ตอนที่ 175

บทที่ 175 : การดำรงอยู่ที่ถูกผนึกมาตั้งแต่สมัยโบราณ

“ แสงสีแดงสมบูรณ์แบบ”

ซุยเฮ็งมองเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา แสงแห่งอารมณ์หกในเจ็ดรอบแก่นแท้ทองคำของเขาได้สูงถึงเจ็ดฟุตแล้ว

มันเหลือเพียงแสงสีขาวที่แสดงถึงความรักเท่านั้น

“ อย่างที่คาดไว้ การทำให้เซียนและเหล่าพระจากโลกเบื้องบนรู้สึกรักนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้พวกเขารักและเคารพฉัน”

ซุยเฮ็งลืมตาและตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ เขาคิดกับตัวเองว่า “ อย่างไรก็ตาม สถานที่ต่างๆ ได้ก็นำนโยบายใหม่ของฉันไปใช้แล้ว และแสงสีขาวก็ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน มันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานนักก่อนที่มันจะสูงถึงห้านิ้ว”

จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องโถงด้านในและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นและกำแน่นไปทางหยานโจว

ในเวลาเดียวกัน มือซ้ายของเขาก็สร้างผนึกขึ้น

ชาวเมืองในฉางเฟิงต่างสัมผัสได้ทันทีถึงแรงกดดันที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

ราวกับว่ามีคนมองลงมาจากบนท้องฟ้า!

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้ก็คงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาเห็นภาพหลอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจ

“ นี่คือเคล็ดวิชาห้าดวงใจอัสนีสวรรค์” ซุยเฮ็งพึมพำ

ในตอนนี้ เมื่อแสงแห่งอารมณ์หกประเภทของเขาสมบูรณ์แบบแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถเรียนรู้ห้าดวงใจอัสนีสวรรค์ขั้นเริ่มต้นได้สำเร็จ

เขาได้ฝึกคาถานี้จนถึงขั้นต้นแล้ว

….

สำหรับเหล่าตระกูลขุนนางจากโลกสูญสวรรค์ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป

พวกเขาทำได้เพียงติดตามซุยเฮ็งเท่านั้น

พวกเขารู้สิ่งที่สำนักเซียนเหล่านี้ทำแล้ว ดังนั้นหากข่าวนี้หลุดรอดออกไปได้ มันก็จะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

แท้จริงแล้ว ในโลกที่อำนาจเป็นของคนๆ เดียว แม้ว่าตระกูลขุนนางทั้งหมดจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจจะเทียบได้กับเซียนสวรรค์

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลขุนนางทั้งหมดของโลกสูญสวรรค์สร้างปัญหาและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนหยัดยึดมั่น มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อแหล่งกำเนิดผลึกน้ำค้างสวรรค์ของสำนักเซียนทั้งเก้า

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เซียนปฐพีของสำนักเซียนและพระโพธิสัตว์ของอารามพุทธจะปล่อยให้พวกเขากลับไปยังโลกสูญสวรรค์ทั้งเป็น

พวกเขาจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในโลกเบื้องล่างตลอดไปอย่างแน่นอน

คนตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับเอาไว้ได้ หากพวกเขาไม่ติดตามซุยเฮ็งพวกเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

และโดยบังเอิญ หวังตงหยางก็ได้แสดงเจตนาของซุยเฮ็งออกมา ซุยเฮ็งเพียงต้องการจะฆ่าผู้คนจากสำนักเซียนและอารามพุทธ เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่าคนจากตระกูลขุนนาง

ดังนั้นถ้าพวกเขาไม่เลือกข้างตอนนี้ แล้วพวกเขาจะรอดไปได้อย่างไร?

นอกจากพยัคฆ์ขาวแล้ว ใบหน้าของทุกคนจากสำนักเซียนต่างๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาปฏิบัติต่อตระกูลขุนนางเป็นเหมือนกับสุนัขของพวกเขาเท่านั้น

แต่ตอนนี้ สุนัขเหล่านี้ก็กลับทรยศต่อเจ้าของของมัน

นี่เป็นการตบหน้าพวกเขากลางสี่แยก!

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะโต้ตอบใดๆ

ออร่าและแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวที่แสดงออกมาโดยมังกรเพลิงตัวน้อยยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เซียนสวรรค์!

นี่คือการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!

