บทที่ 72: ลิ้มรสยา ไม่ผิดหวัง
สำหรับประชาชนในมณฑลลู่ คืนนี้ก็กลายเป็นคืนที่ไม่มีผู้ใดได้นอน
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลาลับไป เปลวเพลิงก็ส่องแสงสว่างขึ้น เสียงฝีเท้าของทหารดังขึ้นอย่างหนักแน่นและพร้อมเพรียง
การรวมตัวกันของทหารจำนวนมากเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากประชาชนจะหวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนแล้ว พวกเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างมาก
หลายคนพยายามแอบมองผ่านช่องว่างระหว่างประตูหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ภายนอก พวกเขาทั้งหมดล้วนกังวลเกี่ยวกับผู้ว่าการคนใหม่
แม้ว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าถึงข้อมูลได้อย่างจำกัด แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่
หลังจากหนึ่งเดือนของสงครามเสบียงอาหารและเกลือและการบุกโจมตีอย่างไร้ความปราณีในวันนี้ พวกเขาทุกคนก็ตระหนักได้แล้วว่าผู้ว่าการคนใหม่นั้นอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะยืนหยัดอยู่ข้างประขาชน สิ่งนี้ย่อมทำให้พวกพ่อค้าเหล่านั้นโต้กลับอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้ว ทหารที่มารวมตัวกันในคืนนี้ก็น่าจะมาที่นี่เพื่อจัดการกับผู้ว่าการคนใหม่
“ ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านผู้ว่านะ!”
“ ข้าเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกพ่อค้าเหล่านั้นจะได้ตายอย่างน่าสยดสยอง ขอให้ท่านผู้ว่าปลอดภัยด้วยเถอะ”
“ กฎหมายอยู่ค้ำฟ้า สวรรค์โปรดลืมตาและอวยพรให้ท่านผู้ว่าด้วย!”
ในขณะนี้ ประชาชนนับไม่ถ้วนในมณฑลลู่ก็กำลังสวดอ้อนวอนให้กับซุยเฮ็ง
ทุกคนล้วนภาวนาให้เขาอยู่รอดปลอดภัย
สำหรับทหารข้างนอกที่ตะโกนว่าผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับราชาหยานและต้องการจะฆ่าประชาชนเพื่อสังเวยเมืองแห่งนี้นั้น มันก็ไม่มีใครเชื่อพวกเขาเลย
ใครจะเอาอาหารมากมายมาเลี้ยงประชาชนในเมื่อพวกเขาตั้งใจจะสังเวยเมืองในท้ายที่สุด?
ในโลกที่โกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ เสบียงอาหารก็นับว่ามีค่ามาก
….
ที่ทางเข้าสำนักงานเทศมณฑล
ดวงตาของซุยเฮ็งเป็นประกายในขณะที่เขามองไปยังบริเวณที่มีคนธรรมดามารวมตัวกัน
เขาเห็นมวลแสงสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" ลอยมาจากด้านนั้น
นี่คือความรักที่ผู้คนในมณฑลลู่มีให้ต่อเขา!
ซุยเฮ็งสัมผัสได้ว่าแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความพยายามของเขาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่เสียเปล่า ในที่สุดเขาก็ได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า
นอกจากนี้ นี่ก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตราบใดที่เขาทำลายเหล่าพ่อค้าที่ทำตัวมิชอบได้สำเร็จ มันก็ไม่เพียงแต่ผู้คนในมณฑลลู่จะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น แต่ทุกเมืองภายใต้มณฑลลู่ก็ยังจะได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนมากกว่าหลักล้านคน!
หากเขาได้รับความรักจากผู้คนมากมายขนาดนี้ แสงสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" ก็จะต้องเติบโตขึ้นจนสมบูรณ์อย่างแน่นอน
“ หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมด แสงสีขาวก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางทีมันอาจจะกลายเป็นอันแรกที่สมบูรณ์ก็ได้” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง ในขณะที่เขากำลังมีความสุข เขาก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยเช่นกัน
“ อย่างไรก็ตาม แสงสีดำที่เป็นสัญลักษณ์ของความเกลียดชังก็ยังไม่เคยเพิ่มขึ้นเลย ทำไมคนถึงเกลียดฉันน้อยจัง มันมีวิธีอะไรที่จะทำให้ทุกคนเกลียดชังฉันได้บ้างไหมนะ”
จริงๆ แล้วมันก็มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังเขา แต่อารมณ์ส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ความกลัว และความสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีความเกลียดชังใดหลงเหลือให้เขาได้เก็บสะสมเลย
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็มองไปที่ถนนด้านนอกสำนักงาน
แสงสีเทานับพันกำลังส่องแสงเจิดจ้า
นี่คือแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของความเศร้า
ทหารชั้นยอดหลายพันนายที่ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ได้นำมานั้นกำลังถูกไล่สังหารโดยฮุ่ยฉี
….
