ตอนที่ 119

บทที่ 119 : งานเลี้ยงชีวาสวรรค์

ไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นจริงหรือปลอม

แต่เนื่องจากซุยเฮ็งได้พูดมันออกมาในตอนนี้แล้ว ดังนั้นมันจึงหมายความว่าเขาต้องการจะฆ่าพวกเขาแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเขาจึงต้องโจมตีศัตรูก่อนโดยธรรมชาติ

แทนที่จะตายโดยไม่ขัดขืน มันก็ดีกว่าที่จะเสี่ยงต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

ก่อนเผชิญหน้ากับซุยเฮ็ง หวังตงหลินก็เคยคิดที่จะหลบหนี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเผชิญหน้ากับซุยเฮ็งจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างซุยเฮ็งที่มีต่อตระกูลหวัง...

เขาก็ได้ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง

มีดสั้นที่อยู่ในมือของหวังตงหลินเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีเพียงทูตสวรรค์จากโลกเบื้องบนเท่านั้นจึงจะสามารถถือครองได้ มันเป็นอาวุธเซียนระดับเซียนมนุษย์

มันทรงพลังมาก!

ด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่เซียนมนุษย์ก็ยังอาจตายได้หากถูกกระบี่เล่มนี้ฟันเข้าที่คอ

และนี่คือเหตุผลที่หวังตงหลินกล้าที่จะเดิมพัน

นอกจากนี้ อาวุธชิ้นนี้ก็ยังสามารถยับยั้งและควบคุมพลังแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพีได้ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงสามารถทำให้ซุยเฮ็งเคลื่อนไหวช้าลงได้

เปลวเพลิงได้จุดไฟที่แผดเผาเป็นชั้นๆ บนมีดสั้นและเพิ่มพลังของมัน

….

เมื่อใช้ความสามารถเหล่านี้พร้อมกัน เอฟเฟกต์ต่างๆ จึงทับซ้อนกันและเพิ่มออร่าของหวังตงหลินขึ้นมาหลายเท่าในทันที

และในขณะที่เขาโบกมีดสั้น มีดสั้นจึงส่องแสงสว่างไสวออกมาด้วย!

แสงรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวยาว 1,000 ฟุตได้พุ่งออกมาจากใบมีด เศษพลังที่รั่วออกมาจากมันพุ่งไปโดนศีรษะของหัวหน้าตระกูลหวังทั้งแปดที่อยู่ข้างหลังเขาและทิ้งหมอกเลือดไว้เบื้องหลังในทันที

บู้มมมม!

เสียงระเบิดโครมครามดังขึ้น ห้องประชุมที่อยู่ไม่ไกลได้พังทลายลงในทันที เหวลึกที่มีความลึกหลายสิบฟุตได้กระจายตัวออกไปทุกทิศทุกทางโดยมีหวังตงหลินเป็นจุดศูนย์กลาง

ลำแสงจันทร์เสี้ยวยาว 1,000 ฟุตนี้ทรงพลังที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มันเป็นแกนหลักของการโจมตีครั้งนี้ และมันก็ล็อคเป้าไปที่ซุยเฮ็ง “ ตาย!!”

หวังตงหลินเล็งไปที่คอของซุยเฮ็งและส่งเสียงคำรามออกมาสุดปอด

ในขณะนี้ ความมั่นใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

หวังตงหลินผู้ซึ่งถืออาวุธขอบเขตเซียนมนุษย์กำลังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพละกำลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งมันก็เหนือกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทุกคน

นอกจากนี้ เขายังเชื่ออีกว่าเขาจะสามารถฆ่าซุยเฮ็งได้!

อย่างไรก็ตาม เมื่อแสงจันทร์เสี้ยวนี้มาถึงหน้าซุยเฮ็ง ซุยเฮ็งก็ได้ยกมือขวาขึ้นและงอนิ้วกลางเพื่อดีดมันออกไปข้างหน้าเบาๆ

เคล้งงง!

เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นในทันใด เสียงนี้สั่นคลอนจิตใจและทำให้หนังศีรษะของทุกคนในตระกูลหวังรู้สึกเสียวซ่า

แสงจันทร์เสี้ยวยาวหนึ่งพันฟุตแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน มันกระจายออกไปทุกทิศทุกทางในทันที และยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับซุยเฮ็งเลย

ในเวลาเดียวกัน มีดสั้นขอบเขตเซียนมนุษย์ในมือของหวังตงหลินก็ยังแตกออกเป็นเศษโลหะจำนวนนับไม่ถ้วนและตกลงสู่พื้นกลายเป็นกองเศษเหล็ก

เขามองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างสุดขีด

นี่คืออาวุธขอบเขตเซียนมนุษย์นะ!

มันเทียบได้กับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์!

การทำลายอาวุธเซียนในระดับนี้ได้นั้นก็หมายความว่าเขาสามารถฆ่าเซียนมนุษย์ได้!

นอกจากนี้ เขายังสามารถฆ่าเซียนมนุษย์ได้ด้วยการดีดนิ้ว?!

นี่มันไร้สาระเกินไป!

อย่างไรก็ตาม พลังที่เกิดจากการดีดนิ้วของซุยเฮ็งนั้นก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่เขาคิด

บู้มมมม!

หลังจากที่แสงจันทร์เสี้ยวถูกทำลาย หวังตงหลินก็ได้ยินเสียงดังหนวกหูปรากฎขึ้นข้างหลังเขา

สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อขึ้นในขณะที่เขาค่อยๆ หันกลับมาโดยไม่รู้ตัว

เขาเห็นผืนแผ่นดินและท้องฟ้าถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

และทุกอย่างด้านหลังเขาก็ได้เหลือเพียงความว่างเปล่า

แม้แต่หวังฮัวอี้ที่โชคดีหลบแสงจันทร์เสี้ยวมาได้เองก็ยังถูกพลังของการดีดนิ้วนี้ทำลายลงและสลายกลายเป็นขี้เถ้า

เมื่อสมาชิกของตระกูลหวังที่เหลือเห็นฉากนี้ พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงกับพื้นและนั่งตัวสั่น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

พลังคืออะไร?

นี่แหละคือพลัง!!

ในที่สุดหวังตงหลินก็ยอมแพ้ เขาคุกเข่าลงกับพื้นและคลานไปข้างหน้า ซุยเฮ็ง เขาสูดหายใจเข้าลึกและกัดฟัน “ เชิญฆ่าข้าได้เลย”

“ เจ้าจะไม่ร้องขอความเมตตาใช่ไหม?” ซุยเฮ็งมองลงไปที่หวังตงหลินและหัวเราะเบาๆ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นแสงสีเทาหนาบนร่างของหวังตงหลิน นี่คือแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์เศร้า และมันก็ยังเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ ท่านบอกว่าท่านเป็นอาจารย์ของเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบและราชาสวรรค์หงหวู่ แบบนั้นแล้วข้าจะยังหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร?” หวังตงหลินยิ้มอย่างขมขื่น “ ท่านไม่จำเป็นต้องถามอะไรข้า และข้าก็จะไม่พูดอะไรเลย”

“ อย่างนั้นหรอ?” ซุยเฮ็งยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขาใช้พลังปราณของเขาเพื่อยกแผ่นดินให้สูงมากยิ่งขึ้นไปอีก

โคร่มมม!

จู่ๆ หวังตงหลินก็ได้ยินเสียงดังโครมครามดังมาจากพื้นข้างใต้เขา

ในเวลาเดียวกัน ลมแรงพัดลงมาจากด้านบนอีกครั้ง ครั้งนี้แรงลมนั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อนมากเสียจนทำให้เขาโงหัวไม่ขึ้นด้วยซ้ำ

มันสูงขึ้นอีกแล้ว!

หวังตงหลินตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าคฤหาสน์ของตระกูลหวังและแผ่นดินเบื้องล่างได้เริ่มห่างกันมากขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้พวกเขาอยู่สูงกว่า 40,000 ฟุตจากผืนดินแล้ว

ซุยเฮ็งกำลังพยายามจะทำอะไรกัน!

หวังตงหลินรู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ และหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ความหนาวเย็นที่รุนแรงก็ยังเริ่มกัดกร่อนร่างกายของเขา

พลังขอบเขตเทพไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะปกป้องเขาและปล่อยให้เขาอยู่รอดบนท้องฟ้าแห่งนี้

แต่กระนั้น คฤหาสน์ก็ยังคงลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ!

แม้แต่แสงแดดก็ยังค่อยๆ หายลับไป หวังตงหลินรู้สึกราวกับว่าเขาได้ตกอยู่ในค่ำคืนชั่วนิรันดร์

เขามองไปรอบๆ จากหางตา แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นก็มีเพียงความมืด เขามองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของเขาเอง

“ นี่ยังเป็นท้องฟ้าอยู่อย่างงั้นหรอ?” ลมหายใจของเขาหยุดลง และสติของเขาก็พร่ามัว ความคิดในใจของเขาช้าเฉื่อยลงมาก “ หรือว่าข้าจะตายไปแล้วกัน?”

ในขณะนี้ หวังตงหลินจู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาสว่างขึ้น ราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนจากกลางคืนไปสู่กลางวันอย่างกะทันหัน เขาเห็นร่างของซุยเฮ็งอีกครั้ง และเขาก็สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างเขาได้อย่างชัดเจน

ที่แห่งนี้ดูสูงเสียดฟ้า และแผ่นดินด้านล่างก็ดูเล็กจ้อย

แต่น่าแปลกที่มันไม่มีแรงลมใดๆ ด้านบนนี้

รอบตัวเขามีสีสันนับไม่ถ้วนปะปนกัน พวกมันเป็นวงแหวนแห่งแสงหรือเข็มขัดแห่งแสง พวกมันพุ่งเข้าปะทะกันและระเบิดกลายเป็นแสงพร่างพราวออกมา

ถึงกระนั้น แสงสว่างเหล่านี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และฉากที่มีสีสันนับไม่ถ้วนก็ได้หายไปจากสายตาของหวังตงหลิน

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขากลับมามืดมนอีกครั้ง

หวังตงหลินรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจมลงสู่ก้นบึ้งอีกครั้ง

การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้นั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างสุดจะพรรณนา

นี่เป็นการทรมานจิตใจอย่างมาก

“ บอกข้ามาเกี่ยวกับราชาสวรรค์หงหวู่และเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบ” เสียงของซุยเฮ็งไม่ได้มีความอ่อนโยนเหมือนเดิมอีกต่อไป ในเวลานี้ น้ำเสียงของเขาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเย็นชา “ จงบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้โดยเริ่มจากตัวของเจ้าเอง”

เมื่อหวังตงหลินได้ยินเสียงของซุยเฮ็ง เขาก็รู้สึกว่าความผิดปกติทั้งหมดในร่างกายของเขาได้หายไป การหายใจของเขากลับมาเป็นปกติ และเขาก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป แม้แต่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ยังถูกปัดเป่าออกไปด้วยลูกบอลแสงที่ลอยอยู่ด้านบน

“ ข้า.. ข้าจะพูด ข้าจะพูดแน่นอน!” หวังตงหลินหายใจเข้าลึกๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการสามารถหายใจได้ตามปกตินั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก

เดิมทีเขาคิดว่าเขายอมตายดีกว่าพูดอะไร เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะต้องตายอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม หลังจากเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาเพิ่งจะประสบมา เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาคิดผิด

มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่!

แม้ว่าผลลัพธ์ทั้งสองจะเหมือนกัน แต่ก่อนตายมันก็เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกัน!

หวังตงหลินสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยและหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “ ข้ามีนามว่าหวังตงหลิน ข้าเป็นศิษย์ของตระกูลหวังแห่งต้าโจวในโลกสูญสวรรค์ ข้าเป็นบุตรชายคนที่ 31 ของผู้นำคนปัจจุบัน”

“ ในฐานะศิษย์คนสุดท้องของตระกูลหวังในเจียงตง ครั้งหนึ่งข้าก็เคยติดตามท่านพ่อไปที่ตระกูลเป่ยแห่งหลินเจียงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางในโลกเบื้องบนเพื่อเข้าร่วมในงานเลี้ยงชีวาสวรรค์…”