ตอนที่ 121

บทที่ 121 : นี่คือการทดลอง นี่คือจักรวาล

“ ข้า... ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

หวังตงหลินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เขาก็รีบอธิบายว่า “ แต่ข้ารู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนนี้ท่านเป็นผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจวแล้ว ดังนั้นท่านจึงน่าจะรู้แล้วถึงการมาถึงของโอกาสเซียน”

“ ที่จริง มันก็ไม่ใช่แค่โลกเบื้องล่างที่ต้องเตรียมพิธีกรรมเท่านั้น แต่เซียนและพระอรหันต์จากโลกเบื้องบนเองก็ยังต้องเตรียมพร้อมก่อนที่จะลงมาด้วยเช่นกัน พวกเขาจะต้องเตรียมอาวุธเซียนที่ได้รับมาจากสำนักเซียน”

“ ตราบใดที่มันไม่มีปัญหาใดๆ กับพิธีกรรมในโลกเบื้องล่าง หลังจากที่เซียนและพระอรหันต์จากโลกเบื้องบนลงมาเสร็จ พลังปราณที่ไร้รูปแบบก็จะรวมตัวกันบนอาวุธเซียนและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำค้าง และหลังจากเจ็ดวันผ่านไป พวกมันก็จะตกตะกอนกลายเป็นผลึก”

“ เมื่อเรากลับไปยังโลกเบื้องบน หยาดน้ำค้างก็จะรวมตัวกันเป็นชุด และนี่ก็คือผลึกน้ำค้างสวรรค์”

“ จำนวนของผนึกน้ำค้างสวรรค์ที่เราสามารถรวบรวมได้ในแต่ละครั้งนั้นจะแตกต่างกันออกไป อย่างมากสุด มันก็เก็บได้ 70 ถึง 80 และอย่างน้อยสุดก็ 30 ถึง 40”

“ หากตระกูลขุนนางทั้ง 24 ตระกูลและตระกูลที่โด่งดังทั้งเก้าต้องการจะแลกเปลี่ยนกับยาเซียน พวกเขาก็จำเป็นจะต้องบริจาคผลึกน้ำค้างสวรรค์ให้กับสำนักเซียน 9 ชิ้นสำหรับเซียนมนุษย์ และ 36 ชิ้นสำหรับเซียนปฐพี

“ อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงจำนวนที่จำเป็นในตอนแรกเท่านั้น โควต้าใหม่จาก 60 ปีที่แล้วคือต้องการเพิ่มจากเดิมเป็นสองเท่า

“ 18 ชิ้นสำหรับเซียนมนุษย์และ 72 ชิ้นสำหรับเซียนปฐพี กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเราโชคไม่ดี เราก็อาจไม่สามารถสร้างเซียนมนุษย์ได้ถึงสองคนต่อร้อยปีด้วยซ้ำ”

“ สิ่งนี้ต้องใช้ระยะเวลา 100 ปีเลยสินะ” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย

เขารู้สึกมานานแล้วว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับโอกาสเซียนร้อยปีนี้

ตามข้อมูลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ เหล่าเซียนและพระอรหันต์จากโลกเบื้องบนนั้นดูเหมือนจะมาที่นี่เพื่อมอบความมั่งคั่งเป็นพิเศษ พวกเขาบริจาคสมบัติและโอกาสเซียนอย่างไม่เห็นแก่ตัว

และเห็นได้ชัดว่ามันไม่มีเหตุผล!

แต่เมื่อผนวกกับการรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์เข้ามาด้วย มันก็สมเหตุสมผลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงมีคำถาม “ จำนวนของผลึกน้ำค้างสวรรค์ที่สามารถรวบรวมได้ทุกครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับโชคเท่านั้นจริงๆ หรอ?”

“ นี่ ข้ายังไม่ใช่เซียนมนุษย์ ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจนัก ข้าเพิ่งจะได้ยินข่าวลือและคาดเดาบางอย่างมาได้…” หวังตงหลินดูเหมือนจะกลัวมาก เขาก้มศีรษะลงและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ สำนักหลักของโลกเบื้องบนมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับชื่อเสียงของสำนักในโลกเบื้องล่าง เมื่อ 300 ปีก่อน ตระกูลหวังแห่งหลางหยาก็เกือบจะถูกกำจัด ชื่อเสียงของพวกเขาเสียหายอย่างมากและพวกเขาก็เสียหน้าอย่างมาก และเมื่อ 200 ปีที่แล้วและ 100 ปีที่แล้ว เราจึงไม่ได้ส่งเซียนลงมาเพื่อรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์”

“ 300 ปีที่แล้ว?” ดวงตาของซุยเฮ็งหดแคบลงเล็กน้อย เขารู้ดีว่าทำไมหวังตงหลินถึงกลัว เขายิ้มและพูดว่า “ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ในเวลานั้น หงหวู่ก็ได้สังหารยอดฝีมือขอบเขตเทพทุกคนบนโลกและแม้กระทั่งกวาดล้างตระกูลขุนนางที่กดหัวประชาชน นี่จึงกลายเป็นแหล่งที่มาของผลึกน้ำค้างสวรรค์ในโลกเบื้องบน!”

