ตอนที่ 181 - บทที่ 181 เขากลับมาแล้ว!

บทที่ 181 เขากลับมาแล้ว!

ซุนเว่ยไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้

“ไม่ต้องห่วงครับประธาน ข้ามีการยับยั่นชั่งใจพอ” ซู่เจียโบกมือของเขา

เขายืนอยู่ข้างๆ ฟานซุยด้วยสีหน้าไม่เต็มใจเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะเป็นนักรบเห่ยจินอายุสิบเจ็ดปีแล้วยังไงล่ะ? ด้วยการเลือดใช้อาวุธเย็นเขายังเป็นแค่มือสมัครเล่นเท่านั้นแหล่ะ…

ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูง มันเหมือนกับกำลังเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ถ้าไม่ระวังก็จะเสียชีวิต ไม่ต้องพูดถึงถ้าพวกเขาต้องเสีเวลาและเสียสมาธิไปดูแลคนใหม่

ลำบากมาก

ดังนั้น เขาจะทำให้เด็กใหม่นั้นเผชิญกับโลกแห่งความจริงเล็กน้อย

และเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อีกครั้งใกล้กับป้อมทั้งสองข้างเมืองอันชาน

ชายสวมหน้ากากบนใบหน้า ถือธนูในมือซ้าย และลากเหยื่อที่มีลักษณะคล้ายเนินเขาด้วยมือขวา แล้วค่อย ๆ เดินมาทางนี้

“เป็นเขาอีกแล้ว!”

ท่ามกลางฝูงชนก็มีเสียงพูดคุยกัน

“ถ้าข้าจำไม่ผิด เมื่อวานนี้เวลานี้เขาเขาก็ได้ลากอสูรระดับกลางมามากมายเช่นกัน”

“ใช่ ข้าไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้เขาจะมาอีก และจำนวนเหยื่อในวันนี้อย่างน้อยๆก็มากกว่าสองเท่าของเมื่อวาน!”

“โอ้..พระเจ้า ด้วยสัตว์อสูรระดับกลางมากมายขนาดนี้ พวกมันคงขายได้เป็นแสนเลยไม่ใช่เหรอ?”

“แค่แสนยังน้อยไป อย่างต่ำก็ห้าหกแสน”

"มันน่าทึ่งมาก"

ความอิจฉาในสายตาของทุกคนกำลังจะเอ่อล้นออกมา

สำหรับพวกเขาส่วนใหญ่ มันไม่ง่ายเลยที่จะล่าแม้แต่สัตว์อสูรระดับต่ำ หากพวกเขาบังเอิญพบกับสัตว์อสูรระดับกลาง มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะต้องจบชีวิตลงที่นั่น

แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางได้ ราวกับมันเป็นเหมือนหยิบอะไรบางอย่างออกจากถุง

เมื่อเปรียบเทียบการเป็นคนเหมือนกันมันก็น่าโมโห

ร่างในสายตาของทุกคนคือเฉินฟานโดยธรรมชาติ

ตามระหว่างทางที่มาที่นี่ เขาใช้เวลาในการยิงและฆ่าสัตว์อสูรระดับกลาง 30 ถึง 40 ตัวไปพร้อมกัน เงินเป็นอันดับสองส่วนคะแนนประสบการณ์เป็นอันดับหนึ่ง

สัญชาตญาณบอกเขาว่าหลังจากเข้าถึงขอบเขตการกลั่นชีพจรแล้ว จะต้องใช้คะแนนประสบการณ์เพิ่มเติมในการเพิ่มขั้นเทคนิคอย่างมากแน่นอน ดังนั้นเขาจะต้องไม่ปล่อยโอกาสที่จะไดสะสมคะแนนประสบการณ์ให้หลุดลอยไป

เช่นเดียวกับครั้งนี้ เขาได้รับคะแนนค่าประสบการณ์เพิ่มสูงขึ้นถึง 3,000 คะแนนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามการทำเช่นนั้นจะดึงดูดความสนใจของพวกหอการค้าหงชางอีกครั้งอย่างแน่นอน

แต่แล้วไงล่ะ?

เขามองไปทางรั้วด้านขวา และในไม่ช้าก็พบหลินฮุ่ย และฝ่ายตรงข้ามก็พยักหน้าให้เขา

หลินฮุ่ยยังคงตกใจอยู่ในขณะนี้

เขาคิดว่าเฉินฟานจะมาวันนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะยังคงมาเหมือนเมื่อวาน ที่ลากสัตว์อสูรมาเป็นกอง

เมื่อเห็นเฉินฟานมองมาที่เขา เขาก็รีบพาผู้คนไปพบเขา

“ผู้อาวุโสหลิน...”

เฉินฟานเพียงแค่กล่าวสวัสดี

หลินฮุ่ยโบกมือและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “มีคนมากเกินไปที่นี่ ไปเข้าข้างในกันก่อนแล้วคุยกันเรื่องนี้เถอะ”

หลายคนเดินมาปกป้องเฉินฟานให้อยู่ตรงกลางและเดินไปข้างหน้า

เมื่อมองดูเหยื่อที่มากกว่าครั้งที่แล้วถึงสองเท่า หลินฮุ่ยก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในบรรดานักรบจำนวนมากในเมืองอันชาน เขาเป็นคนเดียวที่สามารถทำได้เช่นนี้

ไม่มีใครสามารถล่าสัตว์อสูรได้มากมายเช่นเขา ยกเว้นผู้อวเคไม่กี่คนในเมืองก็ไม่มีใครอีกแล้ว

หลังจากที่หลายคนเข้ามาในโรงชำแหละ หลินฮุ่ยก็คำนวณผลผลิตอย่างรวดเร็วและเข้ามาและพูดว่า "น้องเฉิน ยอดรวมอยู่ที่ 725,688 หยวน ข้าจะแปลงเงินเหล่านี้เป็นคะแนนบริจาคในภายหลัง และส่งพวกมันทั้งหมดไปยังบัญชีสาขาของท่านก็แล้วกัน”

“ผู้อาวุโสหลิน รบกวนท่านด้วย”

เฉินฟานหัวเราะออกมา

"ปัญหาคืออะไร?"

หลินฮุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราควรจะขอบคุณเหยื่อของเจ้า เพราะแค่เจ้าเพียงคนเดียวก็เกือบจะมีปริมาณเท่ากับสาขาของเราในเดือนที่ผ่านมาแล้ว"

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว น้องชายเฉิน ท่านช่างน่าทึ่งจริงๆ”

“ข้าไม่เคยเห็นใครดุร้ายเท่าท่านมาก่อน”

คนอื่น ๆ ก็ยกนิ้วให้เขาเช่นกัน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีเหยื่อมากเท่าไร แม้ว่าพวกเขาจะยิ่งทำงานมากขึ้น แต่รายได้ของพวกเขาก็จะสูงขึ้นด้วย

เฉินฟานยิ้มและพูดว่า "ผู้อาวุโสหลิน งั้นข้าขอตัวก่อน ประธานมีอะไรจะพูดคุยกับข้า ดังนั้นข้าจะไปที่สมาคมก่อน"

"ไปเถอะๆ"

หลินฮุ่ยเร่งเร้า

เฉินฟานออกมาจากโรงชำแหละ แม้ว่าเขาจะไม่มีเหยื่อ แต่เขาก็ถูกจดจำได้ง่ายเหมือนเดิม

เขาไม่เดินไปทางอื่น เขาหยิบบัตรสมาชิกที่สมาคมมอบให้แล้วเข้าเมืองอย่างง่ายดาย และไม่นานก็มาถึงประตูอาคารสาขา

ทันทีที่เขาเข้าไป มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา มองหน้ากากบนใบหน้าของเฉินฟานด้วยความกังวลใจ และถามว่า "ขอโทษค่ะ นั่นคือท่านเฉินใช่ไหม?"