ในขณะนี้ ถนนด้านนอกสำนักงานเทศมณฑลก็เต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูก มันก็คือเสียงกรีดร้อง เสียงคร่ำครวญ และเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ!
และทั้งหมดนี้ก็เป็นผลมาจากการสังหารหมู่แต่เพียงผู้เดียวของฮุ่ยฉี!
มันเหมือนกับหมาป่าที่หลุดเข้าไปในฝูงแกะ
ไม่มีทหารคนใดสามารถทำร้ายเขาได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเบาอย่างดาบและกระบี่ หรือจะอาวุธหนักอย่างกระบองและค้อน ทั้งหมดล้วนแต่ไร้ประโยชน์
ทันทีที่อาวุธเหล่านี้เข้ามาใกล้ฮุ่ยฉี ร่างวิญญาณมังกรเพลิงก็จะบินออกมาจากหลังของเขา จากนั้นมันก็จะกวาดเอาอาวุธเหล่านี้ออกไปในทันที
ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเผาไหม้ผู้ถือครองอาวุธเหล่านั้นจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ในเวลาเดียวกัน ตัวฮุ่ยฉีเองก็ยังมีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่การบตวัดข้อมืออย่างสบายๆ ก็ยังสามารถบดขยี้ทหารสามถึงสี่คนได้ในทันที
เขาทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังที่มิอาจหยุดยั้งได้
ไม่มีการพูดเกินจริงเลย
ไม่ว่าฮุ่ยฉีจะโบกกำปั้นหรือใช้ฝ่ามือ วิญญาณของมังกรเพลิงก็จะปรากฏขึ้นบนแขนของเขาและพันรอบแขนของเขาอย่างแน่นหนา
สิ่งนี้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหลายสิบเท่า
และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังดังกล่าว แม้แต่เกราะเหล็กที่ขัดเกลามาแล้วก็ยังกลายเหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่สามารถต้านทานการโจมตีแม้แต่เพียงครั้งเดียวได้เลย
ชุดเกราะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และร่างของทหารเหล่านั้นก็ถูกเจาะทะลุด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
แม้แต่ทหารที่บางรายก็ยังถูกทุบกลายเป็นเนื้อบดโดยไม่สามารถเลี่ยงได้
แทบจะไม่มีศพใดที่ดูเหมือนกับมนุษย์เลยหลังจากถูกโจมตี
เขาแข็งแกร่งเกินไป!
ซูเฟิงอัน, หลิวหลี่เต๋าและเฉินตงต่างก็ตกตะลึงในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูฮุ่ยฉีไล่สังหารทุกคนเพียงลำพัง
นี่เป็นพลังที่มนุษย์สามารถครอบครองได้จริงหรอ!
อันที่จริง ในตอนที่ฮุ่ยฉีพุ่งเข้าไปในฝูงชน พวกเขาทั้งสามก็ตกใจมาก และกลัวว่าฮุ่ยฉีจะถูกฆ่า
ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารชั้นยอดติดเกราะและอาวุธหลายพันคน แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตสัมผัสโลกาก็ยังไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปประจันหน้า
นอกจากนี้ ฮุ่ยฉีก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียน
แม้ว่าฮุ่ยฉีจะมีสิ่งที่เรียกว่า “อักขระ” ที่ซุยเฮ็งมอบให้เขา แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่าอักขระนั้นมีประโยชน์อย่างไร
“ ท่านผู้ว่าการ นี่คือ…” หลิวหลี่เต๋าชี้ไปข้างนอกด้วยความตกใจและเอ่ยถามซุยเฮ็ง “ นี่คืออักขระที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”
“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ มันเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าได้คิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของมันจะไม่เลวเลย”
เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ?
ไม่เลวเลย?
พวกเขาทั้งสามคนพูดไม่ออก
ถ้านี่ถือเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ แล้วขอบเขตเซียนเทียนกับขอบเขตสัมผัสโลกาจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยขนาดไหนกัน?
นี่คือปรมาจารย์เซียนเทียนที่กำลังไล่ฆ่าทหารชั้นยอดติดอาวุธหลายพันคนแบบตัวคนเดียว!
