตร์ผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงไหม?

เขาย่อมไปโม้เรื่องนี้ให้ตาเฒ่าเจิ้งฟังได้เมื่อเขากลับไป

ตาเฒ่าคนนี้มักจะโอ้อวดว่าเขามีลูกศิษย์กี่คนและแต่ละคนโดดเด่นแค่ไหน

ในตอนนี้ ศิษย์คนนี้ของเขาก็เทียบได้กับศิษย์ของอีกฝ่ายนับร้อยคนแล้ว!

ไม่!

อย่างน้อยก็พันคนเลย!

มาดูกันว่าตาเฒ่าเจิ้งจะปฏิเสธได้ยังไง?

อู๋ซินคิดถึงวิธีอวดกับเจิ้งหยวนฉีไปแล้ว

“ผู้อาวุโสอู๋ หมอหลวงประจำอาณาจักรออโรร่าที่มาเข้าร่วมกับเมืองตะวันสาดแสงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้ไหม?”

โจวโจวถามออกไปหลังจากนึกถึงรายละเอียดของอีกฝ่ายขึ้นมาได้

เขาส่ายหัว

“ข้าเป็นสหายเก่ากับตาเฒ่าไป่ แต่เขาก็สามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บของข้าและทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นได้เท่านั้นเมื่ออาการบาดเจ็บกำเริบ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษา อาการบาดเจ็บของข้าสามารถรักษาได้ด้วยหมอระดับตำนานหรือผู้กล้าทางด้านการแพทย์เท่านั้น”

อู๋ซินกล่าว

“แล้วท่านไปได้อาการบาดเจ็บเหล่านี้มาจากไหน?”

โจวโจวอดถามออกมาไม่ได้

“มันมาจากผู้กล้าสีชาดจากอาณาจักรทาฮัน” อู๋ซินกล่าว

โจวโจวหยุดซักไซ้ต่อ

15 นาทีต่อมา ทหาร 10,000 คนก็มารวมตัวกันที่ทางเข้าของเมืองทรายทองคำ

“ท่านลอร์ดจะต้องชนะศึกในวันนี้แน่ๆ!”

จางไคชานตะโกนจากกำแพงเมือง

ทหารคนอื่นๆ ที่ประจำการอยู่ในเมืองทรายทองคำก็ส่งเสียงเชียร์ด้วย

โจวโจวยิ้ม จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปพร้อมกับเหล่าทหาร

ในเวลาเดียวกัน ณ เนินทรายขวากหนาม

ดินแดนของลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เจ้าขวากหนาม

เจ้าขวากหนามจางยู่เต๋อกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง ดูการสนทนาในกลุ่มสนทนาของสมาคมทลายตะวัน

เขาจะเขียนข้อความบางอย่างเพื่อกระตุ้นให้ลอร์ดคนอื่นๆ ในสมาคมทลายตะวันมารวมตัวกันเพื่อกำจัดเจ้าตะวันสาดแสงเป็นครั้งคราว

สำหรับความคิดเห็นเหล่านี้… เมื่อลอร์ดคนอื่นๆ ในสมาคมทลายตะวันได้เห็น พวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นหรือปลอบเขาแทน

[เจ้าขวากหนาม ไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ก็เป็นกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์แล้ว ทำไมเจ้าตะวันสาดแสงจะต้องออกมาหาศัตรูเพื่อทำให้กองกำลังของเขาอ่อนแอลงด้วย?]

[ใช่แล้ว สหายจางไม่ต้องเป็นกังวลไป นายปลอดภัยมาก]

[นายกลัวอะไร? เมื่อสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์เริ่มขึ้น พวกเราจะไปช่วยนายกำจัดเจ้าตะวันสาดแสงแน่ๆ]

หลังจากได้อ่านมัน จางยู่เต๋อก็ปิดแชทกลุ่มลงไปในทันทีด้วยความโมโห

“พูดหมาๆ! พวกนายไม่ได้อยู่ใกล้กันดินแดนของเจ้าตะวันสาดแสงที่สุดหนิ! เราตกลงที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อฉันก่อตั้งสมาคมทลายตะวันขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่มีใครเต็มใจช่วยฉันหลังจากที่รู้ว่าฉันอยู่ใกล้กับดินแดนของเจ้าตะวันสาดแสงที่สุด!

จางยู่เต๋อเปิดแชทกลุ่มขึ้นมาอีกครั้งและอยากจะออก

อย่างไรก็ตาม เขาก็มองไปยังตัวเลือกออกจากแชทกลุ่มอยู่สักพักและลังเลอยู่นาน ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กดมัน

หลังจากนั้นเขาก็ปิดแชทกลุ่มลงไปและถอนหายใจยาวๆ ออกมา

“ฉันหวังว่าเจ้าตะวันสาดแสงจะไม่มาบุกจริงๆ”

3 ชั่วโมงต่อมา

“รายงานท่านลอร์ด มันมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอยู่ด้านนอก พวกมันล้อมเมืองขวากหนามไว้แล้ว! พวกมันมีจำนวนประมาณ 10,000 คน ส่วนผู้นำก็อ้างว่าเขาคือเจ้าตะวันสาดแสง ท่านลอร์ด พวกเราจะเอายังไงกันดี?”

หน่วยสอดแนมคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานจางยู่เต๋อที่กำลังงีบหลับบนเก้าอี้เอนหลังและพูดด้วยความตื่นตระหนก

จางยู่เต๋อที่กำลังหลับอยู่ลุกขึ้นมาในทันทีที่เขาได้ยินเช่นนี้ เขาเบิกตากว้างและมองไปยังลูกน้องตรงหน้า

“อะไรนะ!?”