หวังตงหลินคุกเข่าลงบนพื้น เขาไม่กล้าส่งเสียงในขณะที่เขาตัวสั่น

ในขณะนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับราชาสวรรค์หงหวู่อย่างแน่นอน

แต่กระนั้น เขาก็ไม่กล้าพูดมันออกไป

ความกลัวที่เกิดจากความมืดและความหนาวเย็นก่อนหน้านี้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก

“ เมื่อ 300 ปีที่แล้ว หงหวู่เองก็ถูกผู้คนจากโลกเบื้องบนวางแผนต่อต้านด้วยหรอ?” ซุยเฮ็งถาม “ แล้วผลลัพธ์ของเขาเป็นอย่างไร?”

“ ข้าไม่รู้ 300 ปีที่แล้วมันนานเกินไป” หวังตงหลินใช้สมองเพื่อค้นหาสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับราชาสวรรค์หงหวู่ และทันใดนั้น มันก็ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้และรีบพูดขึ้นว่า “ อย่างไรก็ตาม ข้า.. ข้าก็ได้ยินมาจากผู้อาวุโสของข้าว่าเราจะต้องระวังการกลับมาของหงหวู่ ดังนั้นนี่จึงน่าจะหมายความว่าเขายังไม่ตายจริงๆ”

“ …ก็บางที” ซุยเฮ็งสามารถบอกได้ว่ามันไม่ได้น่าเชื่อมากนักที่จะถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนกับผู้ฝึกตนขอบเขตเทพอย่างหวังตงหลิน เขาถามต่อว่า “ ถ้าอย่างนั้นแล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายของเหิงเซียนผู้สมบูรณ์แบบเป็นยังไง?”

“ มีคนบอกว่าเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบแห่งสำนักเซียนอรุณนั้นได้หายตัวไปหลังจากฆ่าพระมหาโพธิสัตว์แห่งโถงพุทธมามกะเป่าหลินลงเสร็จ” หวังตงหลินรู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อย ด้วยขอบเขตและสถานะของเขา เขาจึงไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก

“ นางไม่ได้ไปที่โลกสูญสวรรค์หรอ?” ซุยเฮ็งถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

สิ่งที่หวังตงหลินพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เขารู้มาก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันจึงไม่มีค่าอะไรมากนัก

“ ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” หวังตงหลินส่ายหัว

“…” ซุยเฮ็งเงียบลง

จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าแม้ว่าเจียงฉีฉีจะไปที่โลกสูญสวรรค์จริง แต่เธอก็คงจะไม่ใช้ชื่อเหิงเซียต่อ

หวังตงหลินเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเทพเท่านั้น ดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้เรื่องดังกล่าว

จากนั้นซุยเฮ็งได้ถามคำถามอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้ก็มีแต่จะทำให้เขาผิดหวัง

หวังตงหลินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์ที่แท้จริงของราชวงศ์ต้าโจวกับตระกูลหลินแห่งหลินเจียงเป็นยังไง

เขารู้เพียงข้อมูลผิวเผินเกี่ยวกับพวกเขา และไม่ต้องพูดถึงตำหนักเต๋าอี้เลย

นอกจากนี้ เขาก็ยังรู้เพียงข้อมูลผิวเผินเกี่ยวกับประวัติของโลกสูญสวรรค์

ตัวอย่างเช่น เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว สำนักเซียนทั้งเก้าได้สั่งสอนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในถิ่นทุรกันดาร และเมื่อ 3,000 ปีก่อน พวกเขาก็ได้ติดต่อกับตำหนักเต๋าอี้และได้บังคับพวกเขาในการขึ้นสู่สวรรค์ เมื่อ 2,000 ปีก่อน อารามใหญ่ทั้งสามก็ได้ปรากฏขึ้น นอกจากนี้ เขาก็ยังรู้เกี่ยวกับราชวงศ์ที่ผงาดขึ้นและล่มสลายในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา

แต่กระนั้นเขาก็ไม่ค่อยจะเข้าใจข้อมูลและความลับเกี่ยวกับแก่นแท้ของโลกของพวกเขามากนัก

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับไปยังโลกเบื้องบนจากโลกเบื้องล่างได้อย่างไร?