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล มันก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
หากข่าวเรื่องเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ถูกแพร่กระจายออกไป มันก็คงจะช็อกโลกอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ในร้านอาหารต่างก็ตกตะลึง
“ เป็นไปได้อย่างไร? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
ซุนผานซื่อมองไปที่ถนนด้านล่างด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขามองไปที่ทหารที่ถูกฮุ่ยฉีตบจนตายและเกือบจะสงสัยว่าเขากำลังฝันอยู่
คนเหล่านี้คือทหารชั้นยอดหลายพันคนที่สวมชุดเกราะและติดอาวุธครบมือ นอกจากนี้ พวกเขาทุกคนก็ยังรู้วรยุทธ์ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าทหารทั่วไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย
มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาที่จะฆ่ายอดฝีมือระดับแนวหน้าของโลกด้วยกัน!
แบบนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงถูกฆ่าเหมือนกับไก่แบบนี้?!
ข้างเขา เหอเฉิงเหมาและพระจิงคงก็เริ่มสั่นสะท้านแล้ว เมื่อมองไปที่ฉากด้านล่างและกลิ่นฉุนของเลือด พวกเขาก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขากำลังด้านชาและขาของพวกเขาก็เริ่มอ่อนแรง
“ นายน้อยหวังอยู่ที่ไหน? นายน้อยหวังหายไปไหนแล้ว!” ทันใดนั้นเหอเฉิงเหมาและพระจิงคงก็นึกขึ้นได้ว่าหวังจินเซิงบอกว่าเขาจะออกไปจัดการเอง
ไม่ใช่ว่าเขาสามารถเอาชนะชายคนนั้นได้อย่างง่ายดายเมื่อตอนกลางวันหรอกหรอ?
“ ใช่ ใช่ ผู้อาวุโสหวังหายไปไหนกัน!” ทันใดนั้นซุนผานซื่อก็ตอบสนอง เขามองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่พบหวังจินเซิงเลย
“ เผิงหลานจื่อและอู๋หยางเจินเองก็หายไปแล้วเช่นกัน!” เหอเฉิงเหมาอุทานออกมา ความกลัวในดวงตาของเขานั้นลึกล้ำ “ อย่าบอกนะว่าทั้งคู่หนีไปแล้ว!”
“ แม้แต่หวังจินเซิงก็ยังหนีไปแล้วหรอ?!” พระจิงคงทรุดลงกับพื้นและพึมพำว่า “ จบแล้ว มันจบแล้ว..”
การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าทหารชั้นยอดหลายพันคนได้ด้วยตนเพียงลำพังนั้นเป็นเหมือนกับเอาตัวเองไปเสนอให้นรก
“ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ! หวังจินเซิงไอ้สารเลว!” ซุนผานซื่อตะโกนก้อง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว เขาเกือบจะกลายบ้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะระบายความโกรธของเขาอีกต่อไป เขาพลิกโต๊ะในห้องส่วนตัวและใช้เคล็ดวิชาตัวเบาเพื่อกระโดดออกจากหน้าต่างอีกด้านไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ซุนผานซื่อกระโดดออกมา เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันมีแรงดึงที่ทรงพลังมากได้รั้งเขาเอาไว้อยู่
เขามองลงไปและรู้สึกว่าวิญญาณของเขาเกือบจะหลุดออกมาจากร่างในทันที เขาเหงื่อแตกและตกใจมาก “ ขอบเขตเซียนเทียน?!”
