ตอนที่ 342

บทที่ 342: ข้าแค่หวังอยากจะเป็น...

พวกเขาพูดอะไรน่ะ?

ซุยเฮ็งอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ก่อนที่เขาจะทันได้โจมตีจ้าวปีศาจทั้งแปด พวกเขาก็ได้ยอมจำนนต่อเขาแล้วจริงๆ

จ้าวปีศาจแห่งประเทศฟา?

ข้างเขา ปี่หงก็รู้สึกมึนงงไปหมด เขาได้แต่จ้องมองบนท้องฟ้าด้วยความงุนงง จิตใจของเขาว่างเปล่า และเขาก็ได้เลิกคิดไปโดยสิ้นเชิง

ในพระราชวังต้าโจว หลี่หมิงเฉียงก็มองไปที่จ้าวปีศาจทั้งแปดด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณเหล่านี้ทรงพลังมาก

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสวรรค์นักบุญปีศาจ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเธอเห็นฉากนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะอุทานในใจว่า “ นี่พวกเขายอมจำนนตั้งแต่สัมผัสได้ถึงพลังของท่านอาจารย์เลยอย่างงั้นหรอ?”

อันที่จริง ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ผู้คนในต้าโจวเท่านั้น แต่ทุกคนในโลกสูญสวรรค์ก็ได้มองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน

นี่เป็นเพราะสวรรค์นั้นส่งผลต่อการทำงานของกฎแห่งโลกเบื้องล่างโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เอง ฉากที่แปดจ้าวปีศาจยอมรับซุยเฮ็งเป็นเจ้านายของพวกเขาจึงฉายผ่านแสงทองเจาะโลกและส่งผลต่อปรากฏการณ์ด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจแนวคิดและความยิ่งใหญ่ของจ้าวปีศาจได้

พวกเขารู้สึกเพียงว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในภาพลวงตาที่อธิบายไม่ได้ ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ทั้งแปดกำลังยอมจำนนต่อบุคคลผู้ยิ่งใหญ่

นอกนั้นพวกเขาก็ไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ถึงกระนั้น จ้าวปีศาจทั้งแปดก็ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางวิญญาณอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่พวกเขาจะมีชีวิตรอดไปได้

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็กำลังตรวจสอบพวกเขาอยู่เช่นกัน

เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวปีศาจทั้งแปด เขาก็ไม่ได้ตอบกลับในทันที

เขาเริ่มคิดแทน

ครู่ต่อมา ซุยเฮ็งก็ส่ายหัวและพูดกับจ้าวปีศาจทั้งแปดว่า “ ระดับการฝึกตนของพวกเจ้านั้นไม่ธรรมดา พวกเจ้าไม่สมควรที่จะมาเป็นบริวารของข้า จงกลับไปซะเถอะ”

แท้จริงแล้ว การรับจ้าวปีศาจเหล่านี้เข้ามาก็ค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับเขา

ตัวอย่างเช่น เมื่อเขาไปที่สวรรค์นักบุญปีศาจเพื่อสำรวจมันในอนาคต เขาก็จะสามารถรับข้อมูลมากมายได้อย่างง่ายดายและช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อตกลงนี้ก็ยังทำให้เขาเสียเปรียบเล็กน้อย

ซุยเฮ็งเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาโดยตลอด

ถ้าเขายอมรับผู้ติดตาม เขาก็มักจะให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่พวกเขาเป็นการตอบแทนด้วยเช่นกัน

และด้วยขอบเขตการฝึกตนในปัจจุบันของเขา แม้แต่หยาดเหงื่อที่หยดออกมาจากปลายนิ้วของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจก็ยังเพียงพอแล้วสำหรับจ้าวปีศาจเหล่านี้ที่จะได้เพลิดเพลินกับมันเป็นเวลานาน

จากทุกด้าน การรับจ้าวปีศาจเหล่านี้เข้ามาเป็นผู้ติดตามนั้นก็ถือเป็นข้อตกลงที่ดีอย่างหาที่เปรียบมิได้สำหรับพวกเขา อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซุยเฮ็งจะสามารถได้รับจากพวกเขาได้ก็คือข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสวรรค์นักบุญปีศาจ

ซึ่งในตอนนี้ เขาก็สามารถบังคับให้จ้าวปีศาจเหล่านี้ส่งมอบข้อมูลเหล่านี้มาได้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นผู้ติดตามของเขา

ด้วยเหตุนี้เอง การปฏิเสธพวกเขาจึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

….

จ้าวปีศาจทั้งแปดตื่นตระหนกอีกครั้ง

ในความเห็นของพวกเขา เนื่องจากการกระทำของจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวแล้ว สวรรค์นักบุญปีศาจจึงต้องตกนรกไปพร้อมกับเขา

และพวกเขาก็ต้องยอมจำนนอย่างสมบูรณ์เพื่อให้มีโอกาสรอดชีวิตไปได้

ด้วยเหตุนี้เอง หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับพวกเขาเป็นผู้ติดตามของเขา นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นแล้ว หลังจากที่ซุยเฮ็งปฏิเสธพวกเขา จ้าวปีศาจทั้งแปดจึงต่างพากันหวาดกลัวจนหมดปัญญา พวกเขาคิดว่าซุยเฮ็งจะต้องไม่ให้อภัยพวกเขาแน่ และเขาก็จะต้องการที่จะฆ่าพวกเขาหรือแม้กระทั่งทำลายสวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมด

“ เราควรทำยังไง? เราควรทำยังไงดี?!!”

“ แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไงเล่า? เหตุใดการดำรงอยู่สูงสุดนี้จึงไม่ยอมรับเรากัน?”

“ เป็นไปได้ไหมว่าการดำรงอยู่สูงสุดนี้จะมุ่งมั่นที่จะทำลายสวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมด?”

“….”

….

จ้าวปีศาจทั้งแปดกำลังร้อนรนด้วยความวิตกกังวล แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

พวกเขาทำได้เพียงรักษาท่าทางที่อ่อนน้อมเอาไว้ต่อไปโดยหวังว่าซุยเฮ็งจะยอมรับในความมุ่งมั่นที่จะยอมจำนนของพวกเขา

แต่สิ่งนี้ก็ไร้ประโยชน์

เมื่อเห็นว่าพวกเขายังไม่ยอมจากไป ซุยเฮ็งจึงพูดต่อว่า “ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องยอมรับข้าเป็นเจ้านายของพวกเจ้าแล้ว ไปซะสิ”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ถูกพูดออกมา จ้าวปีศาจทั้งแปดก็มีสีหน้าซีดเผือก

ในความเห็นของพวกเขา ซุยเฮ็งก็ต้องการให้พวกเขากลับไปยังสวรรค์นักบุญปีศาจและรอคอยความตาย

ทำไม...

ทำไมอีกฝ่ายไม่ยอมรับพวกเขา!

จิตใจของจ้าวปีศาจทั้งแปดเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัย

ในขณะนี้ ทันใดนั้นหนึ่งในจ้าวปีศาจที่ตระหนักได้ถึงบางสิ่งก็มีแววตาสว่างขึ้น

วิญญาณของเขาอยู่ในร่างของมังกรฟ้า ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความด้วยความประสงค์อันแน่วแน่ว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง มังกรน้อยตัวนี้คือจ้าวแห่งท้องสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งสวรรค์นักบุญปีศาจ ร่างกายหลักของข้าคือปีศาจมังกรฟ้า ข้าไม่หวังให้ท่านยอมรับข้าในฐานะผู้ติดตาม ข้าหวังเพียงจะได้ลากรถม้าของท่านเพื่ออำนวยความสะดวก”

ทันทีที่ข้อความนี้ถูกส่งออกมา จ้าวปีศาจคนอื่นๆ ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าปัญหาของพวกเขาอยู่ที่ไหน

มันไม่ใช่ว่าการดำรงอยู่สูงสุดนี้ไม่เต็มใจที่จะรับพวกเขาไปเป็นผู้ติดตาม แต่เขาแค่รู้สึกว่าพวกเขายังไม่คู่ควรกับการเป็นผู้ติดตามของเขาก็เท่านั้นเอง!

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน นี่ก็ไม่ผิด ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นกว้างจนสุดจะบรรยาย

มันแตกต่างอย่างไรจากการที่มดตัวน้อยต้องการจะยอมรับสัตว์ดุร้ายโบราณเป็นเจ้านายของมัน?

คนแรกที่ตอบสนองต่อมาคือจ้าวปีศาจกิเลน “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ร่างกายหลักของข้าคือกิเลน ข้าเองก็ไม่หวังให้ท่านยอมรับข้าในฐานะผู้ติดตาม ข้าแค่หวังอยากจะเป็นม้าให้ท่านขี่”