ราชาแห่งอาณาจักรทาฮัน ทาฮันกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงและมองลงมายังลูกน้องที่อยู่เบื้องล่าง
“ฝ่าบาท ข้าไม่คิดว่ามันมีอะไรต้องหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่ส่งแม่ทัพสักคนพร้อมกับกองกำลังบางส่วนไปจัดการพวกมันก็พอ! เพียงแค่ลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่เพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้แค่ครึ่งเดือนกลับกล้าโจมตีอาณาจักรทาฮันของพวกเรา ข้าเกรงว่ามันคงจะไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองมีค่าแค่ไหน ให้ข้าได้สอนบทเรียนกับมันด้วยเถอะ”
มอนสเตอร์แห่งหมอกตัวหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีชาดและสวมชุดเครื่องแบบสีชาดอย่างเป็นทางการซึ่งมันก็มีเขาสีโลหิตหนึ่งข้างอยู่บนศีรษะและมีดวงตาสามดวงได้ยืนขึ้นและแค่นเสียงออกมา
มันคือหนึ่งในเสนาบดีฝ่ายการทหารของอาณาจักรทาฮัน ในช่วงแรกๆ ของการก่อตั้งอาณาจักร มันได้พิชิตดินแดนมากมายให้กับอาณาจักรทาฮันและได้พยายามอย่างหนัก จนสุดท้ายมันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่จะเกษียณตัวเองออกมาเป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ทำไมเราต้องมากังวลกับอีแค่ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ด้อยกว่าพวกเรามากขนาดนี้ด้วย? พวกเราสามารถสังหารพวกมันได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว”
“พวกเราไม่อาจประมาทมันได้ เนื่องจากลอร์ดมนุษย์ผู้นั้นสามารถพิชิตเมืองปีศาจตะวันออกและสังหารเจ้าปีศาจตะวันออกได้ มันน่าจะมีกองกำลังไม่ต่ำกว่า 200,000 คน นอกจากนี้ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันก็น่าจะอยู่ในระดับเพชรด้วย มิฉะนั้นมันก็คงจะไม่สามารถทำเช่นนี้ได้”
“ถ้าพวกเราอยากจะกำจัดภัยพิบัตินี้ พวกเราต้องเอาจริงแล้ว”
“ฝ่าบาท ข้ายินดีนำกองทัพไปทำลายพวกมันให้สิ้นซาก!”
“ฝ่าบาท ให้ข้าจัดการเอง!”
“ฝ่าบาท ข้าสามารถจัดการกับมันได้!”
เมื่อเผชิญหน้ากับลอร์ดมนุษย์ ‘ตัวเล็กๆ’ มันก็ไม่มีแม่ทัพสีชาดคนไหนที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายยากที่จะจัดการ พวกมันเริ่มออกหน้าในทันที
ทาฮันพยักหน้าเล็กน้อย
สายตาของมันกวาดไปรอบๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่แม่ทัพสูงสามเมตรที่มีใบหน้าสีเขียวดุร้ายและเขี้ยวอยู่ในปาก มันสวมชุดเกราะสีดำเอาไว้
“เจ้ออู๋ ข้าจะให้เจ้าไปจัดการกับมัน”
ทาฮันพูดเบาๆ
ในทันทีที่มันพูดจบ ทุกคนก็อึ้งไป
แม้แต่แม่ทัพเกราะดำก็ประหลาดไปเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่สีชาดหลายคนก็ดูสับสน
นี่เป็นเพราะเจ้ออู๋ที่ราชาทาฮันพูดถึงนั้นไม่ใช่แม่ทัพสีชาดทั่วๆ ไป แต่มันคือหนึ่งในสามผู้กล้าสีชาดแห่งอาณาจักรทาฮัน—หอกอสูรวาโยทมิฬ—เจ้ออู๋!
แน่นอนว่ามันก็มีสมญานามอย่างเป็นทางการเพราะอีกฝ่ายจะคลั่งขึ้นมาเมื่อได้เริ่มการเข่นฆ่าบนสมรภูมิว่า หอกคลั่งเจ้ออู๋!
การให้ลอร์ดสีชาดที่เป็นเหมือนเสาหลักของอาณาจักรจัดการกับลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้แค่ครึ่งเดือนงั้นเหรอ?
ฝ่าบาทคิดอะไรอยู่?
ไม่ใช่ว่ามันประเมินอีกฝ่ายสูงเกินไปเหรอ?
