กองทัพที่นำมาโดยโจวโจวกำลังเดินทัพผ่านหนึ่งในแปดเส้นทางการค้าที่เจิ้งหยวนฉีพูดถึง
โจวโจวนั่งอยู่ในรถม้ากับเฉียนเจียงเซิงและมองไปที่สถานการณ์ภายนอก
เขาตระหนักได้ว่าภูมิประเทศทางนี้นั้นราบเรียบมากจริงๆ เมื่อเทียบกับที่อื่น ดังที่ผู้อาวุโสเจิ้งกล่าวไว้
มันไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมเพื่อให้คนเดินเท้าและรถม้าสามารถสัญจรไปมาได้เลย
เขาถอนสายตากลับมาและโบกมือ กล่องหนักๆ กล่องหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเฉียนเจียงเซิง
“ผู้อาวุโสเฉียน ในนี้มีแกนหมอกระดับทองคำเหลือง 1,000 ชิ้นอยู่ภายใน ท่านสามารถใช้มันเป็นเงินทุนในการดำเนินงานได้หลังจากที่ท่านปกครองเมืองทรายทองคำ นอกจากนี้บางส่วนท่านก็สามารถใช้มันได้อย่างอิสระเลย ถ้ามันไม่พอ ท่านก็สามารถเบิกจากเมืองตะวันสาดแสงได้ทุกเมื่อ”
โจวโจวกล่าว
เมืองทรายทองคำยังไม่ได้กลายเป็นเมืองการค้าจริงๆ
เขาต้องทุ่มเงินออกไปในช่วงแรกถ้าเขาต้องการทำมันให้สำเร็จ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเอาแกนหมอกระดับทองคำเหลืองออกมามากมายขนาดนี้
พูดตามตรง แกนหมอกระดับทองคำเหลืองจำนวนมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยแม้ว่าจะเป็นเขา
“ไม่ต้องห่วงท่านลอร์ด แกนหมอกมากมายขนาดนี้ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว ถ้าข้าต้องการแกนหมอกอีก ข้าก็แค่ต้องเก็บภาษีในเมืองทรายทองคำเพื่อพัฒนาเมืองเมื่อถึงเวลา สำหรับรายรับและรายจ่ายต่างๆ ข้าจะส่งให้ท่านลอร์ดทุกเดือน”
เฉียนเจียงเซิงพูดอย่างมั่นใจ
ในฐานะอดีตมหาเสนาบดีการคลังระดับอาณาจักร เขาย่อมเคยทำสิ่งที่คล้ายกันนี้มาก่อนเมื่อเขาไต่เต้า เขากระทั่งเคยประสบกับสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากกว่านี้และจัดการกับมันได้ดีมากด้วย
ดังนั้นเขาจึงยังมั่นใจอยู่
“ไม่ต้องกังวลไปนะผู้อาวุโสเฉียน”
โจวโจวพยักหน้ารับ
จากนั้นเขาก็มองไปยังทิศทางของเมืองทรายทองคำและคิดเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของมัน
ในแผนของเขา เมืองทรายทองคำจะเป็นภาพลักษณ์แรกที่เมืองตะวันสาดแสงได้เปิดตัวสู่ทวีปจื้อเกา
ส่วนเมืองตะวันสาดแสงจะคงอยู่ในสถานะปิด ซึ่งมีแค่ชาวเมืองเท่านั้นที่สามารถเข้าและออกได้ โดยจะมีคนนอกจำนวนไม่มากที่สามารถเข้ามาได้!
ยกตัวอย่างเช่น องค์หญิงจากอาณาจักรออโรร่าที่จะมาถึงในอนาคต เมืองตะวันสาดแสงย่อมยินดีต้อนรับเธอ
เพราะเมืองตะวันสาดแสงคือฐานทัพหลังของเขา ในอนาคตจะมีความลับมากมายของเขาอยู่ที่นี่ด้วยพรสวรรค์ระดับเทวะ ราชาแห่งการดรอปของเขา
ชาวเมืองย่อมจงรักภักดีต่อเขา
เขาสามารถปล่อยให้พวกเขาสัมผัสกับความลับบางอย่างได้อย่างไร้กังวล
แต่คนภายนอกล่ะ?
เขาย่อมไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้สัมผัสกับความลับใดๆ!