เฉินฟานพยักหน้า

“อ่า..” หญิงสาวพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ท่านประธานบอกให้ข้ามารอท่านอยู่ที่นี่ ถ้าข้าพบว่าท่านมาแล้วให้ข้าพาท่านไปพบเขาโดยเร็วที่สุด”

"เอาล่ะ รบกวนเจ้าด้วย"

เฉินฟานกล่าวขึ้น

"ไม่ มันไม่ลำบากเลย" ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

พวกเขาขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้นสอง ผู้หญิงคนนั้นพาเฉินฟานขึ้นไปชั้นสอง หยุดอยู่หน้าห้องทำงานของประธานแล้วเคาะประตู

"เข้ามา"

เสียงของซุนเว่ยดังมาจากภายในห้อง

ประตูเปิดออกและเมื่อเห็นร่างของเฉินฟาน ทันใดนั้นซุนเว่ยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาพยักหน้าไปที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนแล้วจึงเดินออกมาอย่างรวดเร็ว “น้องเฉิน ข้าดีใจที่เห็นเจ้า เป็นยังไงบ้าง..ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางหรือไม่?”

"ไม่"

เฉินฟานยิ้มให้เขา "และข้าได้ฆ่าสัตว์อสูรระหว่างทาง ดังนั้นข้าจึงเสียเวลาเล็กน้อยและทำให้ท่านรอเป็นเวลานานท่านประธาน"

“ฆ่าสัตว์อสูรระหว่างทางงั้นเหรอ?”

ซุนเว่ยสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้น และเขาก็ยกนิ้วให้เฉินฟานแล้วพูดว่า "ทำได้ดีมาก ถ้าเจ้าฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ได้อีกตัวหนึ่ง มนุษย์เราก็จะตายน้อยลงหนึ่งตัว แต่ความเป็นจริงถ้าต้องให้ข้าพูดจริงๆแล้วศัตรูของมนุษยชาติเราไม่ใช่แค่สัตว์อสูรเท่านั้น”

“หือ?”

เมื่อเฉินฟานได้ยินก็มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ไม่ใช่แค่สัตว์อสูรงั้นเหรอ? ท่านประธาน มีศัตรูอื่นในประเทศหยานของเราอีกด้วยงั้นหรือ?”

"ใช่"

ซุนเว่ยพยักหน้าและเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบไหล่เฉินฟานแล้วพูดว่า "เจ้าจะรู้สิ่งนี้หลังจากที่เจ้าไปถึงขอบเขตการกลั่นชีพจรแล้ว ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะรู้สิ่งเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม คันธนูและลูกธนูที่สำนักงานใหญ่ส่งมาได้มาถึงแล้ว ไปกันเถอะ..ข้าจะพาเจ้าไปดู และระหว่างทางข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับนักรบที่แข็งแกร่งคนคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับสูงของสาขาของเราด้วย

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับตัวเจ้า และพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะพบเจ้า"

"อย่างนั้นหรือ"

เฉินฟานได้ตอบกลับ

และเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยอยู่ในใจ

ตอนนี้เขากำลังคิดว่าในดินแดนของประเทศหยาน มีขุมพลังที่สามนอกเหนือจากสัตว์อสูรอีกงั้นเหรอ?

แล้วทำไมเขาไม่เคยได้ยินลุงจางพูดถึงเรื่องนี้ รวมถึงคนอื่นๆ ในหมู่บ้านด้วย ..ไม่มีใครเคยพูดถึงมันเลย

ความปั่นป่วนที่เกิดจากการมาถึงของเฉินฟานนั้นรุนแรงมากจนทำให้ผู้คนของหอการค้าหงชางก็ตื่นตระหนกเช่นกัน

ในขณะนี้ในล็อบบี้ของหอการค้า มีนักรบยี่สิบหรือสามสิบคนมารวมตัวกัน พวกเขานั่งหรือยืน และบรรยากาศก็มีชีวิตชีวามาก

“ผู้ชายคนนั้นที่ทำตัวเอิกเกริกอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่เห็นหอการค้าหงชางของเราอยู่ในสายตา” นักรบคนหนึ่งตบโต๊ะอย่างมีอารมณ์โกรธ

“ถูกต้อง ไม่เป็นไรถ้าเขาไม่เข้าร่วมสมาคมนักรบ แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมเขาก็ทำตัวโดดเด่น ชัดเจนว่าเขากำลังเล่นตลกกับเรา ถ้างั้นเราต้องสร้างสีสันให้เขาบ้าง”

“ใช่ ไปจัดการเขากัน ไปเชือดไก่ให้ลิงดู ให้พวกนักรบอิสระในเมืองดูว่าไม่เข้าร่วมหอการค้าของเราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพวกเขากล้าที่จะเข้าร่วมสมาคมนักรบ พวกเขาก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะกลายเป็นศพในป่า!"

“พูดถึงเรื่องนั้น ไม่ใช่ว่าพวกเราบางคนได้เจอปัญหากับผู้ชายคนนี้เมื่อวานเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”

จากนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ถามขึ้น

ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบงันลง

เกือบทุกคน รวมถึงลู่หยางที่นั่งอยู่บนที่นั่งแรก ก็มองไปในทิศทางเดียวกัน

จู่ๆ เจียงซ่งและทั้งสองคนเมื่อวานก็ดูเขินอายและไม่สามารถนั่งนิ่งได้

“ใช่แล้ว สองคนที่เป็นผู้บอกเส้นทางเมื่อวานชี้ไปในทิศทางที่ผิด”

หนึ่งในนั้นพูดอ้างขึ้น

“ถูกต้อง ต้องตำหนิพวกเขาทั้งสองคนนั้น ไม่เช่นนั้นผู้ชายคนนั้นคงโดนเราฆ่าไปนานแล้ว”

"อย่างนั้น?"

ไม่ไกลออกไปนั้น ชายร่างยักษ์ซึ่งมีความสูงเกือบ 1.9 เมตร แขนล้ำสันพอๆ กับต้นขาของคนทั่วไปพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แล้วเหตุใดข้าจึงได้ยินสองคนนั้นบอกว่าพวกเจ้าตามไม่ทัน แล้วพอกลับมาก็ผลักความรับผิดชอบมาที่พวกเขาล่ะ?”

“ใช่ ทุกคนล้วนทำงานให้กับหอการค้า และมันไม่ดีเมื่อเจ้าเป็นคนผิด แต่เจ้ากลับต้องกาตำหนิคนอื่น!”

คนอื่น ๆ ในห้องเห็นสิ่งนี้และมีสีหน้ายินดี

ที่ใดมีคน ที่นั่นมีความอิจฉาริษยา ไม่ต้องพูดถึงหอการค้าแห่งนี้

ชายร่างยักษ์คนนั้นชื่อหวงฮันฉวน และเขาก็เป็นนักรบฮัวจินเช่นกัน เขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเจียงซ่งมาโดยตลอด และมันก็สมเหตุสมผลที่เขาจะคว้าโอกาสนี้ในการใส่ร้ายเจียงซ่งต่อหน้าลู่หยาง

ส่วนคนอื่นๆพวกเขายังมีความสุขที่ได้ชมความตื่นเต้น

“ผู้แซ่หวง!”

เจียงซ่งถลึงตาใส่และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เจ้าสามารถกินตามอำเภอใจ แต่เจ้าไม่สามารถพูดตามอำเภอใจได้ หากเจ้าคิดว่าเรากำลังโกหกเรื่องนั้น เจ้าสามารถไปเรียกคนทั้งสองนั้นมาถามได้ และเราจะสอนสวนพวกเขาด้วยกัน"

“ได้ ทำตามที่เจ้าพูด”

หวงฮันฉวนแค่อยากเยาะเย้ยพวกเขาก็เท่านั้น

"พอเถอะ"

ในขณะนี้ลู่หยางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "จะใส่ใจเรื่องในอดีตไปทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ในเมืองอันชานแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุอะไรเขาจะออกจากเมืองอีกครั้งในช่วงบ่าย ... "

“พี่ลู่”

เจียงซ่งพูดออกมาทันทีว่า "ครั้งที่แล้วเขาโชคดี คราวนี้ข้าจะดูเขาจากไปด้วยตัวเอง และรับประกันว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน"...

………….