“ฝ่าบาท ศึกบนสมรภูมิหลักยังไม่จบเลย แม้ว่าอาณาจักรออโรร่าจะใกล้พินาศแล้ว แต่พวกมันก็ยังมีแรงหายใจอยู่ แม่ทัพเจ้ออู๋จะต้องอยู่ที่เมืองหลวง เขาจะสามารถสนับสนุนสนามรบในแนวหน้าได้ถ้าหากสมรภูมิด้านหน้ามีการเปลี่ยนแปลง มันไม่จำเป็นต้องให้แม่ทัพเจ้ออู๋ไปจัดการกับลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์คนนั้นก็ได้นี่ขอรับ?”
ชายชราหน้าเขียวที่มีร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยเดินออกมาและกล่าวด้วยความเคารพ
เขาคือหนึ่งในสองมหาเสนาบดีแห่งอาณาจักรทาฮัน ชื่อของมันคือฮันซา เพราะมันมักจะให้คำแนะนำกับกษัตริย์และวางแผนต่างๆ มากมาย มันจึงได้รับความไว้วางใจจากทาฮันมาก ดังนั้นมันจึงได้รับความเคารพจากเหล่าลูกน้องคนอื่นๆ ในฐานะผู้อาวุโสของฝ่าบาททาฮัน
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้คำพูดของฮันซาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจราชาของมันได้เลย
“ไม่จำเป็น สมรภูมิในแนวหน้าไม่ได้ตึงเครียดมากนัก อาณาจักรออโรร่าถูกล้อมไว้ด้วยศัตรูจากทั้งสามทาง พวกมันคงไม่สามารถทำอะไรได้นัก แม้ว่าแม่ทัพเจ้ออู๋จะไม่อยู่ มันก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ราชาผู้นี้รู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันจึงดีกว่าที่จะลงมือให้เด็ดขาดเลย”
ทาฮันโบกมือและพูดออกมา
เมื่อเหล่าเสนาบดีได้ยินเช่นนี้ พวกเขาที่อยากจะพูดอะไรเพื่อโน้มน้าวราชาของตน แต่หลังจากคิดดูแล้ว พวกเขาก็พบว่าคำพูดของราชาไม่มีอะไรผิด สุดท้าย พวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ฝ่าบาท งั้นจะให้ข้านำทัพยังไง? จะให้ข้าพาทหารไปด้วยกี่คน?”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมา เจ้ออู๋ก็ถามคำถามของตนออกมา
ในอาณาจักรทาฮัน นอกจากแม่ทัพบางคนที่สามารถฝึกทหารประเภทพิเศษได้อย่างอิสระแล้ว มันก็ไม่มีแม่ทัพคนไหนที่มีกองทหารเป็นของตัวเองเลย กว่า 90% ของกองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของราชาแห่งทาฮันแต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้นแม่ว่าเจ้ออู๋จะเป็นผู้กล้าสีชาด แต่เขาก็ยังต้องถามราชาว่าจะให้กองทัพแก่มันไปกี่คน
“กองทัพราชาศพไร้หน้ายังคงอยู่ในกองทัพนอกเมืองหลวง ให้เจ้านำกองทัพราชาศพไร้หน้าไปจัดการกับศัตรูก็แล้วกัน”
ราชาทาฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดออกมา
เหล่าเสนาบดีประหลาดใจอีกครั้ง
กองทัพราชาศพไร้หน้ามีทหารศพไร้หน้ากว่า 500,000 ตัว
การใช้ทหารจำนวนมากขนาดนี้เพื่อจัดการกับแค่ลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงคนเดียว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นขึ้นมาอย่างกะทันหันแค่ไหน ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการระวังมากไปเหรอ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงคำพูดที่ว่าฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถมาก บางทีราชาทาฮันอาจจะเป็นกังวลเรื่องนี้มากเพราะพระองค์ไม่อยากประมาท ดังนั้นฝ่าบาทจึงส่งทหารออกไปมากขนาดนั้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกมันที่เคยอยากจะโน้มน้าวอีกฝ่ายก็จึงหยุดปากไป
“ขอรับฝ่าบาท! ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เจ้ออู๋ไม่คิดมากเกี่ยวกับมันและรับคำสั่งทันที
“ไปจัดการซะ”
ราชาทาฮันพยักหน้า
เมื่อเจ้ออู๋ได้ยินเช่นนี้ มันก็ไม่ลังเลเลย หลังจากกล่าวลาทาฮันแล้ว มันก็เดินออกไปจากวังทันที
…
ณ เมืองตะวันสาดแสง
หลังจากโจวโจวส่งลั่วหลี่ไปยังโรงแปรธาตุโนมแล้ว เขาก็เดินไปยังโกดังในขณะที่คิดเรื่องอื่นๆ ที่เขายังไม่ได้ทำ
ทันใดนั้นเอง เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาและพึมพำกับตัวเอง…
“ทะเลทรายตะวันสาดแสงของฉันกลายเป็นภูมิภาคระดับแพลตตินั่มขาวแล้ว มันเกือบจะกลายเป็นภูมิภาคระดับเพชรแล้วด้วย มันดูไม่เหมาะเลยสักนิดที่จะเรียกมันว่าทะเลทรายตะวันสาดแสงอีก ถ้าให้ฉันคิด ลองเรียกมันว่าดินแดนตะวันสาดแสงดีกว่า”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็เปิดหน้าต่างข้อมูลของดินแดนภูมิภาคขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อของทะเลทรายตะวันสาดแสงเป็นดินแดนตะวันสาดแสง
หลังจากเปลี่ยนชื่อของมันแล้ว เขาก็เดินไปที่โกดังโดยไม่รู้ตัว
โจวโจวถามผู้จัดการโกดังว่ามีคนเพิ่งส่งของบางอย่างมาหรือไม่ หลังจากรู้ว่ามันอยู่ไหนแล้ว โจวโจวก็เดินเข้าไปในโกดังและหยิบแหวนมิติที่บรรจุศพของศพผู้ทรงเกียรติ 10,000 ร่างออกมา
สติของเขาจมเข้าไปในแหวนมิติและพบว่าแหวนวงนี้มีพื้นที่ 1,000 ลูกบาศก์เมตร
ศพของผู้ทรงเกียรติ 10,000 ร่างถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อยภายใน นอกจากนี้ศพระดับแพลตตินั่มขาวและระดับเพชรยังถูกจัดไว้แยกจากกันด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวจึงเดินออกมาจากโกดังและเรียกทหารมาหนึ่งพันคน จากนั้นเขาก็เอาเตาหลอมผู้พิชิตระดับทองคำเหลือง 10 อันออกมา จากนั้นเขาก็เอาศพผู้พิชิต 10,000 ร่างออกมาจากแหวนมิติและเริ่มใช้เตาหลอมผู้พิชิตเพื่อเก็บไอเท็มดรอป
เขาวุ่นกับเรื่องนี้อยู่สองชั่วโมงกว่าที่ศพของผู้ทรงพลังเกียรติทั้งหมดจะถูกเก็บไอเท็มดรอปจนหมด
โจวโจวได้รับคริสตัลออโรร่าระดับเพชร 9,000 อัน และระดับเหนือสามัญ 1,000 อัน
ใบหน้าของเขาแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เมื่อเขาเห็นคริสตัลออโรร่าจำนวนมากขนาดนี้
มันต้องรู้ว่าคริสตัลออโรร่าระดับเพชร 10 อัน และวัสดุก่อสร้างที่เกี่ยวข้องสามารถใช้สร้างหอคอยออโรร่าระดับเพชรขั้นต้นได้แล้ว
ในจำนวนคริสตัลออโรร่ามากมายขนาดนี้ เขาสามารถสร้างหอคอยออโรร่าระดับเพชรขั้นต้นได้ถึง 900 อันเลยตราบใดที่เขามีวัสดุอื่นๆ เพียงพอ หรือแม้แต่หอคอยออโรร่าระดับเหนือสามัญก็ยังสร้างได้เลย
สิ่งนี้เทียบได้กับนักสู้ระดับเหนือสามัญ 900 คนเลย!
อย่างไรก็ตาม เรื่องของวัสดุก็ยังเป็นปัญหาอยู่
วัสดุที่ใช้สร้างหอคอยออโรร่าระดับเพชรนั้นหายากมาก แม้ว่าเขาจะมีตลาดซื้อขาย แต่เขาก็ไม่สามารถรวบรวมวัสดุจำนวนมากขนาดนั้นได้ในช่วงเวลาอันสั้น
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พรุ่งนี้เขาก็จะไปที่อาณาจักรออโรร่า
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็สามารถขายมันให้กับอาณาจักรออโรร่าได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับวัสดุอื่นๆ
ส่วนถ้าขาดเหลืออะไร เขาก็สามารถซื้อมันจากตลาดซื้อขายได้
“แต่มันอาจจะมีปัญหาได้ถ้าไม่มีคริสตัลออโรร่าระดับแพลตตินั่มเลย ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้ฉันจะต้องมอบคริสตัลออโรร่าระดับเพชร 1,000 อันให้กับหลี่ย่าแล้ว”
โจวโจวคิด
“ท่านลอร์ด!”
ในเวลานั้นเอง เสียงอันตื่นเต้นก็ดังออกมาจากระยะไกล
โจวโจวอึ้งไป
เขามองไปยังต้นตอของเสียง
ร่างสองร่างเดินเข้ามา ร่างหนึ่งตัวเล็กและอีกร่างก็ตัวใหญ่
พวกเขาคือเซียวซวนและเฟิงลั่ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved