ตอนที่ 283

บทที่ 284: ชื่อที่คุ้นเคย

จูคังเชิงตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ปราชญ์อย่างเขากำลังรู้สึกวิงเวียนจริงๆ

ผู้สร้างคนนี้กำลังพูดถึงอะไร?

เขาบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้สร้างและไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอบสวนเขา เขาแค่อยากจะมาถามว่าทำไมผีดิบเหล่านี้ถึงมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างงั้นหรอ?

นั่นคือทั้งหมดแล้วจริงๆ หรอ?

“ ข้า.. ข้ากำลังทำอะไรอยู่?” จูคังเชิงพึมพำ หัวใจของเขาแตกสลาย

เมื่อกี้เขาเกือบจะเปิดเผยความลับทั้งหมดออกไปแล้ว

นี่.. นี่มันอะไรกัน?

เมื่อคนอื่นถามข้าว่าจะไปที่โกดังได้อย่างไร ข้าก็ได้หยิบทุกอย่างในโกดังออกมาให้เขาซะแล้ว

ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร!

“ ปราชญ์จู เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ในขณะนี้ ทันใดนั้นเทพดวงดาวชงหยางก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ เป็นพรของเจ้าแล้วที่สามารถไขข้อสงสัยให้กับท่านเซียนผู้สูงส่งได้”

“…” จูคังเชิงสะดุ้งตื่นในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาคิดกับตัวเองว่า “ ถูกต้องแล้ว ข้ามีอะไรต้องเสียใจกัน”

“ แม้ว่าบุคคลนี้จะบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้สร้าง แต่ทัศนคติของเทพดวงดาวชงหยางที่มีต่อเขานั้นก็เต็มไปด้วยความเคารพอย่างมาก ฉะนั้นแล้ว บางทีการดำรงอยู่ที่สูงส่งและทรงพลังยิ่งกว่าผู้สร้างก็อาจจะเป็นการดำรงอยู่ที่เกินความเข้าใจของข้าไปก็ได้!”

“ นอกจากนี้ เขาก็ยังบอกด้วยว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอบปากคำข้า มันไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องหลอกลวงปราชญ์อย่างข้า เขาไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสวรรค์ราชันสุริยันจริงๆ เขาอาจจะมาจากที่อื่น”

“ หากเป็นกรณีนี้จริงๆ สิ่งที่ข้าเพิ่งทำไปนั้นก็เท่ากับการตอบคำถามมากมายก่อนที่อีกฝ่ายจะถาม ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้า”

เพื่อให้สามารถฝึกตนจนถึงระดับปราชญ์ได้ เขาก็ย่อมไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน

หลังจากได้ยินคำพูดของเทพดวงดาวชงหยางแล้ว จูคังเชิงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที

ด้วยเหตุนี้เอง ราวกับว่าเขาได้รับการรู้แจ้งแล้ว เขาคุกเข่าลงต่อหน้า ซุยเฮ็งและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง แม้ว่าหนังสือของตำหนักกาฬโรคจะหยาบ แต่พวกมันก็ยังบันทึกสิ่งโบราณไว้มากมาย”

“ ข้ายินดีที่จะเสนอหนังสือเหล่านี้ให้กับท่านเซียนผู้สูงส่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลการวิจัยทั้งหมดของตำหนักกาฬโรคก็ได้ถูกบันทึกไว้ในพวกมันทั้งหมด”

จูคังเชิงได้ตัดสินใจที่จะติดตามซุยเฮ็งแล้ว

นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ถูกสงสัยว่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้สร้างเสียอีก ดังนั้นถ้าเขาไม่เลือกติดตามอีกฝ่าย เขาก็คงจะตาบอดจริงๆ

“ ไม่เลวเลยที่เจ้ามีความคิดแบบนี้”

ซุยเฮ็งรับทราบความคิดของจูคังเชิง แต่เขาก็ยังคงส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “ เอาล่ะ ข้ายังมีบางสิ่งที่อยากจะถามเจ้า ข้าจะให้รางวัลที่น่าพึงพอใจแก่เจ้าสำหรับการตอบคำถามข้า”

จูคังเชิงมีประโยชน์มากสำหรับเขา แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะรักษาบุคคลดังกล่าวเอาไว้เคียงข้าง แล้วนับประสาอะไรกับการปกป้องตำหนักกาฬโรค

แม้ว่าจิตวิญญาณของการไล่ตามเต๋าอันยิ่งใหญ่นั้นจะน่านับถือ แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขาได้ทำร้ายสิ่งมีชีวิตไปนับไม่ถ้วน

เขาไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ใกล้ตัวเขาได้

จูคังเชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเข้าใจความหมายของซุยเฮ็งอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ข้าจะบอกท่านทุกอย่างอย่างแน่นอน”

“ ดีมาก” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและมองลงไป “ รอให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงก่อน”

….

เว่ยเฉิงไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาจะต้องมาร่วมมือกับเก๋าโชวซินในการกำจัดศัตรู

ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็ยังเพิ่งจะกลายเป็นปราชญ์!

ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!

เขาจะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร!

เก๋าโชวซินพึ่งพาเหล่าผีดิบในการหยุดฮุ่ยฉีเอาไว้

แต่กระนั้นเว่ยเฉิงก็ไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสเงาของฮุ่ยฉีได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ความเร็วของเขาก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงไร้ประโยชน์

ตลอดการต่อสู้ พวกเขาสองคนถูกปราบปรามลงอย่างสมบูรณ์

สงครามศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้ทุกคนในเมืองลู่หลิงตกตะลึง

ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือผู้ฝึกตน พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเมื่อเห็นการต่อสู้บนท้องฟ้า

ปราชญ์!

คนเหล่านี้ล้วนเป็นปราชญ์!

พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งและทรงพลัง!

แต่ตอนนี้พวกเขาก็กำลังถูกควบคุมโดยคนคนเดียว มันไร้สาระและน่าเหลือเชื่อเกินไป

โดยเฉพาะหลี่ฉวน

ในฐานะหัวหน้าตระกูลหลี่และยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ เขาก็รู้ดีว่าเว่ยเฉิงนั้นทรงพลังเพียงใด

เป็นเพราะเว่ยเฉิง พวกเขาถึงไม่กล้ายั่วยุสำนักมรณาเก้าสวรรค์

สำหรับตระกูลหลี่แล้ว เว่ยเฉิงก็เป็นท้องฟ้าสูงที่พวกเขาไม่สามารถยั่วยุได้

แต่ตอนนี้ ท้องฟ้าสูงนั้นก็ได้ถูกใครบางคนข่มเอาไว้!

ความรู้สึกนี้เป็นที่น่าพอใจมาก!

หลี่ฉวนมองไปที่ฉากบนท้องฟ้าและจ้องมองไปที่เว่ยเฉิงที่กำลังยุ่งเหยิง เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ดีดีดี!”

“ เจ้า.. เจ้าตะโกนเพื่ออะไร? เจ้าอยากตายหรอ!”

“ กล้าดียังไงหลี่ฉวน! เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร เจ้าต้องการให้ครอบครัวของเจ้าถูกกำจัดใช่ไหม!”

เทวาทั้งสองอดไม่ได้ที่จะตำหนิอีกฝ่าย

ท้ายที่สุดแล้ว การกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอก็เป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มความกล้าหาญเสมอ

น่าเสียดายที่พวกเขาลืมบางอย่างไป ในอดีต ตระกูลหลี่อ่อนแอต่อพวกเขาเพราะเว่ยเฉิงยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

แต่ตอนนี้ เว่ยเฉิงก็ไม่แม้แต่จะสามารถป้องกันตัวเองได้

“ น่าขัน! ใครกันกล้าด่าพ่อข้า!”

หลี่เฉิงยืนขึ้นโดยตรงและกวาดสายตามองไปที่เทวาทั้งสอง เขาเย้ยหยันและกล่าวว่า “ เจ้าหมาไร้สกุล ปราชญ์ของเจ้ากล้าที่จะรุกรานท่านเซียนผู้สูงส่งและแม้แต่โจมตีผู้พิทักษ์เฉิน มันกำลังรนหาที่ตายแล้ว!”

นามสกุลของฮุ่ยฉีคือเฉิน และตัวตนภายนอกของเขาก็คือผู้พิทักษ์ส่วนตัวของซุยเฮ็ง ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่ผิดที่หลี่เฉิงจะเรียกเขาว่าผู้พิทักษ์เฉิน

หลังจากการเย้ยหยันจบลง หลี่เฉิงก็ไม่เปิดโอกาสให้เทวาทั้งสองได้อธิบาย เขาปล่อยกำปั้นออกไปในเวลาเดียวกันและทุบไปที่หัวของพวกเขา

ปัง! ปัง!

พร้อมกับเสียงดังอู้อี้สองครั้ง หัวของเทวาทั้งสองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้แต่จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยังถูกทำลายลงโดยหมัดของหลี่เฉิง

พวกเขาไม่สามารถตายไปมากกว่านี้ได้แล้ว

หลี่ฉวนตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ เขามองไปที่ศพไร้หัวทั้งสองด้วยความงุนงงเป็นเวลานานก่อนที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ ฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ดีดีดี ตายไปซะ!”

จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงและหมอบกราบไปบนท้องฟ้า “ ขอบพระคุณท่านประมุขเซียน!!”

หลังจากถูกปราบปรามโดยสำนักมรณาเก้าสวรรค์มาเป็นเวลานาน ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสที่จะแก้แค้น ความรู้สึกนี้ช่างน่าพึงพอใจ

และทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นโดยท่านประมุขเซียนที่เขายังไม่เคยได้เห็นหน้า

“ ไม่!!”

ในขณะนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากบนท้องฟ้า มันผสมกันระหว่างความกลัวสุดขีดกับความตกใจ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงดังโครมครามดังต่อมาอีก

บู้มมมม!