ในตอนนี้ ฮุ่ยฉีก็กำลังยกมือขึ้นและใช้พลังปราณเพื่อจับซุนผานซื่อซึ่งกำลังจะหลบหนีเอาไว้
“ ซุนผานซื่อแห่งสำนักไท่ชง เจ้าสนับสนุนพวกพ่อค้าชั่วและทำร้ายประชาชนจำนวนมาก มาดูกันสิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!” ฮุ่ยฉีตะโกนขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้คนรอบข้างได้ยินเสียงของเขา
นี่คือการเปิดเผยตัวตนของซุนผานซื่อเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสยาของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน พระจิงคงและเหอเฉิงเหมาซึ่งกำลังเตรียมจะหลบหนีเองก็ได้ถูกจับเอาไว้เช่นกัน
ครู่ต่อมา ฮุ่ยฉีก็พาทั้งสามคนไปหาซุยเฮ็งและพูดด้วยความเคารพว่า “ ท่านผู้ว่าการ ครั้งนี้ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
สำหรับประชาชนในมณฑลลู่ คืนนี้ก็กลายเป็นคืนที่ไม่มีผู้ใดได้นอน
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลาลับไป เปลวเพลิงก็ส่องแสงสว่างขึ้น เสียงฝีเท้าของทหารดังขึ้นอย่างหนักแน่นและพร้อมเพรียง
การรวมตัวกันของทหารจำนวนมากเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากประชาชนจะหวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนแล้ว พวกเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างมาก
หลายคนพยายามแอบมองผ่านช่องว่างระหว่างประตูหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ภายนอก พวกเขาทั้งหมดล้วนกังวลเกี่ยวกับผู้ว่าการคนใหม่
แม้ว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าถึงข้อมูลได้อย่างจำกัด แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่
หลังจากหนึ่งเดือนของสงครามเสบียงอาหารและเกลือและการบุกโจมตีอย่างไร้ความปราณีในวันนี้ พวกเขาทุกคนก็ตระหนักได้แล้วว่าผู้ว่าการคนใหม่นั้นอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะยืนหยัดอยู่ข้างประขาชน สิ่งนี้ย่อมทำให้พวกพ่อค้าเหล่านั้นโต้กลับอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้ว ทหารที่มารวมตัวกันในคืนนี้ก็น่าจะมาที่นี่เพื่อจัดการกับผู้ว่าการคนใหม่
“ ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านผู้ว่านะ!”
“ ข้าเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกพ่อค้าเหล่านั้นจะได้ตายอย่างน่าสยดสยอง ขอให้ท่านผู้ว่าปลอดภัยด้วยเถอะ”
“ กฎหมายอยู่ค้ำฟ้า สวรรค์โปรดลืมตาและอวยพรให้ท่านผู้ว่าด้วย!”
ในขณะนี้ ประชาชนนับไม่ถ้วนในมณฑลลู่ก็กำลังสวดอ้อนวอนให้กับซุยเฮ็ง
ทุกคนล้วนภาวนาให้เขาอยู่รอดปลอดภัย
สำหรับทหารข้างนอกที่ตะโกนว่าผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับราชาหยานและต้องการจะฆ่าประชาชนเพื่อสังเวยเมืองแห่งนี้นั้น มันก็ไม่มีใครเชื่อพวกเขาเลย
ใครจะเอาอาหารมากมายมาเลี้ยงประชาชนในเมื่อพวกเขาตั้งใจจะสังเวยเมืองในท้ายที่สุด?
ในโลกที่โกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ เสบียงอาหารก็นับว่ามีค่ามาก
….
ที่ทางเข้าสำนักงานเทศมณฑล
ดวงตาของซุยเฮ็งเป็นประกายในขณะที่เขามองไปยังบริเวณที่มีคนธรรมดามารวมตัวกัน
เขาเห็นมวลแสงสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" ลอยมาจากด้านนั้น
นี่คือความรักที่ผู้คนในมณฑลลู่มีให้ต่อเขา!
ซุยเฮ็งสัมผัสได้ว่าแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความพยายามของเขาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่เสียเปล่า ในที่สุดเขาก็ได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า
นอกจากนี้ นี่ก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตราบใดที่เขาทำลายเหล่าพ่อค้าที่ทำตัวมิชอบได้สำเร็จ มันก็ไม่เพียงแต่ผู้คนในมณฑลลู่จะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น แต่ทุกเมืองภายใต้มณฑลลู่ก็ยังจะได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนมากกว่าหลักล้านคน!
หากเขาได้รับความรักจากผู้คนมากมายขนาดนี้ แสงสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของ "ความรัก" ก็จะต้องเติบโตขึ้นจนสมบูรณ์อย่างแน่นอน
“ หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมด แสงสีขาวก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางทีมันอาจจะกลายเป็นอันแรกที่สมบูรณ์ก็ได้” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง ในขณะที่เขากำลังมีความสุข เขาก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยเช่นกัน
“ อย่างไรก็ตาม แสงสีดำที่เป็นสัญลักษณ์ของความเกลียดชังก็ยังไม่เคยเพิ่มขึ้นเลย ทำไมคนถึงเกลียดฉันน้อยจัง มันมีวิธีอะไรที่จะทำให้ทุกคนเกลียดชังฉันได้บ้างไหมนะ”
จริงๆ แล้วมันก็มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังเขา แต่อารมณ์ส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ความกลัว และความสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีความเกลียดชังใดหลงเหลือให้เขาได้เก็บสะสมเลย
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็มองไปที่ถนนด้านนอกสำนักงาน
แสงสีเทานับพันกำลังส่องแสงเจิดจ้า
นี่คือแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของความเศร้า
ทหารชั้นยอดหลายพันนายที่ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ได้นำมานั้นกำลังถูกไล่สังหารโดยฮุ่ยฉี
….
ในขณะนี้ ถนนด้านนอกสำนักงานเทศมณฑลก็เต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูก มันก็คือเสียงกรีดร้อง เสียงคร่ำครวญ และเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ!
และทั้งหมดนี้ก็เป็นผลมาจากการสังหารหมู่แต่เพียงผู้เดียวของฮุ่ยฉี!
มันเหมือนกับหมาป่าที่หลุดเข้าไปในฝูงแกะ
ไม่มีทหารคนใดสามารถทำร้ายเขาได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเบาอย่างดาบและกระบี่ หรือจะอาวุธหนักอย่างกระบองและค้อน ทั้งหมดล้วนแต่ไร้ประโยชน์
ทันทีที่อาวุธเหล่านี้เข้ามาใกล้ฮุ่ยฉี ร่างวิญญาณมังกรเพลิงก็จะบินออกมาจากหลังของเขา จากนั้นมันก็จะกวาดเอาอาวุธเหล่านี้ออกไปในทันที
ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเผาไหม้ผู้ถือครองอาวุธเหล่านั้นจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ในเวลาเดียวกัน ตัวฮุ่ยฉีเองก็ยังมีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่การบตวัดข้อมืออย่างสบายๆ ก็ยังสามารถบดขยี้ทหารสามถึงสี่คนได้ในทันที
เขาทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังที่มิอาจหยุดยั้งได้
ไม่มีการพูดเกินจริงเลย
ไม่ว่าฮุ่ยฉีจะโบกกำปั้นหรือใช้ฝ่ามือ วิญญาณของมังกรเพลิงก็จะปรากฏขึ้นบนแขนของเขาและพันรอบแขนของเขาอย่างแน่นหนา
สิ่งนี้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหลายสิบเท่า
และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังดังกล่าว แม้แต่เกราะเหล็กที่ขัดเกลามาแล้วก็ยังกลายเหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่สามารถต้านทานการโจมตีแม้แต่เพียงครั้งเดียวได้เลย
ชุดเกราะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และร่างของทหารเหล่านั้นก็ถูกเจาะทะลุด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
แม้แต่ทหารที่บางรายก็ยังถูกทุบกลายเป็นเนื้อบดโดยไม่สามารถเลี่ยงได้
แทบจะไม่มีศพใดที่ดูเหมือนกับมนุษย์เลยหลังจากถูกโจมตี
เขาแข็งแกร่งเกินไป!
ซูเฟิงอัน, หลิวหลี่เต๋าและเฉินตงต่างก็ตกตะลึงในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูฮุ่ยฉีไล่สังหารทุกคนเพียงลำพัง
นี่เป็นพลังที่มนุษย์สามารถครอบครองได้จริงหรอ!
อันที่จริง ในตอนที่ฮุ่ยฉีพุ่งเข้าไปในฝูงชน พวกเขาทั้งสามก็ตกใจมาก และกลัวว่าฮุ่ยฉีจะถูกฆ่า
ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารชั้นยอดติดเกราะและอาวุธหลายพันคน แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตสัมผัสโลกาก็ยังไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปประจันหน้า
นอกจากนี้ ฮุ่ยฉีก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียน
แม้ว่าฮุ่ยฉีจะมีสิ่งที่เรียกว่า “อักขระ” ที่ซุยเฮ็งมอบให้เขา แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่าอักขระนั้นมีประโยชน์อย่างไร
“ ท่านผู้ว่าการ นี่คือ…” หลิวหลี่เต๋าชี้ไปข้างนอกด้วยความตกใจและเอ่ยถามซุยเฮ็ง “ นี่คืออักขระที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”
“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ มันเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าได้คิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของมันจะไม่เลวเลย”
เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ?
ไม่เลวเลย?
พวกเขาทั้งสามคนพูดไม่ออก
ถ้านี่ถือเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ แล้วขอบเขตเซียนเทียนกับขอบเขตสัมผัสโลกาจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยขนาดไหนกัน?
นี่คือปรมาจารย์เซียนเทียนที่กำลังไล่ฆ่าทหารชั้นยอดติดอาวุธหลายพันคนแบบตัวคนเดียว!
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล มันก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
หากข่าวเรื่องเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ถูกแพร่กระจายออกไป มันก็คงจะช็อกโลกอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ในร้านอาหารต่างก็ตกตะลึง
“ เป็นไปได้อย่างไร? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
ซุนผานซื่อมองไปที่ถนนด้านล่างด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขามองไปที่ทหารที่ถูกฮุ่ยฉีตบจนตายและเกือบจะสงสัยว่าเขากำลังฝันอยู่
คนเหล่านี้คือทหารชั้นยอดหลายพันคนที่สวมชุดเกราะและติดอาวุธครบมือ นอกจากนี้ พวกเขาทุกคนก็ยังรู้วรยุทธ์ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าทหารทั่วไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย
มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาที่จะฆ่ายอดฝีมือระดับแนวหน้าของโลกด้วยกัน!
แบบนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงถูกฆ่าเหมือนกับไก่แบบนี้?!
ข้างเขา เหอเฉิงเหมาและพระจิงคงก็เริ่มสั่นสะท้านแล้ว เมื่อมองไปที่ฉากด้านล่างและกลิ่นฉุนของเลือด พวกเขาก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขากำลังด้านชาและขาของพวกเขาก็เริ่มอ่อนแรง
“ นายน้อยหวังอยู่ที่ไหน? นายน้อยหวังหายไปไหนแล้ว!” ทันใดนั้นเหอเฉิงเหมาและพระจิงคงก็นึกขึ้นได้ว่าหวังจินเซิงบอกว่าเขาจะออกไปจัดการเอง
ไม่ใช่ว่าเขาสามารถเอาชนะชายคนนั้นได้อย่างง่ายดายเมื่อตอนกลางวันหรอกหรอ?
“ ใช่ ใช่ ผู้อาวุโสหวังหายไปไหนกัน!” ทันใดนั้นซุนผานซื่อก็ตอบสนอง เขามองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่พบหวังจินเซิงเลย
“ เผิงหลานจื่อและอู๋หยางเจินเองก็หายไปแล้วเช่นกัน!” เหอเฉิงเหมาอุทานออกมา ความกลัวในดวงตาของเขานั้นลึกล้ำ “ อย่าบอกนะว่าทั้งคู่หนีไปแล้ว!”
“ แม้แต่หวังจินเซิงก็ยังหนีไปแล้วหรอ?!” พระจิงคงทรุดลงกับพื้นและพึมพำว่า “ จบแล้ว มันจบแล้ว..”
การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าทหารชั้นยอดหลายพันคนได้ด้วยตนเพียงลำพังนั้นเป็นเหมือนกับเอาตัวเองไปเสนอให้นรก
“ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ! หวังจินเซิงไอ้สารเลว!” ซุนผานซื่อตะโกนก้อง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว เขาเกือบจะกลายบ้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะระบายความโกรธของเขาอีกต่อไป เขาพลิกโต๊ะในห้องส่วนตัวและใช้เคล็ดวิชาตัวเบาเพื่อกระโดดออกจากหน้าต่างอีกด้านไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ซุนผานซื่อกระโดดออกมา เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันมีแรงดึงที่ทรงพลังมากได้รั้งเขาเอาไว้อยู่
เขามองลงไปและรู้สึกว่าวิญญาณของเขาเกือบจะหลุดออกมาจากร่างในทันที เขาเหงื่อแตกและตกใจมาก “ ขอบเขตเซียนเทียน?!”
ในตอนนี้ ฮุ่ยฉีก็กำลังยกมือขึ้นและใช้พลังปราณเพื่อจับซุนผานซื่อซึ่งกำลังจะหลบหนีเอาไว้
“ ซุนผานซื่อแห่งสำนักไท่ชง เจ้าสนับสนุนพวกพ่อค้าชั่วและทำร้ายประชาชนจำนวนมาก มาดูกันสิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!” ฮุ่ยฉีตะโกนขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้คนรอบข้างได้ยินเสียงของเขา
นี่คือการเปิดเผยตัวตนของซุนผานซื่อเพื่อให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสยาของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน พระจิงคงและเหอเฉิงเหมาซึ่งกำลังเตรียมจะหลบหนีเองก็ได้ถูกจับเอาไว้เช่นกัน
ครู่ต่อมา ฮุ่ยฉีก็พาทั้งสามคนไปหาซุยเฮ็งและพูดด้วยความเคารพว่า “ ท่านผู้ว่าการ ครั้งนี้ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved