ตอนที่ 207 - บทที่ 207 ไปหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า!

บทที่ 207 ไปหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า!

“ซื้อลูกธนูเพิ่ม 20 ลูก สำหรับดาบก็เอาไว้ก่อน”

เขาตั้งใจที่จะใช้คะแนนการบริจาคที่เหลือเพื่อซื้อวัตถุดิบยา

ไม่ใช่วัตถุดิบยาพลังงานเลือด แต่เป็นวัตถุดิของยาพลังปราณ

ตอนนี้เขาเป็นนักรบขอบเขตการกลั่นชีพจรแล้ว และหลังจากผ่านการประเมินแล้ว เขาจะมีอำนาจในการซื้อทรัพยากรที่เกี่ยวข้องของขอบเขตการกลั่นชีพจร

เขาสั่งซื้อและทำการชำระเงิน

จากนั้นก็ไปอาบน้ำและเตรียมตัวพักผ่อน

เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ภัตตาคาร

ซูเจี๋ยและคนอื่น ๆ มองไปที่เกาซานที่หน้าแดงและและยิ้มแป้นด้วยความสุด ก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

“พี่เกา ทำไมเช้านี้ถึงมีความสุขขนาดนี้ มีเรื่องดีๆอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” ตู้เยว่ถามอย่างสงสัย

"ก็ไม่มีอะไร"

เกาซานเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก?”

ซูเจี๋ยกัดซาลาเปาไส้นึ่งแล้วพูดว่า "ท่านเกือบจะเขียนความสุขบนใบหน้าของท่านแล้ว"

"ใช่.."

คนที่เหลือก็ประสานเสียงพูดออกมาพร้อมกัน

เกาซานเกาหัวแล้วพูดว่า "จริงๆ แล้ว ไม่มีเหตุการณ์ที่น่ายินดีอะไรหรอก"

“พี่เกา นี่มันไม่เหมือนท่านเลยนะ”

“ใช่แล้ว เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว มิตรภาพเราหนักแน่นขนาดไห ตอนนี้มีเรื่องดีๆแต่ท่านก็ยังเก็บมันไว้จากเราอยู่ น่าเสียใจจัง”

“เฮ้ โลกกำลังจะตกต่ำ และหัวใจคนแก่ชราก็ยากคาดเดาได้”

หลายคนพูดคะยั้นคะยอให้เขาบอก

เกาซานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า "พวกเจ้าขอให้ข้าพูดออกมาเองนะ ถ้าข้าพูดแล้วก็อย่าตำหนิข้าล่ะ"

"พูดพูด…"

หลายคนเรียกร้อง

พวกเขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก

ถ้ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้นจริงๆ มันก็ไม่สายเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะมีความสุขกับเกาซาน

“เทคนิคการเตะสิบสองวิถีของข้า..” เกาซานมองดูพวกเขาที่มองมาที่เขาเป็นตาเดียวอย่างไม่กะพริบ “ก้าวหน้าแล้ว”

“อย่างนั้นหรือ ยอดเยี่ยมไปเลยพี่เกา ยินดีด้วย!”

ซูเจี๋ยกล่าวโดยไม่รู้ตัว

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“พี่เกา ข้าจำได้ว่าเทคนิคการเตะสิบสองวิถีของท่านเคยอยู่ในขั้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาก่อนไม่ใช่เหรอ? ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่ามันก้าวหน้าแล้ว?”

หลังจากที่เสียงนั้นดังขึ้น หลายคนก็กลั้นหายใจและจ้องมองไปที่เกาซานโดยไม่กระพริบตา

"ใช่"

เกาซานรู้สึกมั่นใจอย่างมากและพูดว่า: "มัน..บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว"

"...!!"

ในขณะนี้หลายคนตกใจมากจนส่งเสียงไม่ออก ร่างกายของพวกเขายืนนิ่งไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย

“ข้าก็ไม่อยากพูดหรอก”

เกาซานพูดอย่างช่วยไม่ได้ "พวกเจ้ากลับยืนกรานที่จะให้พูด"

เขาแสดงอาการเหมือนช่วยไม่ได้

ซูเจี๋ยและคนอื่น ๆ ข้ามองเจ้าและเจ้าก็มองข้า สีหน้าของพวกเขาดูเหมือนจะพูดว่า นี่มัน..เป็นไปได้ยังไง?

คนธรรมดาทั่วไปนั้นนับประสาอะไรกับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะเป็นขั้นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว และขั้นี้พวกเขาก็สามารถโอ้อวดกันคนอื่นได้แล้ว

การบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่แค่การทำงานหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต้องมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย!

อย่างแรกยังคงสามารถทำได้ แต่อย่างหลังนั้นยากแม้แต่จะฝันหา

เกาซานติดอยู่ในขั้นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาหลายปีแล้ว และทันใดนั้นจู่เขาก็บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบซะอย่างนั้น?

สักพักหนึ่ง พวกเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา

“พี่เกาท่านทำได้อย่างไร ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม?” ตู้เยว่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

แม้ว่าเธอจะเก่งเทคนิคการใช้ฝ่ามือ แต่เธอก็เชี่ยวชาญในเทคนิคการชกมวยและเตะด้วย แม้ว่าจะไม่มากแต่อย่างน้อยๆเธอก็อยู่ในขั้นความสำเร็จเล็กๆน้อยๆแล้ว

“ใช่แล้วพี่เกา ความสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นเช่นไรท่านอย่าปิดบัง หากท่านมีประสบการณ์ใด ๆ กรุณาแบ่งปันกับพวกเราด้วย”

แม้แต่ดวงตาของฟานซุยก็เผยให้เห็นความกระตือรือร้นฉายแววออกมา

“จริงๆ แล้ว ข้าไม่มีประสบการณ์อะไรเลย”

เกาซานยิ้มอย่างเบี้ยว "เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าคิดว่าความก้าวหน้าในด้านการใช้ขาของข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมของข้ากับน้องเฉินเมื่อคืนนี้"

"อะไรนะ?"

“พี่เกา ท่านหมายถึงอะไร”

ใบหน้าของทุกคนแสดงความไม่เชื่อ

“ถูกต้อง ความสำเร็จของน้องเฉินในเกี่ยวกับการเตะนั้นเกินจินตนาการของข้าอย่างมาก แม้ว่าเขาจะใช้การเตะขั้นพื้นฐานและมันพื้นฐานที่สุด แต่เขาก็สามารถเอาชนะเทคนิคการเตะสิบสองวิถีของข้าที่อยู่ในขั้นขั้นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้รับแรงบันดาลใจและกลับไปฝึกได้สักพัก แล้วจู่ๆข้าก็ทะลวงผ่านได้ซะอย่างนั้น”

“พี่เกา ท่านหมายถึงท่านก้าวหน้าได้หลังจากได้รับคำแนะนำจากน้องเฉินเท่านั้นงั้นหรือ?” ซูเจี๋ยกล่าวอย่างตกตะลึง

"ใช่"

เกาซานพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยว "พูดจริง ๆ มันค่อนข้างน่าทึ่ง เมื่อน้องเฉินและข้าเริ่มซ้อมกันในตอนแรกนั้น เขาเหมือนจงใจทำราวกับว่าเขาไม่เคยฝึกการเตะมาก่อน ทำให้ข้าคิดว่าระดับของเขามีจำกัด และข้าคิดว่าข้าคงไม่ได้รับอะไรมากในคืนนี้

แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเทคนิคการเตะครั้งต่อๆมาของน้องเฉินมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ และข้าก็ทนไม่ไหวเลยจึงร้องขอให้หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกซ้อมเมื่อคืนนี้ ข้าไม่รู้ว่าข้าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการที่จะทำให้เทคนิคการเตะสิบสองวิถีของข้าเข้าถึงขั้นสมบูรณ์แบบ "

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีอย่างมาก

โชคดีที่เขาเห็นข้อความเมื่อคืนนี้ ไม่เช่นนั้น ถ้าพลาดโอกาสนี้เขาอาจจะไม่สามารถบรรลุได้ตลอดชีวิต

“เช่นนั้นในตอนแรก น้องเฉินควรจะทดสอบความแข็งแกร่งของท่านก่อนใช่ไหม?”

“ใช่ ถ้าเขาใช้พละกำลังทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น การฝึกซ้อมครั้งนี้ก็จะไร้ความหมาย”

ซูเจี๋ยและคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความอิจฉาอย่างสุดซึ้งในดวงตาของพวกเขา

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าน้องเฉินจะเก่งไม่เพียงแต่ลูกธนูเท่านั้น แต่เก่งกาจในเทคนิคการเตะด้วย แม้แต่พี่เกาที่เชี่ยวชาญเรื่องการเตะก็ยังถูกสั่งสอนจากเขาด้วย”

“ใช่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตั้งแต่อายุยังน้อย เขากลายเป็นนักรบฮัวจินแล้ว พรสวรรค์ของเขาช่างสูงจนน่ากลัวอย่างมากจริง”

“น่าเสียดาย สิ่งที่ข้าฝึกคือการชกมวย ไม่เช่นนั้นข้าคงได้รับการสอนจากน้องเฉินเหมือนพี่เกาได้”

"ใครจะไม่เสียดายบ้างล่ะ"

หลายคนถอนหายใจออกมา

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“น้องเฉิน!”

“น้องเฉิน มาแล้ว!”

บางคนถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างตื่นเต้น

"...?"

เฉินฟานตกตะลึง ตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า: "เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?"

"เอ่อ…"

หลายคนมองหน้ากันและนั่งเงียบ ๆ

จากการวิเคราะห์คำพูดของเกาซาน เฉินฟานอาจเชี่ยวชาญเรื่องการเตะ

คนพวกนี้ล้วนฝึกแต่เทคนิคการชกมวยและฝ่ามือ การขอคำแนะนำจากผู้อื่นที่เชี่ยวชาญเรื่องการเตะค่อนข้างไม่เหมาะสม

“น้องเฉิน”

เกาซานเดินเข้ามาและทำมือคารวะขอบคุณ

“พี่เกา ท่านเป็นอะไร”

เฉินฟานช่วยเขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจะรับการให้เกียรติขนาดนี้ได้อย่างไร?

เกาซานโบกมือแล้วพูดว่า: "น้องเฉิน เจ้าไม่รู้อะไร..หลายปีที่ผ่านมา เทคนิคการเตะของข้าอยู่ในขั้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มานาน และข้าไม่สามารถแตะประตูแห่งความสมบูรณ์แบบได้เลย แต่หลังจากได้ฝึกฝนกับเจ้าเมื่อคืนนี้ หลังจากกลับไปเทคนิคการเตะของข้าก็จะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ”

“เป็นเช่นนั้นเหรอ? มันดีมาก”

เฉินฟานหัวเราะออกมา

จริงๆ แล้ว เขาไม่ตระหนี่ที่จะพูดให้อีกฝ่ายฟังสักสองสามคำ

จากนั้นอีกฝ่ายคงเรียนรู้เทคนิคการเตะสิบสองวิถีหลังจากที่เขาจากมา

“ใช่ ข้าเก่าซานไม่รู้ว่าจะตอบแทนความมีน้ำใจของน้องเฉินได้อย่างไร ตราบใดที่น้องเฉินขอให้ข้าช่วยในอนาคต ผู้แซ่เกาคนนี้จะพยายามอย่างเต็มที่!”

“พี่เกา ยินดีต้อนรับครับ และท่านไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราต่างก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

เฉินฟานโบกมือและมองดูคนอื่นๆ

เขาเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าทำไม ซูเจี๋ยและคนอื่น ๆ ถึงตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเขา

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะไม่สุภาพ

“ทุกคน มีใครเชี่ยวชาญเทคนิคการชกมวยและฝ่ามือบ้างไหม?”

หลังจากที่เสียงนั้นดังขึ้น ทุกคนรวมทั้งเกาซานก็ตกตะลึง และจ้องมองไปที่เฉินฟานด้วยความประหลาดใจ

เจ้าหมายความว่าอย่างไร?

เฉินฟานนอกจากเตะแล้ว เขายังเชี่ยวชาญเรื่องการชกมวยและฝ่ามือด้วยงั้นเหรอ?

“น้องเฉิน ข้าพอรู้เทคนิคฝ่ามือ”

ตู้เยว่เป็นคนแรกที่โต้ตอบและยกมือขึ้น

“ข้าก็พอรู้เทคนิคการใช้ฝ่ามือด้วย!”

"ข้าพอรู้เทคนิคการชกมวย"

“ข้าก็พอรู้เทคนิคการชกมวยเหมือนกัน”

คนที่เหลือต่างก็พากันแย่งกันพูดออกมา

“เอาล่ะ ถ้างั้นทำไมเราไม่ฝึกซ้อมกันสักหน่อยล่ะ?”

เฉินฟานถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ยังมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวันก่อนที่วัตถุดิบยาจะถูกส่งมา

ใช้เวลานี้เพื่อพัฒนาทักษะการชกมวยขั้นพื้นฐาน และระดับทักษะการใช้ฝ่ามือขั้นพื้นฐานก็ดีเหมือนกัน

พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก ต่างพากันพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว และพวกเขาก็รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจมากขึ้นเช่นกัน

น้องเฉินบอกว่าฝึกซ้อม แต่จริงๆ แล้วมันคือการสั่งสอนพวกเขา

จากนั้นเวลาในช่วงเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซูเจี๋ยและคนอื่น ๆ ต่างดูมั่นใจอย่างมาก เพราะพวกเขาได้รับประโยชน์มากมาย

ในตอนแรกมันเป็นอย่างที่เกาซานพูดจริงๆ

ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานต่างๆของเฉินฟานค่อนข้างพื้นฐานที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่

แต่หลังๆจากนั้น แม้ว่าพวกเขาจะใช้เทคนิคการชกมวยและฝ่ามือที่เชี่ยวชาญ พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถรับมือไหวอีกต่อไป

แน่นอนว่า เฉินฟานก็ได้รับอย่างมากเช่นกัน

ภายในครึ่งวัน เขาได้ยกระดับทั้งการชกมวยขั้นพื้นฐานและฝ่ามือขั้นพื้นฐานขึ้นเป็นระดับ 25 แล้ว

หากต้องการเพิ่มระดับอีก เขาก็จะพบปัญหาเช่นเดียวกับการเตะขั้นพื้นฐาน ความคืบหน้าช้าเกินไปและจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเลื่อนไปสู่ระดับหนึ่ง

หากต้องการพัฒนาต่อไป

เขาต้องใช้เวลามากขึ้น อาจะเป็นหนึ่งวันต่อระดับและต่อๆไปอาจะเป็นสองวันต่อระดับ

หรืออีกวิธีหนึ่งคือการแสวงหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า

และตอนนี้เฉินฟานได้ตัดสินใจเลือกวิธีที่สอง นั่นคือเมื่อเขาผ่านการประเมิน การเป็นนักรบขอบเขตการกลั่นชีพจรเขาจะไปที่สมาคมเพื่อแข่งขันกับกรบขอบเขตการกลั่นชีพจร หรือแม้แต่กรบขอบเขตหยวนแก่นแท้!...

……………….