เมืองเสียงกระซิบ จักรวรรดิเอลฟ์ ณ ค่ายกลข้ามมิติประจำฝ่าย
เมื่อโจวโจวและคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายกลข้ามมิติ เอลฟ์กลุ่มหนึ่งที่สวมชุดเกราะเบาอันงดงาม มีมงกุฎดอกไม้อยู่บนหัว และมีดาบกับธนูสะพายอยู่ที่ด้านหลังก็มาล้อมพวกเขาไว้ทันทีก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนอง
พวกเธอต่างก็เป็นเอลฟ์สาววัยเยาว์ พวกเธอมีรูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าอันงดงาม ดวงตาสีเขียวอ่อน และหูเรียวตรง พวกเธอดูราวกับเป็นสาวงามหนึ่งในล้านเลยถ้าเทียบกับคนธรรมดา
ลอร์ดที่โจวโจวพามาด้วยต่างก็อึ้งไปเมื่อพวกเขาเห็นเอลฟ์จำนวนมากมายขนาดนี้ ลอร์ดบางคนถึงกับอึ้งไปกับความสวยของพวกเธอเลย
มันต้องรู้ว่าพวกเขาได้รับเอฟเฟกต์จากพรสวรรค์แห่งลอร์ดรูปงามไปแล้ว แต่ถึงกระนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดูดีเท่ากับเอลฟ์พวกนี้เลย มันจะเห็นได้ว่ารูปลักษณ์และรูปร่างของพวกเธอนั้นเกินจริงแค่ไหน
มีแค่โจวโจวเท่านั้นที่สามารถบดขยี้รูปลักษณ์ของเอลฟ์พวกนี้ได้ด้วยลักษณ์สวรรค์สรรค์สร้างของเขา
เอลฟ์บางคนกระทั่งมองโจวโจวด้วยดวงตาสีเขียวอ่อนอันงดงามที่เปล่งประกายขึ้นมา
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่รักในความงดงาม
เอลฟ์หลายคนกระทั่งใช้รูปร่างหน้าตาเป็นเกณฑ์ในการเลือกคู่ครองด้วยซ้ำ
ดังนั้นใบหน้าอันน่าตื่นตะลึงของโจวโจวจึงสามารถกุมหัวใจของเอลฟ์เป็นจำนวนมากได้ในทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเธอ
แม้แต่หัวหน้าองครักษ์เอลฟ์ก็ยังมองดูรูปลักษณ์ของโจวโจวและอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะได้สติกลับมา
“ท่านคงเป็นราชาตะวันสาดแสงสินะ โปรดตามข้ามาด้วย พวกเราจำเป็นต้องใช้ค่ายกลข้ามมิติอีกอันเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเอลฟ์ก่อน องค์จักรพรรดินีกำลังรอท่านอยู่”
หัวหน้าองครักษ์กล่าวด้วยความสุภาพ
“ได้สิ” โจวโจวพยักหน้า
จากนั้นเขาก็เรียกให้ทุกคนออกมาจากค่ายกลข้ามมิติ
พลังมิติหนาปะทุออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นประตูมิติที่มีแรงดูดอันมหาศาล
หัวหน้าองครักษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา และนำทุกคนไปยังค่ายกลข้ามมิติอีกอัน
ระหว่างทาง โจวโจวก็เหลือบมองไปยังกำแพงเมืองที่อยู่ไกลออกไป
เมืองเสียงกระซิบนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาณาจักรตะวันสาดแสงเลย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนและเสียงต่อสู้ดังมาจากระยะไกล เขาได้ยินเสียงคำรามของมอนสเตอร์สีชาดได้อย่างชัดเจน
หัวใจของโจวโจวเต้นระรัวขึ้นมาเล็กน้อย
…
เมื่อโจวโจวและคนอื่นๆ มาถึง พวกเขาก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าในทันที
มันมีทิวทัศน์ธรรมชาติทุกประเภทผสมผสานกับอาคารต่างๆ ในสไตล์เอลฟ์ได้อย่างลงตัว
ต้นไม้และสิ่งปลูกสร้างโบราณที่สูงมากกว่า 10,000 เมตรมองเห็นได้เต็มไปหมด
สิ่งมหัศจรรย์ทางอารยธรรมและสิ่งปลูกสร้างพิเศษทุกประเภทต่างก็น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรากฐานอันน่าสะพรึงกลัวของจักรวรรดินี้ที่พัฒนามาหลายหมื่นปีแล้ว
มันมีกระทั่งดอกไม้แปลกๆ พืชพรรณประหลาดๆ ผู้คนจากต่างเผ่าพันธุ์ และหลายๆ สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด
มันมีสองสิ่งที่ทำให้เขาตกใจได้มากที่สุด
สิ่งแรกก็คือต้นไม้บรรพกาลสีทองที่สูงหลายหมื่นเมตร มันสูงเสียดฟ้าและปกคลุมผืนนภาเอาไว้
สิ่งที่สองก็คือมงกุฎสีทองที่ปกคลุมเมืองหลวงเอลฟ์ทั้งหมดเอาไว้ซึ่งเป็นเหมือนหลังคาสวรรค์ที่จิตวิญญาณเทพเจ้าประทานให้เพื่อคอยปกป้องเมืองหลวงเอลฟ์และชาวเอลฟ์จำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้ทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือพวกเขาเห็นดาวดวงหนึ่งอยู่ด้วย!
ดวงดาวที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้
ดวงดาวที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
มันตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าและเปล่งรัศมีแห่งชีวิตที่น่าเกรงขาม หากตั้งใจฟังให้ดี พวกเขาก็จะได้ยินแม้กระทั่งเพลงศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณเทพเจ้าที่กำลังเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ
ทุกคนตกใจมากจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
แม้แต่โจวโจวก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง มรดกสายเลือดจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในจิตใจของเขาก็ค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็ว และพวกมันก็บอกเขาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้และดวงดาวนั้นในทันที
“พฤกษามารดาเอลฟ์—อบิเกล”
“ดาราแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้จริง—อ็อกเทเวล”
โจวโจวพึมพำอยู่ภายในใจ
เขาตกใจ
การได้เห็นมันในมรดกที่ถูกทิ้งไว้ในสายเลือด กับการได้เห็นด้วยตาของตัวเองนั้นต่างกันจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการดำรงอยู่ระดับเทพแท้จริง!
ถ้าตัวตนระดับเทพอาวุโสยังไม่ปรากฏตัว ตัวตนระดับเทพแท้จริงก็คงจะถือว่าเป็นผู้ปกครองโลก
เขาไม่คิดเลยว่าจักรวรรดิเอลฟ์จะถูกปกป้องเอาไว้ด้วยตัวตนในระดับนี้
ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นความจริงที่ว่าจักรพรรดินีเอลฟ์รุ่นนี้มีความหวังที่จะนำจักรวรรดิเอลฟ์ให้กลายเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เอลฟ์
นี่เป็นเพราะสิ่งที่ยากและสำคัญที่สุดในการสร้างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ก็คือการมีตัวตนระดับเทพแท้จริง 3 คนคอยปกป้องอาณาจักร
ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องยากมากๆ นับประสาอะไรกับตั้งสามคน เพราะแค่คนเดียวมันก็ยากมากแล้ว
ในเวลานั้นเอง หัวหน้าองครักษ์ที่พาพวกเขามาที่นี่ก็อยากจะแนะนำเมืองหลวงเอลฟ์ของพวกเธอให้โจวโจวและคนอื่นๆ ได้รู้จัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤกษามารดาเอลฟ์และดาราแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้ยินเสียงกระซิบของโจวโจว เธอก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย
ลอร์ดมนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินไร้ชื่อผู้นี้กลับรู้จักสิ่งเหล่านี้ด้วย
มันต้องทราบว่าแม้แต่อาณาจักรดั้งเดิมจำนวนมากมายก็อาจจะไม่รู้จักพฤกษามารดาเอลฟ์และดาราแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
แต่ลอร์ดมนุษย์ผู้นี้กลับสามารถบอกรายละเอียดได้ในทันทีและกระทั่งรู้ด้วยว่าดาราแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มาจากไหน ซึ่งแม้แต่สายเลือดระดับสูงทั่วไปก็อาจจะไม่รู้เรื่องพวกนี้
เดิมทีเธอเคยดูแคลน ‘ขุนนางบ้านนอก’ เหล่านี้ที่มาจากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน และเธอก็แค่แสร้งทำเป็นสุภาพออกมาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้คิดที่จะดูถูกพวกเขาอีกแล้วในตอนนี้
ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทำให้ลอร์ดมนุษย์ผู้นี้ได้รับตำแหน่งลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาจะไม่ใช่เพราะโชคช่วยจริงๆ
ทุกคนเดินต่อไปยังวังหลวง
“ข้าควรเรียกท่านว่ายังไงดี?”
โจวโจวถามหัวหน้าองครักษ์หลังจากได้สติกลับมา
“ชื่อของข้าคืออัลลี หัวหน้าองครักษ์หน่วยที่สามแห่งวังหลวง” อัลลีตอบกลับมา
“ส่วนข้าชื่อโจวโจวนะ” โจวโจวยิ้มและพูดออกมา
หลังจากนั้นทุกคนก็ตรงไปยังวังหลวงและพบกับจักรพรรดินีเอลฟ์ต้นกำเนิด เอลิซาเรียลที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ในไม่ช้า
ถึงกระนั้นก็มีเพียงโจวโจวเท่านั้นที่ได้พบกับจักรพรรดินี สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาต้องรออยู่ที่ทางเข้า
“ฝ่าบาท ราชาตะวันสาดแสงมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” อัลลีกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
“ทำได้ดีมาก เจ้าออกไปก่อนเถอะ” จักรพรรดินีเอลฟ์ที่สวมชุดอาภรณ์ที่วิจิตรงดงามและมีใบหน้างดงามเป็นอย่างยิ่งพูดออกมาอย่างใจเย็น
“เจ้าค่ะฝ่าบาท” อัลลีกล่าวด้วยความเคารพและจากไปอย่างเงียบๆ
“คาราวะฝ่าบาท” โจวโจวกล่าวแสดงความเคารพ
นี่คือจักรพรรดินีที่ปกครองเอลฟ์ทั้งมวล มันไม่ใช่เรื่องอับอายเลยที่จะสุภาพกับเธอ
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ เนื่องจากเจ้าเข้าร่วมในฝ่ายจักรวรรดิเอลฟ์ของข้าแล้ว พวกเราก็ถือว่าเป็นสหายกันแล้ว”
“เจ้าน่าจะต้องการคะแนนประจำฝ่ายใช่ไหม? ข้ามีภารกิจที่เจ้าน่าจะสนใจ มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามั่นใจพอที่จะรับภารกิจนั้นไหมก็เท่านั้นเอง” เอลิซาเรียลตรงเข้าประเด็น
“ภารกิจอะไรขอรับ?” โจวโจวถามด้วยความสงสัย