เขาทำได้เพียงรอให้ระยะเวลาหนึ่งร้อยปีสิ้นสุดลงก่อนที่จะกลับไปพร้อมๆ กับเซียนมนุษย์จากตระกูลของเขา

ไม่นานนัก ทุกอย่างที่หวังตงหลินรู้ก็ถูกคายออกมาจนแห้งเหือด นี่เป็นเรื่องปกติมาก และขณะเดียวกัน ซุยเฮ็งก็รู้สึกเช่นกันว่าเขาไม่ควรจะคาดหวังอะไรกับผู้ฝึกตนขอบเขตเทพให้มากนัก

เขาต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจริงๆ

แต่มันก็เป็นการดีกว่าที่จะรอให้เซียนและพระอรหันต์แห่งโลกเบื้องบนลงมาและจับพวกเขามาเพื่อซักถาม

“ ท่านเทพเซียนผู้สูงส่ง…” เมื่อเห็นว่าซุยเฮ็งไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลานาน หวังตงหลินก็รู้สึกสับสนอย่างมาก เขาหมอบลงกับพื้นและพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ เรียนท่านเทพเซียนผู้สูงส่ง ท่านช่วยฆ่าข้าเลยจะได้ไหม”

“ ข้ายังไม่คิดจะฆ่าเจ้าในตอนนี้” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ส่ายหัวและยิ้ม “ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าฆ่าเจ้าและทำลายตระกูลหวังแห่งหลางหยาเลย? มันจะทำให้ตระกูลหวังในโลกเบื้องบนหวาดกลัวไหม? แล้วถ้าพวกเขาไม่ลงมาล่ะ?”

“ ท่านเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ นี่ท่านหมายความว่าท่านต้องการจะให้ข้าเป็นเหยื่อล่ออย่างงั้นหรอ?” หวังตงหลินเหงื่อออกพลั่กในทันที นี่เองก็เป็นเส้นทางสู่ความตายเช่นกัน

“ ข้าคิดว่างั้น” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและชี้ไปข้างหลังเขา

เมื่อพลังปราณของเขาเริ่มไหลเวียน ทุกสิ่งที่ได้ถูกทำลายลงไปก่อนหน้านี้ก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม

ช่องว่างยาว 3,000 ฟุตบนพื้นหายลับไป ห้องประชุมที่พังยับเยินและอื่นๆ ล้วนกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ราวกับว่าพวกมันไม่ได้ถูกทำลายลงไปเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่าผู้ที่ตายไปแล้วย่อมไม่ฟื้นคืนชีพ

แต่ถึงกระนั้น ฉากนี้ก็ยังทำให้หวังตงหลินตกตะลึงอย่างมาก

อย่างที่ทุกคนทราบกันดี การฟื้นฟูนั้นยากกว่าการทำลายมาก แต่ในตอนนี้ ซุยเฮ็งก็ได้บูรณะคฤหาสน์ของตระกูลหวังให้กลับมาสู่สภาพเดิมได้อย่างง่ายดาย

“ อ๋อ มีเจ้านี่ด้วยสินะ” ซุยเฮ็งมองไปที่เศษมีดสั้นบนพื้นและยกมือขึ้น เขาชี้ไปที่เศษเสี้ยวแสงวาบและจากนั้นอาวุธขอบเขตเซียนมนุษย์ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม!

“ นี่ นี่…” หวังตงหลินตกตะลึง เขามองไปที่มีดสั้นด้วยความเหลือเชื่อและตกใจอย่างมาก “ เขาเป็นตัวตนแบบไหนกัน? เซียนสวรรค์? ราชาสวรรค์?!”

เขาสามารถซ่อมอาวุธขอบเขตเซียนมนุษย์ได้ในทันที!

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!

ซุยเฮ็งรวบรวมแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดที่ปรากฏอยู่บนร่างกายของหวังตงหลินด้วยความพึงพอใจ

สิ่งที่เขาเพิ่งทำไปนั้นก็เพื่อรวบรวมแสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดและก็เพื่อข่มขู่หวังตงหลิน

อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกว่าการข่มขู่แบบนี้มันยังไม่เพียงพอ

“ ตอนนี้เราอยู่สูงกว่า 300,000 ฟุตแล้ว แบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรอีกดีนะ” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง “ ฉันควรจะโยนเขาลงไปจากตรงนี้แล้วจับเขาก่อนที่เขาจะถึงพื้น หรือว่า…”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองในทันที

ที่ความสูง 300,000 ฟุต เขาก็ได้มาถึงขอบของชั้นบรรยากาศแล้ว ถ้าเขายังคงบินขึ้นไปอีก มันก็มีโอกาสมากที่เขาจะได้ลอยร่องไปในจักรวาล

ต้าจินไม่ใช่โลกที่พิเศษ แต่มันเป็นดาวเคราะห์ มันตั้งอยู่บนอวกาศและใครๆ ก็สามารถรับรู้สิ่งนี้ได้เหมือนๆ กัน

“ ด้วยสถานะในปัจจุบันและการฝึกตนของฉัน ตราบใดที่ฉันยังคงบินขึ้นไป ฉันก็จะสามารถผ่านชั้นบรรยากาศและไปถึงความว่างเปล่าของจักรวาลได้ในไม่ช้า” ซุยเฮ็งเงยหน้าขึ้นมองและตกอยู่ในภวังค์ความคิด

“ ถ้าฉันพาตระกูลหวังแห่งหลางหยาออกไป ผลของการข่มขู่ก็น่าจะดีขึ้นมาก แต่ร่างกายของฉันจะสามารถบินออกไปในอวกาศได้จริงๆ หรอ?”

เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่เคยออกไปนอกอวกาศจริงๆ มาก่อน และเขาก็ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกรณีใดๆ ของร่างกายที่บินผ่านอวกาศได้

สุญญากาศในจักรวาล รังสีทุกชนิด และสิ่งแปลกปลอมมากมายจะเป็นอันตรายต่อเขาหรือไม่?

ซุยเฮ็งไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ และเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้

อย่างไรก็ตาม มันก็น่าตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปจากโลกด้วยพละกำลังของตัวเขาเอง

หลังจากไปถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำแล้ว เขาก็มีร่างกายที่ทำลายไม่ได้และเป็นเทพผู้ไร้มลทินอันสมบูรณ์แบบ

ในขอบเขตนี้ สิ่งต่างๆ ในธรรมชาติก็ไม่ควรจะสามารถทำร้ายเขาได้

แม้แต่ความร้อนหลายพันองศาก็ยังไม่เป็นอันตรายต่อเขา

ในทางทฤษฎี แม้ว่าซุยเฮ็งจะอาบเพลิงบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ แต่เขาก็จะยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ

และถ้าเขาบินไปมาในอวกาศจริง มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

อย่างไรก็ตาม การคาดเดาทางทฤษฎีนั้นก็เป็นเพียงการคาดเดาทางทฤษฎี มันไม่ใช่สถานการณ์จริง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซุยเฮ็งก็ส่ายหัวและคิดกับตัวเองว่า “ ความลึกลับของจักรวาลนั้นกว้างใหญ่เกินไป ความรู้สึกของการได้เดินอย่างอิสระบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนั้นน่าดึงดูดก็จริง แต่มันก็ยังมีอันตรายที่ไม่รู้จบเช่นกัน ตอนนี้ฉันยังอ่อนแอเกินไป ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะกับฉันที่จะออกไปเสี่ยงชีวิตแบบนั้น”

มันเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกว่าเขาจะไปถึงขอบเขตรวมวิญญาณ...

ไม่สิ ถ้าฉันยังไม่เข้าใจสภาพแวดล้อมของจักรวาล ฉันก็ควรจะรอจนกว่าจะไปถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณจะดีกว่า...

“ แต่ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่แล้ว การไม่ทำอะไรเลยมันก็คงจะไม่ดีเช่นกัน” หัวใจของซุยเฮ็งเต้นไม่เป็นจังหวะในขณะที่เขามองไปที่หวังตงหลินซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น

ในขณะนี้ หวังตงหลินซึ่งยังคงคร่ำครวญว่าเขาโชคดีที่ยังไม่ตายจู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นเร็วขึ้นในขณะที่ความกลัวที่อธิบายไม่ได้ได้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้น?!

เทพเซียนผู้สูงส่งไม่ได้บอกว่าเขาจะไม่ฆ่าข้าหรอ?

“ ท่านเทพเซียนผู้สูงส่ง?” หวังตงหลินมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความกลัว แต่เขาก็เห็นว่าซุยเฮ็งเองก็กำลังมองมาที่เขาด้วยเช่นกัน

“ จากนี้ไป สิ่งนี้จะเป็นการทดสอบ” ซุยเฮ็งไม่ได้ตีรอบพุ่มและปล่อยพลังปราณจำนวนมากออกมาเพื่อห่อหุ้มหวังตงหลินเอาไว้ในทันที “ ช่วยข้าทดสอบสภาพแวดล้อมข้างนอกนั่นหน่อยนะ”

ชั้นของพลังปราณนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยหวังตงหลินแยกออกจากสภาพแวดล้อมภายนอกและปกป้องพลังชีวิตของเขาเอาไว้เท่านั้น แต่มันยังสามารถบันทึกข้อมูลสำหรับซุยเฮ็งเพื่อทำการศึกษาต่อได้

“ อะไรข้างนอกนะ!” ก่อนที่หวังตงหลินจะทันได้เข้าใจสถานการณ์ เขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ในชั่วพริบตา เขาก็เดินทางข้ามความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ภายใต้ชั้นแสงสีทอง

และแล้ว...

ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา และความกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็ได้เข้ามาครอบงำจิตใจของเขาในทันที

นี่คือจักรวาล!