การทำแบบนี้อาจดึงดูดความสนใจจากภายนอกได้ แต่ในสถานที่ที่อันตรายอย่างทวีปจื้อเกา โจวโจวก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติที่จะลึกลับแบบนี้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา โจวโจวและคนอื่นๆ ก็มาถึงเมืองทรายทองคำล่วงหน้ากว่าครึ่งชั่วโมงด้วยความได้เปรียบของเส้นทางการค้า
…
ณ เมืองทรายทองคำ ในลานของลอร์ด
“คาราวะท่านลอร์ด!”
จางไคชานและน้องชายของเขากล่าวแสดงความเคารพ
โจวโจวพยักหน้า หลังจากพูดกันไม่กี่คำ เขาก็แนะนำเฉียนเจียงเซิงให้พวกเขารู้จัก
“นี่คือเฉียนเจียงเซิง หรือผู้อาวุโสเฉียน ท่านคืออดีมหาเสนาบดีการคลังของอาณาจักรออโรร่า ท่านจะมาดูแลเมืองทรายทองคำ พวกเจ้าทั้งสองก็เชื่อฟังท่านและคอยพัฒนาเมืองทรายทองคำให้ดีก็แล้วกัน เข้าใจไหม?”
เขากล่าว
“ขอรับท่านลอร์ด!”
ทั้งสองกล่าวออกมาด้วยความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็อดมองเฉียนเจียงเซิงไม่ได้
พวกเขาต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นี้มาก่อนเมื่อครั้งยังเด็ก
ถ้าพวกเขาต้องจัดอันดับคนที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาอาณาจักรออโรร่าใน 50 ปีที่ผ่านมา คนผู้นี้ก็จะต้องติดหนึ่งในห้าเป็นแน่!
พวกเขาย่อมไม่คิดเลยว่าลอร์ดของตนจะสามารถเชิญคนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาได้
จางไคชานและน้องชายของเขาเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าสีหน้าของพวกเขาก็แปลกไป
พวกเขานึกขึ้นมาได้ว่าอดีตแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรออโรร่าอย่างอู๋ซิน และหนึ่งในสามอัครเสนาบดีอย่างเจิ้งหยวนฉีก็อยู่ในเมืองตะวันสาดแสงด้วยและมีตำแหน่งที่สำคัญมาก
หรือว่าท่านลอร์ดของพวกเขาจะเก่งกาจในการแย่งชิงผู้มีพรสวรรค์?
ทั้งสองพึมพำอยู่ในใจ
โจวโจวย่อมไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากพูดคุยกับทั้งสามคนเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองทรายทองคำและเส้นทางการค้าแล้ว เขาก็ออกไปหาไป่อี้และอู๋ซิน
…
ภายในเต็นท์ของค่ายทหาร หลังจากโจวโจวเจอไป่อี้และอู๋ซินแล้ว เขาก็บอกทั้งสองถึงแผนการจัดการกับเนินทรายขวากหนามในวันนี้และยื่นแผนที่ภูมิภาคให้กับพวกเขา
หลังจากที่พวกเขาดูอยู่สักพัก ทั้งสองก็บอกโจวโจวว่าพวกเขาสามารถลงมือได้เลย
โจวโจวไม่ได้ประหลาดใจอะไร
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นภูมิภาคระดับบรอนซ์เขียว เขาก็ยังมีโอกาสชนะสูง นับประสาอะไรกับแค่ภูมิภาคระดับเหล็กดำ
“ข้ามีเรื่องรายงานท่านลอร์ด”
ในขณะที่โจวโจวและอู๋ซินกำลังจะไปดำเนินการต่อ ไป่อี้ก็กัดฟันของเธอและพูดออกมาในทันใด
“ว่ามา?”
โจวโจวอึ้ง
อู๋ซินก็หยุดชะงักไปด้วย
“ข้าอยากมอบตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพตะวันสาดแสงให้กับผู้อาวุโสอู๋! ท่านลอร์ดโปรดอนุมัติด้วยเจ้าค่ะ!” ไป่อี้ก้มหัวลงและพูดออกมา
ทั้งสองคนอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน
“ทำไมเจ้าถึงต้องการแบบนี้?”
โจวโจวขมวดคิ้ว
“ท่านลอร์ด ผู้อาวุโสอู๋เหนือกว่าข้าทั้งในแง่ของความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ ความเจนศึก! ข้ารู้สึกว่าข้าด้อยกว่าผู้อาวุโสอู๋มากในแง่ของการนำทัพ การเป็นแม่ทัพต่อไปก็รังแต่จะทำให้ข้ารู้สึกด้อยลงไปเท่านั้น นอกจากนี้นี่ยังเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อพี่น้องในกองทัพด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงร้องขอท่านลอร์ดเช่นนี้”
ไป่อี้พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ผู้อาวุโสอู๋ ท่านคิดเห็นยังไง?”
โจวโจวเข้าใจความคิดของเธอได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป และเลือกที่จะมองไปยังอู๋ซินแทน
“ข้าคิดว่าแม่ทัพไป่ควรทำหน้าที่ต่อไป ส่วนข้าก็เป็นแค่รองแม่ทัพเหมือนเดิม”
อู๋ซินหัวเราะ
“ทำไมกัน? ด้วยความสามารถของท่าน ท่านย่อมมีตำแหน่งที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน และนำกองทัพตะวันสาดแสงยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกในอนาคต”
ไป่อี้อดถามออกมาไม่ได้
“ข้าแค่เคยนำทัพมาก่อนเจ้า 50 ปีเท่านั้น เมื่อข้ายังอายุเท่าเจ้า ข้ายังไม่เคยได้เห็นผู้กล้าด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับได้เป็นผู้กล้าตั้งแต่ก่อนอายุได้ 20 ปีแล้ว เจ้าไม่คิดว่าเจ้าดีพอแล้วเหรอ? ถ้าเจ้ายังไม่โดดเด่นอีก แล้วคนอื่นจะคิดยังไง? นอกจากนี้ข้าก็แก่ชราแล้ว ความสำเร็จในอนาคตของข้าย่อมถูกจำกัดไว้ ส่วนเจ้ายังเด็กอยู่และเจ้าก็ได้กลายเป็นผู้กล้าตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เจ้าย่อมจะได้กลายเป็นคนที่นำกองทัพตะวันสาดแสงขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในฐานะแม่ทัพ! ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพยังจะช่วยฝึกฝนเจ้าและทำให้เจ้าเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ข้าไม่อยากจะไปแย่งความรุ่งโรจน์ของเจ้าหรอกนะ”
อู๋ซินพูดอย่างจริงจัง
ไป่อี้พูดไม่ออก
ช่างเป็นนักพูดที่ทรงพลังจริงๆ
โจวโจวที่เอนเอียงไปแล้วก็อดคิดออกมาไม่ได้
“สำหรับความสามารถที่เจ้ายังไม่รู้ ข้าก็สอนให้ได้ถ้าเจ้าต้องการ” อู๋ซินยิ้มให้ไป่อี้
ไป่อี้ไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ
“ทำไมเจ้าไม่เรียกเขาว่าเป็นอาจารย์ล่ะ?”
โจวโจวย้ำ
หลังจากนั้นไป่อี้จึงตอบสนองและก้มหัวแสดงความเคารพต่ออู๋ซินทันที
เมื่ออู๋ซินเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจมากในทันที
ข้าเป็นผู้กล้าแล้ว และข้าก็มีลูกศิษย์ที่เป็นผู้กล้าที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ!
ความสำเร็จเช่นนี้ย่อมไม่เป็นสองรองใครในประวัติศาสตร์ผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงไหม?
เขาย่อมไปโม้เรื่องนี้ให้ตาเฒ่าเจิ้งฟังได้เมื่อเขากลับไป
ตาเฒ่าคนนี้มักจะโอ้อวดว่าเขามีลูกศิษย์กี่คนและแต่ละคนโดดเด่นแค่ไหน
ในตอนนี้ ศิษย์คนนี้ของเขาก็เทียบได้กับศิษย์ของอีกฝ่ายนับร้อยคนแล้ว!
ไม่!
อย่างน้อยก็พันคนเลย!
มาดูกันว่าตาเฒ่าเจิ้งจะปฏิเสธได้ยังไง?
อู๋ซินคิดถึงวิธีอวดกับเจิ้งหยวนฉีไปแล้ว
“ผู้อาวุโสอู๋ หมอหลวงประจำอาณาจักรออโรร่าที่มาเข้าร่วมกับเมืองตะวันสาดแสงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้ไหม?”
โจวโจวถามออกไปหลังจากนึกถึงรายละเอียดของอีกฝ่ายขึ้นมาได้
เขาส่ายหัว
“ข้าเป็นสหายเก่ากับตาเฒ่าไป่ แต่เขาก็สามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บของข้าและทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นได้เท่านั้นเมื่ออาการบาดเจ็บกำเริบ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษา อาการบาดเจ็บของข้าสามารถรักษาได้ด้วยหมอระดับตำนานหรือผู้กล้าทางด้านการแพทย์เท่านั้น”
อู๋ซินกล่าว
“แล้วท่านไปได้อาการบาดเจ็บเหล่านี้มาจากไหน?”
โจวโจวอดถามออกมาไม่ได้
“มันมาจากผู้กล้าสีชาดจากอาณาจักรทาฮัน” อู๋ซินกล่าว
โจวโจวหยุดซักไซ้ต่อ
…
15 นาทีต่อมา ทหาร 10,000 คนก็มารวมตัวกันที่ทางเข้าของเมืองทรายทองคำ
“ท่านลอร์ดจะต้องชนะศึกในวันนี้แน่ๆ!”
จางไคชานตะโกนจากกำแพงเมือง
ทหารคนอื่นๆ ที่ประจำการอยู่ในเมืองทรายทองคำก็ส่งเสียงเชียร์ด้วย
โจวโจวยิ้ม จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปพร้อมกับเหล่าทหาร
ในเวลาเดียวกัน ณ เนินทรายขวากหนาม
ดินแดนของลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เจ้าขวากหนาม
เจ้าขวากหนามจางยู่เต๋อกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง ดูการสนทนาในกลุ่มสนทนาของสมาคมทลายตะวัน
เขาจะเขียนข้อความบางอย่างเพื่อกระตุ้นให้ลอร์ดคนอื่นๆ ในสมาคมทลายตะวันมารวมตัวกันเพื่อกำจัดเจ้าตะวันสาดแสงเป็นครั้งคราว
สำหรับความคิดเห็นเหล่านี้… เมื่อลอร์ดคนอื่นๆ ในสมาคมทลายตะวันได้เห็น พวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นไม่เห็นหรือปลอบเขาแทน
[เจ้าขวากหนาม ไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ก็เป็นกิจกรรมสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์แล้ว ทำไมเจ้าตะวันสาดแสงจะต้องออกมาหาศัตรูเพื่อทำให้กองกำลังของเขาอ่อนแอลงด้วย?]
[ใช่แล้ว สหายจางไม่ต้องเป็นกังวลไป นายปลอดภัยมาก]
[นายกลัวอะไร? เมื่อสมรภูมิสรรพเผ่าพันธุ์เริ่มขึ้น พวกเราจะไปช่วยนายกำจัดเจ้าตะวันสาดแสงแน่ๆ]
…
หลังจากได้อ่านมัน จางยู่เต๋อก็ปิดแชทกลุ่มลงไปในทันทีด้วยความโมโห
“พูดหมาๆ! พวกนายไม่ได้อยู่ใกล้กันดินแดนของเจ้าตะวันสาดแสงที่สุดหนิ! เราตกลงที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อฉันก่อตั้งสมาคมทลายตะวันขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่มีใครเต็มใจช่วยฉันหลังจากที่รู้ว่าฉันอยู่ใกล้กับดินแดนของเจ้าตะวันสาดแสงที่สุด!
จางยู่เต๋อเปิดแชทกลุ่มขึ้นมาอีกครั้งและอยากจะออก
อย่างไรก็ตาม เขาก็มองไปยังตัวเลือกออกจากแชทกลุ่มอยู่สักพักและลังเลอยู่นาน ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กดมัน
หลังจากนั้นเขาก็ปิดแชทกลุ่มลงไปและถอนหายใจยาวๆ ออกมา
“ฉันหวังว่าเจ้าตะวันสาดแสงจะไม่มาบุกจริงๆ”
3 ชั่วโมงต่อมา
“รายงานท่านลอร์ด มันมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอยู่ด้านนอก พวกมันล้อมเมืองขวากหนามไว้แล้ว! พวกมันมีจำนวนประมาณ 10,000 คน ส่วนผู้นำก็อ้างว่าเขาคือเจ้าตะวันสาดแสง ท่านลอร์ด พวกเราจะเอายังไงกันดี?”
หน่วยสอดแนมคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานจางยู่เต๋อที่กำลังงีบหลับบนเก้าอี้เอนหลังและพูดด้วยความตื่นตระหนก
จางยู่เต๋อที่กำลังหลับอยู่ลุกขึ้นมาในทันทีที่เขาได้ยินเช่นนี้ เขาเบิกตากว้างและมองไปยังลูกน้องตรงหน้า
“อะไรนะ!?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved