[ลูกน้อง: ลั่วเซิง (ผู้กล้า)]
[สมญานามผู้กล้า: แม่ทัพเทพภูตผี]
[ระดับโชคชะตา: โชคชะตาผู้กล้าระดับมหากาพย์]
[ดินแดน: ดินแดนตะวันสาดแสง]
[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับเหนือสามัญขั้นต้น]
[ความสามารถโดยรวม: ลั่วเซิงถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวกองทัพ เขามุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ยังเด็กและได้แสดงศักยภาพและความสามารถทางทหารที่โดดเด่นตั้งแต่ยังเล็ก ลั่วเซิงผ่านการทดสอบของครอบครัวเมื่ออายุ 14 ปี และได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมกองทัพหลังจากเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ลั่วเซิงก็รู้สึกผิดหวังมากกับลอร์ดที่เขารับใช้ เขาได้สังหารลอร์ดผู้นั้นและปลดปล่อยลูกน้องคนอื่นๆ และออกเดินทางอีกครั้งเพื่อตามหาผู้กล้าที่เขาเฝ้าปรารถนา ในตอนนี้ ลั่วเซิงได้รับใช้เจ้าตะวันสาดแสงอยู่ ในสายตาของเขา เจ้าตะวันสาดแสงดูเหมือนจะเป็นผู้กล้าอันแสนไร้เทียมทานที่เขาเฝ้าปรารถนาซึ่งสามารถนำพาโลกไปสู่จุดที่ดีขึ้นได้ เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะมอบความภักดีทั้งหมดให้กับลอร์ดผู้นี้ไปแล้ว!]
[สายเลือด: สายเลือดมนุษย์ (ระดับตำนานขั้นต้น) (100%)]
[ทักษะ: พรสวรรค์–แม่ทัพสมรภูมิ, ทักษะผู้กล้า–เทพภูตผีบัญชาทัพ, ทักษะผู้กล้า–เทพภูตผีไร้เทียมทาน, เคล็ดวิชาง้าวเทพภูตผีสังหารอสูรประเภทเติบโตระดับมหากาพย์ขั้นกลาง, พายุคลั่งเทพภูตผีประเภทเติบโตระดับมหากาพย์ขั้นกลาง, เคล็ดวิชาง้าวสยบอสูรประเภทเติบโตระดับมหากาพย์ขั้นกลาง, เคล็ดวิชาประสานดาบโล่ระดับเหนือสามัญขั้นต้น, การยิงธนูระดับเหนือสามัญขั้นต้น, การรบบนสมรภูมิระดับเหนือสามัญขั้นต้น, การใช้หอกระดับเหนือสามัญขั้นต้น, ทฤษฎีและการใช้งานค่ายกลทัพระดับเพชรขั้นสูง, ค่ายกลทะลวงระดับเพชรขั้นต้น…]
[ความภักดี: 100 (ภักดีจนตาย)]
[ศักยภาพ: ระดับเทพชั้นสูงขั้นต้น]
[ประวัติผู้กล้า: 1. พรสวรรค์ในสนามรบของเขาเริ่มปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้กล้า เขาไปที่สนามรบและทิ้งตำนานไว้ในสนามรบเมื่อเขายังเด็ก คะแนนชื่อเสียงประจำตัว +1 คะแนนชื่อเสียงประจำเผ่าพันธุ์มนุษย์ +50! 2. ภายใต้ความเมตตาของเจ้าตะวันสาดแสง เขาได้รับมรดกผู้กล้าของแม่ทัพเทพภูตผีและกลายเป็นแม่ทัพเทพภูตผีรุ่นที่สอง! คะแนนชื่อเสียงประจำตัว +1 คะแนนชื่อเสียงประจำเผ่าพันธุ์มนุษย์ +10,000 คะแนนชื่อเสียงประจำทวีปจื้อเกา +5!]
หลังจากอ่านข้อมูลของพวกเขาแล้ว โจวโจวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
กำลังรบระดับผู้กล้าอีก 2 คนปรากฏขึ้นในดินแดนของเขาแล้ว!
นอกจากนี้ ลั่วเซิงยังทำให้เขาประหลาดใจมากด้วย
เดิมที ศักยภาพของเด็กคนนี้ก็อยู่ที่ระดับตำนานขั้นต้นแล้วก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้กล้า
ในตอนนี้เขาได้เลื่อนระดับไปสามก้าวใหญ่ติดๆ และกลายเป็นคนที่มีศักยภาพระดับเทพชั้นสูงขั้นต้นทันที!
โดยปกติแล้ว ศักยภาพของผู้กล้าจะไม่เพิ่มขึ้นมากนักแม้ว่าจะมีโชคชะตาของผู้กล้าเข้ามาเสริม แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับลั่วเซิง
โจวโจวนึกขึ้นมาได้ในทันใดว่าอีกฝ่ายเคยบอกเขาว่าอีกฝ่ายเคยสังหารศัตรูระดับบรอนซ์เขียวหลายคนบนสนามรบในขณะที่เขายังเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีอาชีพเลยด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าลั่วเซิงจะเหมาะสมกับมรดกผู้กล้านี้มากจริงๆ
มีแค่ตอนที่ผู้กล้าและมรดกผู้กล้าเข้ากันได้เป็นอย่างมากเท่านั้นที่จะทำให้ศักยภาพของคนผู้นั้นเพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้
“เตรียมตัว ไปรายงานตัวกับไป่อี้และบอกให้เธอจัดตำแหน่งรองแม่ทัพให้กับเจ้า จากนั้นพวกเราก็จะออกไปสู้ต่อ”
โจวโจวกล่าว
“ขอรับท่านลอร์ด!”
ทั้งสองคนกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
โจวโจวพยักหน้าและโยนบางสิ่งให้กับลั่วเซิง
ลั่วเซิงรับมันมาในทันทีและตระหนักได้ว่ามันคือรูปแกะสลักหมาป่าโลหิต
“ข้าเห็นว่าเจ้ามีพื้นฐานเรื่องค่ายกลทัพอยู่ นี่คือไอเท็มค่ายกลทัพระดับเหนือสามัญ มันบันทึกค่ายกลทัพที่มีชื่อว่าค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทราเอาไว้ ศึกษาและทำความเข้าใจกับค่ายกลทัพนี้ให้เร็วที่สุดซะ”
“ถ้าเจ้าอยากเร่งความเร็วในการศึกษา เจ้าก็สามารถไปที่วังของลอร์ดของข้าได้ มันมีห้องซ้อมที่ช่วยให้เจ้าศึกษาค่ายกลทัพนี้ได้เร็วขึ้นอยู่”
โจวโจวกล่าว
“ข้าจะเชี่ยวชาญค่ายกลหมาป่าละโมบเห่าหอนจันทราให้เร็วที่สุดเองขอรับ!”
ลั่วเซิงอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าอย่างจริงจัง
โจวโจวพยักหน้ารับ
จากนั้นเขาก็มองไปยังอู๋ตู่ที่ทำสายตาอิจฉาๆ อยู่
“อู๋ตู่ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ดินแดนของพวกเราจะเริ่มผลิตราตรีประดับดาวและภูติทมิฬออกมาอย่างต่อเนื่อง ราตรีประดับดาวและภูติทมิฬลำแรกน่าจะสร้างเสร็จแล้ว ไปรับมันมาจากเหวินหยาซะ นับจากนี้เป็นต้นไป ยานบินสองลำนี้จะถูกมอบหมายให้กองทัพวาดสวรรค์ดูแล”
โจวโจวกล่าว
“ขอบคุณขอรับท่านลอร์ด!”
อู๋ตู่อึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะคนที่เคยขึ้นไปบนราตรีประดับดาวและภูติทมิฬ เขาย่อมรู้ดีว่ายานบินทั้งสองลำนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับกองทัพวาดสวรรค์ได้แค่ไหน!
มันไม่เกินจริงไปเลยที่จะบอกว่ามันเป็นราวกับเสือติดปีกเลย!
ก่อนหน้านี้เขาอิจฉาลั่วเซิงที่เพิ่งเข้าร่วมดินแดนตะวันสาดแสงอยู่เล็กน้อย เพราะเขาได้รับตำแหน่งสำคัญจากท่านลอร์ดอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เขาไม่อิจฉาแล้ว
เขามียานบินถึงสองลำแล้ว
จะมีใครบ้างในดินแดนตะวันสาดแสงที่ได้รับเกียรติเช่นนี้?
เขาเป็นคนเดียวเท่านั้น!
โจวโจวอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเขาเห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่
หลังจากที่ทั้งสามคุยกันต่อสักพักแล้ว อู๋ตู่และลั่วเซิงก็ขอตัวกลับไปที่ค่ายทหาร
ในขณะเดียวกัน โจวโจวก็พาลู่ฉ่ายเอ๋อร์ไปยังวิหารอัศวิน
ระหว่างทาง เขาก็ให้ทหารไปเรียกซวีอันเข้ามาด้วย
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะที่เจ้าได้รับกำลังรบระดับผู้กล้ามาอีกสองคน”
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ยังไม่รู้ว่าทำไมโจวโจวถึงเรียกซวีอันมา แต่เธอก็ไม่ได้ถาม
เธอพูดกับโจวโจวด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อนในขณะที่เธอเดิน
แม้แต่คนที่มีความรู้กว้างขวางเหมือนกับเธอก็ยังต้องอึ้งกับโชคของโจวโจว
กำลังรบระดับผู้กล้าเจ็ดคน!
เมื่อรวมกับวิธีการที่ใช้ในการชุบชีวิตเธอและวิธีการที่ไม่น่าเชื่ออื่นๆ ใครจะคิดว่านี่คือรากฐานของลอร์ดที่เพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน?
แม้แต่ราชาแห่งอาณาจักรอันเก่าแก่ก็ยังต้องอึ้งไปและสงสัยในชีวิตของตัวเองถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้!
โจวโจวยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
...
ในไม่ช้า ซวีอันก็เดินเข้ามา
“คาราวะท่านลอร์ด!”
ซวีอันสะพายดาบเงาโลหิตไว้บนหลังและโค้งคำนับด้วยความสับสน
เขาไม่รู้ว่าท่านลอร์ดเรียกเขาเข้ามาทำไม
พวกเขากำลังจะไปที่สมรภูมิงั้นเหรอ?
“มากับข้า”
โจวโจวไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพาซวีอันที่กำลังสับสนและลู่ฉ่ายเอ๋อร์ไปยังวิหารอัศวิน
“ข้าขอเข้าพบเจ้าวิหารไป่เหอหน่อย”
โจวโจวพูดกับอัศวินเฝ้าประตู
“เจ้าวิหารยุ่งอยู่ทุกวัน เจ้าจะขอเข้าพบเขาเพียงเพราะเจ้าต้องการได้ยังไง”
อัศวินเฝ้าประตูขมวดคิ้ว
“มันเกี่ยวกับเรื่องการชุบชีวิตผู้กล้า”
โจวโจวพูดอย่างช้าๆ
อัศวินเฝ้าประตูสองคนอึ้งไปและไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
วิหารอัศวินและแม้แต่ระดับเบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างก็รู้แล้วว่าโจวโจวสามารถชุบชีวิตผู้กล้าได้
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์คือตัวอย่างที่มีชีวิตของเรื่องนี้
หรือว่าเขาจะชุบชีวิตผู้กล้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก?
อัศวินเฝ้าประตูสองคนมองมาที่โจวโจวด้วยความเคารพและบูชา
“ข้าจะไปรายงานเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”
น้ำเสียงของอัศวินเฝ้าประตูเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก หลังจากพูดออกมาด้วยความสุภาพแล้ว เขาก็วิ่งเข้าไปในโถงทันที
“พวกเจ้าสามคนรออยู่ที่นี่ก่อนละกัน”
อัศวินอีกคนกล่าว
โจวโจวพยักหน้าและเดินเข้าไปในวิหารอัศวิน