ราวกับว่ามีอะไรระเบิด แสงสีทองอันแรงกล้าอย่างหาที่เปรียบมิได้บานสะพรั่งบนท้องฟ้า มันเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ดวงที่สอง

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง

เว่ยเฉิงตัวระเบิดแล้ว!

ถูกต้อง มันหมายความตามที่พูดทุกประการ

ภายใต้หมัดที่ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของฮุ่ยฉี พลังของมังกรสวรรค์ทั้งเก้าก็ได้หลั่งไหลเข้ามาและทุบลงบนหัวของเว่ยเฉิงอย่างรุนแรง

แม้แต่ปราชญ์ก็ยังไม่สามารถต้านทานพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้

ศีรษะของเว่ยเฉิงถูกหมัดของฮุ่ยฉีทุบเข้าอย่างหนัก จากนั้นพลังของมังกรสวรรค์ทั้งเก้าก็ปะทุขึ้น มันทำให้หัวของอีกฝ่ายระเบิดแตกในทันที

ขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็ได้กลายเป็นลูกบอลแสงสีทอง

แก่นแท้เซียนของเขาแตกออกในการระเบิดที่รุนแรงนี้และแตกสลายลงอย่างรวดเร็วด้วยการระเบิดกลายเป็นผงในพริบตา

เมื่อแก่นแท้เซียนของเขาแตกสลาย เว่ยเฉิงก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก โลกทั้งใบว่างเปล่าและใสสะอาด มันไม่มีร่องรอยของเว่ยเฉิงอีกต่อไป

สำหรับเก๋าโชวซิน เขาก็ได้รับข้อความของจูคังเชิงในตอนที่เว่ยเฉิงถูกสังหารโดยบอกให้เขาหยุดและรีบวิ่งมาก้มหัวขอคารวะแด่ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากฮุ่ยฉีระเบิดเว่ยเฉิงจนเละเป็นจุลแล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้จึงสิ้นสุดลง

มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์

ฮุ่ยฉียังคงลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาของเขาปิดลงเล็กน้อยในขณะที่เขาสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายของเขาควรไหลเวียนอย่างไรและจะเปิดใช้งานอย่างไรเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น

หลังจากการต่อสู้ผ่านพ้นไป เขาก็ได้ทำความเข้าใจพลังของเขาแล้ว

ซุยเฮ็งพูดถูก การต่อสู้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมความแข็งแกร่ง

หลังจากการต่อสู้ผ่านไปรอบหนึ่ง เขาก็จะคุ้นเคยกับพลังของเขาเอง

ถ้าเขายังไม่คุ้นเคยกับมัน เขาก็แค่ต้องต่อสู้สองรอบ!

ในขณะเดียวกัน เป่ยฉิงซูซึ่งอยู่ในตระกูลหลี่ก็มองไปที่บนท้องฟ้าด้วยความอิจฉาริษยา เขารู้สึกว่าข้อต่อทั่วร่างกายของเขากำลังส่งเสียงร้อง

เขาต้องการจะต่อสู้ด้วย!

“ ในครั้งหน้า ข้าก็ขะต้องให้ท่านอาจารย์ส่งข้าไปสู้บ้าง!” เป่ยฉิงซูตัดสินใจและต้องการที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ โปรดรอสักครู่!” ทันใดนั้นเอง หลี่ฉวนก็หยุดเป่ยฉิงซูเอาไว้และพูดด้วยความเคารพว่า “ ท่านช่วยพาข้าไปหาท่านประมุขเซียนด้วยจะได้ไหม? ข้าอยากจะขอบคุณเขา”

“ โอ้?” เป่ยฉิงซูตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มให้หลี่เฉิงและพูดว่า “ ก็ได้ หลี่เฉิง เจ้าพาเขาไปเองนะ”

“ รับทราบ” หลี่เฉิงพยักหน้า

….

บนท้องฟ้า

ซุยเฮ็งมองดูหลี่ฉวนด้วยความสนใจและยิ้ม “ ผู้เฒ่าหลี่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันหรอ?”

นี่คือสิ่งที่หลี่เฉิงบอกเขามา

“ ข้า…” หลี่ฉวนตื่นตระหนกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารีบอธิบายว่า “ ถูกต้องแล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถบอกข้อมูลนี้ได้ มิฉะนั้นตระกูลหลี่ของข้าก็จะถูกกำจัด”

“ เจ้าไม่ต้องสนใจคำขู่ของปราชญ์คนนั้นหรอก แค่พูดมันออกมาก็พอ” หัวใจของซุยเฮ็งเต้นผิดจังหวะ “ ผู้เฒ่าหลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าปราชญ์คนนั้นชื่ออะไรและหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“ ใช่ ใช่ แน่นอน ข้าไม่มีทางลืมมันได้” หลี่ฉวนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดว่า “ เขาบอกว่าชื่อของเขาคือหมิงเจิน แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของเขามาก่อน เขาลึกลับมาก”

“ หมิงเจิน?” ซุยเฮ็งตกตะลึง

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินชื่อของปราชญ์คนนี้