หวังตงหยางมองไปที่ตระกูลขุนนางจำนวนมากที่คุกเข่าลงและแสดงสีหน้าพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า ลุกขึ้น”

“ ข้าแค่ถ่ายทอดคำพูดของท่านเซียนผู้สูงส่ง ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีเพียงท่านเซียนผู้สูงส่งเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องพวกเจ้าได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าก็จะพาพวกเจ้าไปที่เมืองฉางเฟิงเพื่อเข้าเฝ้าท่านเซียนผู้สูงส่ง”

“ ขอบคุณท่านหวัง!”

“ ขอบพระคุณท่านวัง!”

ทุกคนขอบคุณเขาและเดินไปยืนด้านหลังของหวังตงหยาง ซึ่งตรงข้ามกับคนจากสำนักเซียนและโถงพุทธมามกะเป่าหลิน

คนจากสำนักเซียนทั้งสี่ไม่กล้าพูดอะไร

ทันใดนั้น จักรพรรดิเว่ยอี้ก็ยืนขึ้นและกล่าวกับหวังตงหยางว่า “ ขอข้าไปที่เมืองฉางเฟิงกับพวกเขาด้วยได้ไหม?”

ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

จักรพรรดิแห่งต้าจินพยายามจะทำอะไรกัน!

เขากำลังรนหาที่ตายหรอ?

หวังตงหยางเองก็มองไปที่เว่ยอี้ด้วยความประหลาดใจและถามด้วยความสงสัยว่า “ เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องการจะเห็นท่านเซียนผู้สูงส่ง”

ในตอนนี้ เว่ยอี้ก็ไม่ได้ซ่อนเป้าหมายของเขาอีกต่อไปและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ ข้าต้องการจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับชะตากรรมของประเทศ”

“…” หวังตงหยางเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่แล้วเขาก็ยังคงพยักหน้าและพูดว่า “ ข้าสามารถพาเจ้าไปที่นั่นได้ แต่นั่นก็ยังขึ้นอยู่กับท่านเซียนผู้สูงส่งว่าท่านจะตัดสินใจให้เจ้าเข้าพบหรือไม่”

“ แน่นอน แน่นอน!” เว่ยอี้พอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาพยักหน้าและยิ้ม “ ขอบพระคุณท่านมาก”

“ เจ้ายังกล้าพูดในเวลาแบบนี้อีกหรอ” พยัคฆ์ขาวมองไปที่เว่ยอี้ด้วยความประหลาดใจ “ ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”

“ ก็ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” เว่ยอี้ถอนหายใจ

“ ใช่แน่นอน ประเทศของเจ้าอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว” พยัคฆ์ขาวพยักหน้า

“…” เว่ยอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “ บุตรเซียน ท่านนี่รู้วิธีพูดจริงๆ”

“ โฮกกกก!”

ในขณะนี้ มังกรเพลิงตัวน้อยก็คำรามออกมาในทันที

มันบินขึ้นไปในอากาศและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาสีแดงของมันเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่มาจากท้องฟ้าและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นพวกเขาก็อุทานพร้อมๆ กัน

“ พระพุทธเจ้า! แรงกดดันที่ทรงพลังอย่างยิ่งนี้มาจากพระพุทธเจ้าหรอ!”

“ พระพุทธเจ้าเสด็จลงมายังโลกมนุษย์? ไม่ใช่ นี่คือร่างอวตารของพระพุทธเจ้า!"

“ หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ด! เจ็ด มันมีร่างอวตารของพระพุทธเจ้าเจ็ดตน มันเป็นไปได้ยังไงกัน!”

เมื่อถึงจุดนี้ เงาที่ดูคล้ายกับพระพุทธเจ้าเจ็ดองค์ก็ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

แม้ว่าพระพุทธรูปเหล่านี้จะดูเหมือนภาพลวงตา แต่มันก็ปล่อยออร่าอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

“ อมิตาพุทธ!”

เสียงที่ดังอย่างหาที่เปรียบมิได้ดังมาจากฟากฟ้า มันดังอึกทึกและดังก้องไปทั่วทั้งมณฑลหลางหยา

แสงพุทธสีทองส่องไปทั่วราวกับว่าท้องฟ้าได้กลายเป็นดินแดนบริสุทธิ์ของโลกมนุษย์

ทันทีหลังจากนั้น เสาพลังพุทธเจ็ดต้นก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและล้อมรอบคฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดเอาไว้ มันผนึกปิดทุกทิศทาง

“ ปีศาจร้าย! จัดการพวกมันเร็วเข้า!”

เสียงดังสนั่นมาจากฟากฟ้า มันทำให้สีหน้าของทุกคนในคฤหาสน์ตระกูลหวังเปลี่ยนไป

ทุกคนจากตระกูลขุนนางดูหวาดกลัว

คนจากสำนักเซียนมีความสุขมาก

พวกเขารับรู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าทั้งเจ็ดองค์นี้ได้มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเขา

“ อมิตาพุทธ!”

พระโพธิ์สัตว์ทั้งห้าแห่งพนมมือประสานกัน การแสดงออกของพวกเขาดูเคร่งขรึมและร่างกายของพวกเขาก็เริ่มฉายแสงพุทธออกมา แสงสีทองเรืองรองก่อตัวเป็นเงาของพระพุทธเจ้าที่อยู่ข้างหลังพวกเขา

นี่คืออานุภาพแห่งพุทธคุณ

เงาพระพุทธเจ้าทั้งเจ็ดบนท้องฟ้าคือพระโพธิสัตว์ทั้งเจ็ดที่ประจำการอยู่ที่โถงพุทธมามกะ พวกเขาได้รับสัญญาณผ่านตราประทับพุทธธรรมและพวกเขาก็กำลังรีบเร่งมายังมณฑลหลางหยา

พวกเขากำลังจะมาช่วยพวกเขา!

แรงกดดันอันมหาศาลที่ไม่มีใครเทียบได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของพระโพธิสัตว์ทั้งห้า

ในชั่วพริบตา พวกมันทั้งห้าก็กลายร่างเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ประทับอยู่บนแท่นดอกบัว ออร่าที่เปล่งออกมาจากร่างกายของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามังกรเพลิงตัวเล็กมากนัก

“ จบแล้ว นี่คืออวตารของพระพุทธเจ้าเป่าหลิน!” พยัคฆ์ขาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ใบหน้าของเขาซีดเซียวและดูหวาดกลัว “ มันมีร่างอวตารธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหมด 12 ร่าง จบแล้ว จบแล้ว มันจบแล้ว!”

“ อวตารธรรมคืออะไร” เว่ยอี้ถามอย่างสับสน

“ พระพุทธเจ้าเป่าหลินจะแบ่งพลังส่วนหนึ่งเพื่อสร้างเป็นตราพุทธ เขาสามารถใช้วิธีการพิเศษนี้เพื่อรวมมันให้เป็นร่างอวตารได้” พยัคฆ์ขาวอธิบายง่ายๆ “ ภายใน 15 นาที ร่างอวตารเหล่านี้ก็จะมีพลังเทียบได้กับเซียนสวรรค์!”

หวังตงหยางดูประหม่าเช่นกันในขณะนี้ เขามองดูร่างอวตารทั้ง12 ตนด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด ขณะเดียวกัน เขาก็มองไปที่มังกรเพลิงตัวน้อยโดยไม่รู้ตัว

มังกรเพลิงตัวน้อยที่ซุยเฮ็งมอบให้นั้นก็อยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มันก็มีมังกรเพลิงเพียงตัวเดียว ขณะที่อีกด้านหนึ่งมี 12 ตน ความแตกต่างนั้นมีมากเกินไป!

“ ปีศาจร้าย! มังกรร้าย! ยอมตายซะดีๆ!”

ร่างอวตารทั้ง 12 ตนได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองลงมาที่คฤหาสน์ของตระกูลหวัง ยิ่งไปกว่านั้น พลังพุทธทั้งหมดของพวกมันยังมุ่งเป้าไปที่หวังตงหยางและมังกรเพลิง

“ ฮ่าๆๆๆ!” ในขณะนี้ จู่ๆ หวังตงหยางก็หัวเราะเสียงดังและชี้ไปที่บนท้องฟ้าขณะที่เขาสาปแช่ง “ ตั้งแต่ข้าเลือกทำงานให้กับท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าก็พร้อมที่จะตายมานานแล้ว”

“ ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังอยากจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนที่นี่ เจ้าลาโง่หัวล้าน ถ้าเจ้ามีความเก่งกล้าจริง งั้นทำไมพวกเจ้าไม่ฆ่าข้าเสียตอนนี้เลยล่ะ? มิฉะนั้น… มังกรเพลิงเอ๋ย โปรดฆ่าพระหัวล้านเหล่านี้ซะ!”

“ โฮกกกกก!”

มังกรเพลิงคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที พลังบนร่างของมันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และเปลวเพลิงบนเกล็ดของมันก็ลุกโชนยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว

ในเวลาเดียวกัน มังกรเพลิงตัวน้อยก็กลายเป็นแนวแสงและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั้นแสงพุทธระเบิดออกมาราวกับต้องการจะหยุดมัน แต่กระนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์

พวกมันถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย!

พวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้อย่างง่ายดาย!

“ โฮกกกกก!”

พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรที่น่าตกตะลึง มังกรเพลิงที่เดิมยาว 7 นิ้วก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงขนาดยาว 10 ฟุตในทันที

ร่างของมันร่ายรำไปมาในอากาศ

ราวกับว่าเทพอัคคีโบราณได้ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ มันปล่อยแสงสว่างเรืองรองและความร้อนระอุอันไม่รู้จบออกมา

ร่างของมังกรขนาดมหึมาได้ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง เกล็ดทุกชิ้นราวกับกำลังถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงสวรรค์ มันเปล่งแสงสีแดงเพลิงจ้าราวกับดวงอาทิตย์

ในขณะนี้ มังกรเพลิงก็ได้บิดร่างของมัน ก่อนที่พระพุทธเจ้าทั้ง 12 องค์จะทันได้ตอบสนอง หางของมันก็ได้ฟาดไปที่พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งแล้ว

และนั่นคือพระโพธิสัตว์จื่อเตอ!

บู้มมมมมม!

พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นทุ่ง เงาพระพุทธเจ้าก็ได้ถูกทุบแหลกกลายเป็นเศษละอองแสงจำนวนนับไม่ถ้วน และ ณ จุดนี้ มันก็ได้สลายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทันทีหลังจากนั้น มังกรเพลิงก็ส่ายหัวและอ้าปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงออกมา มันกัดเข้าไปที่ศีรษะของร่างอวตารตนอื่น

บึ้มมม!

ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าถูกกัดและบดขยี้ลง ณ จุดนั้น และร่างกายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายในก็ถูกไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

จากนั้นกรงเล็บมังกรทั้งสี่ของมังกรเพลิงก็ได้ตะคุบไปที่ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าอีกสี่ตน มันพยายามที่จะทำลายพวกมัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากทำลายร่างอวตารของพระพุทธเจ้าสองตนแรกไปได้เสร็จ ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าตนอื่นๆ ก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว

ทันทีที่กรงเล็บมังกรโบกสะบัด พวกมันทั้งหมดก็ถอยกลับโดยไม่ลังเล

ในขณะนี้ บนพื้นดินก็เงียบสงัด

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามังกรเพลิงขอบเขตเซียนสวรรค์จะทรงพลังมากขนาดนี้

มันสามารถฆ่าร่างอวตารสองตนได้ในทันที มันไม่น่าเชื่อเลย!

เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมดอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ แบบนี้แล้วทำไมความแตกต่างถึงยิ่งใหญ่มากขนาดนี้!

“ ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าประเมินตัวเองสูงกันเกินไปแล้ว!” หวังตงหยางหัวเราะลั่นเต็มปอด “ กลุ่มร่างอวตารกากๆ ที่ควบแน่นมาจากตราพุทธธรรมเป่าหลินจะไปเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่กลั่นมาจากพลังปราณของท่านเซียนผู้สูงส่งได้อย่างไร?”

บนท้องฟ้า ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าที่เหลืออีกสิบองค์ก็มองดูมังกรเพลิงทั้งเก้าด้วยความหวาดกลัว

“ ไม่จำเป็นต้องลังเลอีกต่อไปแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราทุกคนก็จะได้ตายกันหมดแน่!” ทันใดนั้นเอง ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าที่แปลงร่างโดยพระจื่อเฟิงก็พูดขึ้น

“ ถูกต้อง นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น!” พระจื่อถงพยักหน้า

พระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ กัดฟันและตัดสินใจ

ทันใดนั้น เงาสีม่วงดำก็ปรากฏขึ้นบนองค์พระพุทธรูปทองคำของพวกเขา และออร่าที่บ้าคลั่งและสกปรกของพวกมันก็แผ่ขยายออกไป!

ความผันผวนของพลังทั้งสิบดวงพวยพุ่งสูงขึ้นหลายครั้งในทันที แต่กระนั้น แสงพุทธที่เจิดจ้าก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป มันกลายเป็นแสงสีม่วงดำที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าแทน

ท้องฟ้าส่วนใหญ่ในมณฑลหลางหยามืดมนลง และความหวาดกลัวก็เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

….

ในเวลาเดียวกัน พระพุทธเจ้าทั้งสิบองค์ก็ถูกย้อมไปด้วยสีม่วงดำ

ใต้พื้นดินหลายพันลี้

สิ่งมีชีวิตที่ถูกผนึกมานานนับไม่ถ้วนก็ลืมตาขึ้น!